![](https://kodungmovie.com/wp-content/uploads/2021/04/Armageddon-1-1.jpg)
Armageddon (1998)
อาร์มาเกดดอน วันโลกาวินาศ
![Armageddon Poster](https://kodungmovie.com/wp-content/uploads/2021/04/Armageddon.jpg)
คะแนน
โกดังหนัง
หนังดาวหางถล่มโลก ของไมเคิล เบย์ในยุคที่ทำหนังสนุกอยู่ ยิ่งใหญ่อลังการและเต็มไปด้วยความบันเทิง
คำคมจากภาพยนตร์
“I gotta go now, honey.”
“ฉันต้องไปแล้ว ที่รัก...”
เรื่องย่อ
เมื่อดาวหางขนาดยักษ์กำลังจะพุ่งเข้าชนโลก เวลาที่เหลือมีอยู่แค่เพียง 18 วันเท่านั้น แฮรี่ สแตมเปอร์ และลูกทีมที่เป็นนักขุดเจาะแท่นน้ำมันมืออาชีพ จึงเป็นความหวังเดียวของโลก ที่จะต้องรับภารกิจจากทาง NASA เพื่อฝึกฝนทักษะนักบินอวกาศ จะได้ขึ้นไปขุดฝังระเบิดนิวเคลียร์จากภายในดาวหางให้แตกออกจนหลีกเลี่ยงการชนโลกไป จนเกิดเป็นภารกิจสุดระห่ำเพื่อช่วยโลกจากภัยพิบัติในครั้งนี้
หนังเรื่องนี้เหมาะกับใคร
สำหรับ Armageddon จะเหมาะกับคนที่ชอบหนังภัยพิบัติล้างโลก ประเภทโลกจะแตก น้ำท่วม โลกจะล่มสลายอะไรทั้งหลายแหล่ โดยที่ไม่ต้องอ้างอิงกับความสมจริง หรือหลักวิทยาศาสตร์อะไรให้มากมาย แต่เน้นดูเอาบันเทิง ดูเอาลุ้นกับภารกิจตัวละครว่ารอดไม่รอด แบบหนังอย่าง 2012, The Day of the Tomorrow อะไรเทือกๆ นี้ ก็จะสนุกไปกับ Armageddon ได้ไม่ยาก
- สายหนังภัยพิบัติล้างโลก
- สายหนังแอคชั่นโลกแตก
- สายหนังอวกาศ
รีวิว / สรุปเนื้อหา
อีกหนึ่งหนังที่สร้างความรู้สึกผิดที่ดูสนุกได้ในทุกครั้ง (Guilty Pleasures) สาเหตุอาจเป็นเพราะเราเห็นบทอันแสนกลวง แถมยังขี้โม้โดยไม่ค่อยสนใจหลักวิทยาศาสตร์ หรือแม้กระทั่งหลักความเป็นจริงสักเท่าไร แต่ใครจะแคร์ล่ะ ในเมื่อหนังมันทำออกมาได้สนุกและบันเทิงจัดเต็มได้ซะขนาดนี้ ด้วยความที่หนังยาวกว่า 2 ชั่วโมงครึ่ง เลยใช้เวลาในการปูเรื่องไปกับตัวละคร ค่อยๆ เห็นความสัมพันธ์ของพวกเขา ไม่ว่าจะเป็นความสัมพันธ์ของพ่อ-ลูก หรือของคู่รัก ที่ทำให้คนดูค่อยๆ ซึมซับและผูกพันไปกับพวกเขาจะนำไปสู่เรื่องราวในตอนท้าย ซึ่งจะว่าอืดก็ไม่เท่าไร แต่จะว่ากระชับก็ไม่เชิงเหมือนกัน แต่หนังก็มีอะไรให้เราได้ติดตามอยู่ตลอด
![](https://kodungmovie.com/wp-content/uploads/2021/05/Armageddon-2-1024x536.jpg)
แต่จะว่าไปการพูดถึงตัวบทหนังหรืออะไรก็คงไม่มีประโยชน์สักเท่าไร เพราะด้วยความที่ผู้กำกับเป็น ไมเคิล เบย์ แล้ว สไตล์หนังของเขาที่ออกมาก็ต้องโดดเด่นในเรื่องความแอคชั่น ระเบิดระเบ้อ ตู้มต้ามมันส์สะใจอยู่แล้ว ซึ่งหนังก็ทำในส่วนนี้ออกมาได้ดีมากๆ จนได้มีโอกาสเข้าชิงรางวัลออสการ์ในสายนี้ ทั้งด้านเสียง ตัดต่อเสียง รวมถึง Visual Effects ไปอีก (แต่งานด้านเสียงก็ดันไปชนตอ อย่าง Saving Private Ryan ส่วน Effect ก็ไปชนกับฉากนรก สวรรค์ใน What Dreams May Come อีก) แต่ถึงอย่างไร ก็สร้างความตื่นตาตื่นใจให้กับคนดูได้เป็นอย่างดี จนสามารถสร้างอารมณ์ร่วมในฉากที่ชวนลุ้น หรือฉากเอาชีวิตรอดต่างๆ ได้แบบเต็มเม็ดเต็มหน่วยมากๆ
![](https://kodungmovie.com/wp-content/uploads/2021/05/Armageddon-3-1024x536.jpg)
แต่ไม่ว่าจะมองยังไง เราก็ไม่สามารถพูดได้ว่ามันคือหนังคุณภาพ แต่ในทางกลับกันเราก็ไม่สามารถปฏิเสธได้เหมือนกันว่ามันคือหนังป็อปคอร์นที่สนุกและเต็มอิ่มไปกับความบันเทิงจนเป็นที่น่าจดจำได้เช่นกัน และมันก็ยังคงเป็นหนังอุกกาบาตถล่มโลกเรื่องแรกๆ ที่เรานึกถึงอยู่เสมอเมื่อพูดถึงหนังแนวนี้ รวมถึงเพลง I don’t want to miss a thing ของ Aerosmith ที่ยังประกอบเรื่องได้อย่างโดดเด่น และเป็นเพลงที่ขึ้นหิ้งติดหูมาจนถึงทุกวันนี้ได้เช่นกัน นับเป็นหนังอันดับต้นๆ ของผู้กำกับ Michael Bay ในยุคที่ยังดูสนุกอยู่ ก่อนที่หลังๆ จะเริ่มพังพินาศจนหาหนังแนวๆ นี้ของเขาไม่ได้อีกแล้ว
เกร็ดจากหนังเรื่องนี้
- Nasa ได้เปิดหนังเรื่องนี้ในการ Training ระดับผู้จัดการ โดยผู้จัดการหน้าใหม่ทั้งหลาย ต่างจับผิดความไม่สมเหตุสมผลของหนังได้ถึง 168 อย่างเลยทีเดียว (ก็หนังบันเทิงอ่านะ 555+)
- อีกเรื่องที่สวยกระแสคนดูมากๆ คือ Michael Bay เคยออกมาสัมภาษณ์ว่า Armageddon คือหนังที่ห่วยที่สุดของเขา จากเวลาสร้างแค่เพียง 16 สัปดาห์ เป็นงานที่ไม่แฟร์กับมากๆ (แต่คนดูกลับมองว่านี่แหละคือหนังที่สนุกของเขาอีกเรื่องเทียบกับผลงานยุคหลังๆ ที่แย่กว่านี้เยอะ 55+)