The Hunger Games (2012)

เกมล่าเกม

The Hunger Games Poster
8.5/10

คะแนน
โกดังหนัง

ปฐมบทของเรียลลิตี้เกมแห่งการฆ่า สร้างจักรวาลดิสโทเปียใหม่ได้อย่างสวยงาม สะท้อนความบันเทิงของผู้คนผ่านความรุนแรงและโหดร้ายของเยาวชน

หมวดหมู่ : Action Adventure Sci-Fi
สัญชาติ : American
กำกับโดย : Gary Ross
ความยาว : 2 ชั่วโมง 22 นาที
นักแสดงนำ : Jennifer Lawrence, Josh Hutcherson, Liam Hemsworth

คำคมจากภาพยนตร์

“I volunteer! I volunteer! I volunteer as tribute!” “ฉันอาสา! ฉันอาสา! ฉันขออาสาเป็นเครื่องบรรณาการ!”

เรื่องย่อ

แคทนิส เอเวอร์ดีน หญิงแกร่งแห่งเขต 12 ที่ความซวยต้องมาเยือนในชีวิต เมื่อเทศกาล The Hunger Games ที่เมืองหลวงอย่าง พาเน็ม จัดขึ้น เพื่อให้แต่ละเขตส่งตัวแทน (เครื่องบรรณาการ) เขตละ 2 คนเข้ามาเพื่อแข่งขันในเกมล่าชีวิต ที่ให้ทุกคนฆ่ากันจนเหลือผู้ชนะแค่เพียงคนเดียว ซึ่งปีนี้คนที่ถูกสุ่มเลือกมาดันเป็นน้องสาวของเธอที่เพิ่งมีชื่อเข้ามาเป็นปีแรก จนทำให้เธอจึงต้องอาสามาเป็นผู้เข้าแข่งขันแทน ร่วมกับ พีต้า เมลลาร์ค เด็กหนุ่มจากเขตเดียวกันอีกคน จนทั้งคู่จึงต้องช่วยเหลือกันในการเอาชีวิตให้รอดจากเกมนี้ให้ได้ แม้ว่ากติกาจะให้เหลือผู้รอดชีวิตเพียงคนเดียวก็ตาม

หนังเรื่องนี้เหมาะกับใคร

สำหรับ The Hungers Games เป็นหนังที่เหมาะกับคนที่ชอบสายโลกดิสโทเปียแบบดาร์คๆ ได้ไม่ยาก ด้วยการสร้างโลกใหม่ขึ้นมาที่น่าสนใจ และมีอะไรให้น่าค้นหา รวมถึงเกมและกติกาของการโยนคนเข้าไปในสนามรบเพื่อให้ฆ่ากันเองก็เป็นอะไรที่แสนจะคลาสสิคและดึงคนดูได้อยู่ตลอด ไปจนถึงการที่หนังมีตัวเอกเป็นสาวแกร่งอย่าง แคตนิส ก็ยิ่งกลายเป็นตัวละครที่น่าเอาใจช่วย และน่าจดจำไปกันใหญ่ ดังนั้นใครชอบหนังวัยรุ่นเอาชีวิตรอดในโลกใหม่แบบดาร์คๆ อย่าง The Maze Runner กับ The Divergent แล้ว นี่ก็เป็นอีกเรื่องที่คุณภาพดีกว่ามาก และอยากให้ได้ดูกัน

  • สายหนังโลกดิสโทเปีย
  • สายหนังแอคชั่นเยาวชน
  • สายหนังสู้กับเผด็จการ

รีวิว / สรุปเนื้อหา

อีกหนึ่งจักรวาลดิสโทเปียหรือเรียกง่ายๆ ว่าโลกที่มีระบบไม่เป็นไม่ตามอุดมคติอีกเรื่องที่สร้างความฮือฮาได้เป็นอย่างยิ่งตั้งแต่ตอนที่ตัวนิยายออกแล้ว ด้วยความที่สร้างโลกขึ้นมาใหม่ได้อย่างน่าสนใจในระบอบเผด็จการ และระบบชนชั้น จากการแบ่งเขตต่างๆ ที่มีจุดเด่นที่ต่างกันออกไป ผสมผสานกับเกมเอาชีวิตรอดที่ให้คนมาฆ่ากันเองแบบ Battle Royal จนเหลือผู้รอดเพียง 1 คนเท่านั้น ก็ทำให้มันกลายเป็นหนังเอาชีวิตรอดกึ่งการเมืองที่ทำออกมาได้เข้มข้นทั้งสองพาร์ทเลยทีเดียว ทำให้มันมีความแตกต่างมากพอจากนิยายวัยรุ่นเรื่องอื่นๆ จนสามารถสร้างความโดดเด่นขึ้นมาได้

