Emergency Declaration (2022)

ไฟลต์คลั่ง ฝ่านรกชีวะ

Emergency Declaration Poster
8.5/10

คะแนน
โกดังหนัง

ที่สุดของความกดดันบีบหัวใจคนดูทุกฉาก เป็นหนังหายนะที่สนุกตื่นเต้น บทหนังคาดเดาอะไรไม่ได้เลย นี่คือหนังก่อการร้ายที่พล็อตเรื่องโคตรเจ๋งที่สุดเท่าที่เคยดูมา

หมวดหมู่ : Action Thriller
สัญชาติ : South Korea
กำกับโดย : Han Jae-Rim
ความยาว : 2 ชั่วโมง 27 นาที
นักแสดงนำ : Lee Byung-hun, Song Kang-Ho, Jeon Do-yeon

คำคมจากภาพยนตร์

“อย่าไปโกรธพวกเขาเลย พวกเขาแค่หวาดกลัว พวกเขาไม่ได้ผิดอะไร”

เรื่องย่อ

เที่ยวบิน Sky Korea KI501 จากกรุงโซลสู่เกาะฮาวาย คงเป็นเที่ยวบินธรรมดาไม่น่ามีภัยร้ายอะไร แต่อยู่ดีๆ เกิดมีผู้โดยสารรายหนึ่งเสียชีวิตแบบไม่ทราบสาเหตุ จนทำให้ผู้โดยสารที่เหลือเริ่มวิตกกังวล กัปตันจึงตัดสินใจประกาศเหตุฉุกเฉินและขอลงจอดฉุกเฉิน แต่ไม่มีสนามบินไหนในโลกยอมให้เครื่องบินลงจอด เพราะพวกเขารับรู้ว่าผู้โดยสารบนเครื่องรับเชื้อไวรัส จากผู้ก่อการร้ายที่วางกับดักไว้เพื่อฆ่าทุกคนให้ตายให้หมด และความวุ่นวายก็เริ่มขึ้นจากตรงนี้

หนังเรื่องนี้เหมาะกับใคร

สำหรับ Emergency Declaration เหมาะกับกลุ่มคนที่ชอบโทนเร่ืองแนววิกฤติภัยร้าย เหตุการณ์ลุ้นระทึกเอาตัวรอดที่เข้าขั้นเสี่ยงตาย เนื้อหามาพร้อมกับอารมณ์ความกดดัน สถานการณ์บนเครื่องบิน บนที่สูงอันตราย หาทางหนีไปไหนก็ไม่ได้ เรื่องราวมันสนุกมากต้องลุ้นเอาใจช่วยตัวละครจะรับมือกับสถานการณ์ยังไง หนังใช้ความหวาดกลัวของคนได้เหมาะสม ที่ผู้คนมากมายเห็นแก่ตัวเอาตัวรอดเอาไว้ก่อน จัดเป็นหนังลุ้นระทึกที่สนุกสมจริง แถมยังชำแหละทัศนคติผู้คนได้แบบชัดเจน เป็นงานก่อการร้ายที่เกาหลียกระดับไปไกลและคุณภาพไม่มีตกหล่น

  • สายหนังแอคชั่นบนยานพาหนะ
  • สายหนังเกาหลี
  • สายหนังระทึกขวัญ

รีวิว / สรุปเนื้อหา

นานมากแล้วที่เราไม่ได้ดูได้ชมหนังหายนะบนเครื่องบินที่เล่าเรื่องได้โคตรมันส์เร้าใจแบบนี้มาก่อน ที่สำคัญคือมาฉายในไวรัสแพร่ระบาดพอดี เนื้อหาเลยสอดรับได้แบบพอเหมาะพอเจาะ เที่ยวบินธรรมดาคงไม่มีอะไร แต่มันจะเกิดอะไรขึ้นเมื่อมีผู้ก่อการร้ายหวังจะฆ่าทุกคนให้ตายด้วยไวรัสขั้นรุนแรง และที่ฉลาดคือให้ตายบนเครื่องบิน ที่บินอยู่บนที่สูงไม่มีทางหนีรอดไปได้ หนังสามารถบาลานซ์เนื้อหากลุ่มคนได้อย่างดี ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มผู้โดยสารที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่อะไร ทุกคนใฝ่ฝันอยากจะไปเที่ยวฮาวาย เมืองยอดฮิตติดอันดับโลก แต่มาโชคร้ายกลายเป็นเหยื่อแบบไม่ทันตั้งตัว กับอีกคนกลุ่มหนึ่งคือทีมตำรวจสืบสวนที่ทำงานกับภาครัฐ เพื่อหาทางออกช่วยเหลือคนบนเครื่องบิน บรรยากาศหนังมันลุ้นระทึก ชี้เป็นชี้ตายถ้าพลาดมาคือจบชีวิตทันที ชอบที่หนังใส่ปมได้น่าสนใจไม่ว่าจะเป็นตัวละครที่หวังก่อการร้ายที่หวังฆ่าทุกคนให้ตาย ผู้โดยสารบนเครื่องบิน กัปตัน หรือแอร์โฮสเตส ทุกคนหวาดกลัวกันไปหมด การเซ็ตติ้งฉากทำออกมาได้ยอดเยี่ยมเราไว้วางใจ คาดเดาเนื้อหาอะไรไม่ได้เลย บทหนังแต่ละฉากแต่ละซีนสถานการณ์ดูเลวร้ายหนักขึ้นไปเรื่อยๆ โปรดักชั่นอลังการ งานภาพ การมิกซ์ซาวด์ การตัดต่อ การวางแสดง ผู้ชมได้ดูพล็อตที่ไม่ซ้ำซากจำเจนี่คือบทหนังนี่แหละคือหัวใจสำคัญที่ทำให้คนดูโฟกัสได้แบบเต็มที่เอาใจช่วยจนถึงฉากสุดท้าย ทุกอย่างดูสมจริงมากๆ

หนังไม่ได้มีความเป็นTrain To Busan แบบที่หลายๆคนเข้าใจ ตรงข้ามเลยหนังมาแบบหายนะลุ้นระทึกว่าคุณจะเอาตัวรอดในสถานการณ์ที่กดดันมากกว่า เมื่อเจอช่วงเวลาที่วิกฤติคนเรามักเห็นแก่ตัวเอาตัวรอด ภาพที่หนังชัดเจนคือการสื่อสารให้เห็นว่าคนแม่งอ่อนแอเปราะบางด้วยกันทั้งนั้น สถานการณ์วิกฤติแบบนี้ยากจะมีใครเสียสละ หนังร้อยเรียงเนื้อหาได้น่าสนใจบ้าคลั่งไปให้สุด เครื่องบินบินไปลงจอดที่ไหนก็ไม่ได้ ทุกคนกลัวจะเป็นภัยร้ายต่อความมั่นคง หนังกล้าจะพูดถึงประเด็นที่ว่าโลกยุคต่อไป คนไม่ได้รบกันที่อาวุธหรือสงครามแล้ว อาวุธชีวภาพที่คนทดลองกลายเป็นภัยร้ายที่ใช้ฆ่าคนได้ หนังก็ฉลาดมากที่กล้าพูดในจุดที่ไวรัสโควิดระบาดอยู่พอดี นี่ยังไม่รวมถึงประเด็นสังคมโซเชียลมีเดีย ที่รับรู้เหตุการณ์ล่วงหน้าได้อย่างรวดเร็ว แค่คนเราทุกคนมีอินเตอร์เน็ตมีมือถือมีโทรศัพท์อัพคลิปแชร์ ทุกอย่างลงไป คนนอกรับรู้จากสังคมออนแอร์ก็หวาดกลัวไม่ต้อนรับ แถมผลักไส้ไล่ส่งไปให้พ้นๆอีก มันก็ไม่ได้ผิดอะไรที่เขาทำแบบนั้น แต่ทุกคนก็รักตัวกลัวตายเหมือนกันหมด เพราะไม่มีใครรู้ล่วงหน้าว่า แถมยังขยี้ประเด็นดราม่าออกมาได้ถูกที่ถูกเวลาอีกด้วย เนื้อหาสื่อสารได้เข้าใจหัวอกกลุ่มคนแทบทุกกลุ่มเกลี่ยบทได้ดี ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มอาชีพนักบินกัปตันที่มีหน้าที่ลงขับผู้โดยสารไปถึงเป้าหมาย นี่คืองานเสี่ยงตายมากเงินด้วยมหาศาลค่าตอบแทนก็สูงหรือกลุ่มอาชีพแอร์ พนักงานบริการ ที่ชีวิตจริงหน้าที่ปฏิบัติงานไม่ได้แต่งตัวสวยๆ ถ่ายรูปโอ้อวดไลฟ์สไตล์ลงโซเชียลมีเดียแบบที่หลายๆคนเข้าใจ เพราะชีวิตจริงนี่คืออาชีพที่ก็แบกรับปัญหาคนบนเครื่องบินสารพัดแค่คนภายนอกมองไม่ออกไม่มีวันเข้าใจ การที่หนังหยิบจับพล็อตเรื่องบนเครื่องบินจำลองภาพอาชีพนี่ให้คนนอกได้รับรู้ หรือแม้กระทั่งกลุ่มคนที่อยู่นอกเครื่องบิน เจ้าหน้าที่ต้องสู้รบปรบมือกับนักการเมืองคนมีอำนาจที่ชอบตัดสินใจแบบเห็นแก่ตัวไม่แคร์คนอื่น เพียงเพราะตัวเองมีอำนาจอยู่ในมือ

ส่วนในกลุ่มนักแสดงหนังผู้กำกับจัดวางได้ดี ตั้งแต่ตัวละครหลัก ตัวละครร้าย ตัวละครรอง ตัวประกอบคือทุกอย่างน่าจดจำหมด การขนดาราเบอร์ท็อปๆของเกาหลีมาประชันบทบาทเป็นกำไรของคนดู Song Kang-ho ที่มารับบทเป็นนักสืบที่แสดงได้น่าสมบทบาทบ้าบิ่นจัดเต็ม, Lee Byung-hun พระเอกแถวหน้าของแดนกิมจิ ชายผู้มีปมในใจหวาดกลัวกับเครื่องบิน, Kim Nam-gil นักบินผู้แบกรับความเป็นความตายของผู้โดยสาร, Jeon Do-yeon นางเอกสายดราม่าที่มาทำหน้าที่รัฐมนตรีช่วยเหลือคนให้ผู้โดยสารรวดตาย หรือ Kim So-jin หัวหน้าแอร์ที่แสดงออกมาได้เข้าอกเข้าใจอาชีพบริการที่คำว่าเสียสละมาเป็นอันดับต้นๆก่อนเสมอ คือแทบทุกคนมีเอกลักษณ์น่าจดจำไม่มีใคร ถูกทิ้งไว้กลางทางจริงๆ

เกร็ดจากหนังเรื่องนี้

  • ได้รับเลือกให้เข้าฉายที่งาน Cannes Film Festival ครั้งที่ 74 รอบนอกสายประกวด (Out of Competition) ภาพยนตร์ก็ได้รับเสียงปรบมือ Standing Ovation จากผู้ชมนานกว่า 10 นาที
  • บทหนังใช้เวลาทำและพัฒนาบทนานถึง 10 ปี