อีกหนึ่งจุดเด่นที่น่าจะทำให้หนังโด่งดังได้มากก็คือคาแรคเตอร์ของตัวละครอย่าง แคตนิส ที่เป็นหญิงแกร่ง ฉลาด มีไหวพริบ จนคนดูทั้งในพาเน็มและนอกจอ ต่างก็อยากจะเชียร์ให้เธอเป็นผู้รอดชีวิตจากเกมอันตรายในครั้งนี้ แต่นั่นแหละก็เป็นความขัดแย้งอีกอย่างของเรื่อง ที่ทำให้คนดูอยู่ในสถานะผู้เฝ้ามองผู้เฝ้าแข่งขันแต่ละคน และคาดหวังให้คนที่เราชอบรอด โดยนั่นหมายถึงว่าคนที่เหลืออื่นๆ จะต้องตายทั้งหมดก็ตาม ทำให้ในการเชียร์ตัวละครแต่ละครั้งของคนดู ก็ไม่ต่างจากความบันเทิงที่ชาวพาเน็มได้รับเลย ซึ่งตัวดาราอย่าง Jennifer Lawrence เองก็รับบทบาทนี้มาได้เป็นอย่างดี และมีพลังในการแบกหนังเอาไว้ได้มากจริงๆ

นอกจากนี้ในส่วนของฉากแอคชั่นของหนังก็ทำออกมาได้สนุก แม้ว่ามันจะไม่ได้เป็นการบู๊ล้างผลาญ แต่กลับกลายเป็นการเอาชีวิตรอด และขับเคลื่อนความสนุกความตื่นเต้นด้วยเนื้อเรื่องมากกว่า กับภารกิจต่างๆ ที่นางเอกต้องเผชิญ รวมถึงความสัมพันธ์กับคนเขตอื่นๆ รวมทั้งกับพีต้าในเขตตัวเอง แต่ข้อเสียที่เห็นอยู่อาจจะเป็นในเรื่องของมุมกล้องที่ตัดไวๆ เหวี่ยงๆ จนรู้สึกเวียนหัวไปนิด แต่ส่วนที่เหลือของหนังนับว่าถ่ายทอดออกมาจากต้นฉบับนิยายได้ดีเลย อีกทั้งยังเอาหัวใจสำคัญต่างๆ มาใส่ในหนังได้อย่างครบถ้วนอย่างน่าชื่นชม

เกร็ดจากหนังเรื่องนี้

  • ในกองถ่ายของภาพยนตร์นั้นจะมีการตั้ง Swear Jar เอาไว้สำหรับคนที่ชอบพูด Swear Word หรือเรียกง่ายๆ ว่าคำสบถ ซึ่งถ้ามีใครพูดคำหยาบขึ้นมาก็จะต้องมาหยอดเงินในนี้ โดยเงินครึ่งนึงจากในโหลนั้นก็มาจากตัวนางเอกอย่าง Jennifer Lawrence นั่นเอง
  • ในภาคแรกนั้น Jennifer Lawrence ได้รับค่าจ้างเพียง $500,000 เท่านั้น เธอจึงใช้เวลาถึง 3 วันในการตัดสินใจที่จะรับบทนี้ เพราะไม่แน่ใจว่ามันจะออกมาดี หรือแย่จนกระทบกับอาชีพการงานของเธอในอนาคตหรือไม่ เพราะงานส่วนมากของเธอในตอนนั้นเป็นหนังอินดี้มากกว่าหนังใหญ่ ซึ่งก็นับว่าเป็นตัดสินใจถูกที่รับมา เพราะมันทำให้เธอโด่งดังขึ้นมากๆ อีกทั้งยังได้รับค่าตัวเป็นเงินถึง $10 ล้านเหรียญในภาคต่อมาด้วย