รวมหนังขุ่นแม่_00

7 หนังน่าหยิบมาดูกับแม่ กับคุณแม่หลากหลายแนวหลายสไตล์

สำหรับวันแม่แบบนี้ หากเป็นช่วงเวลาปกติก็คงเห็นลูกๆ พาแม่ออกไปหาอะไรกินร่วมกันอย่างอบอุ่นหรือหาที่เที่ยวสวยๆ สักที่พักผ่อน แต่ในสถานการณ์แบบนี้แล้วคงเป็นเรื่องยากที่จะออกไปไหนมาไหน เหลือแค่ไม่กี่กิจกรรมที่สามารถทำร่วมกันได้ในบ้าน ก็คงจะเป็นการทำอาหารอร่อยๆ และนั่งดูหนังดีๆ สักเรื่อง

ซึ่งวันนี้ทาง #โกดังหนัง ก็ขออาสาเลือกหนังเกี่ยวกับคุณแม่แบบหลากหลายแนว เอาไว้ให้คุณลูกได้มีโอกาสเปิดให้แม่ได้ดูกัน รับรองครบเครื่อง ครบรส บันเทิงกันได้ทั้งคุณแม่ คุณลูกอย่างแน่นอน ลองมาดูกัน!

Freaky Friday (2003) – ขุ่นแม่สลับมาเป็นลูก

รวมหนังขุ่นแม่_02

แอนนา เด็กสาววัยหัวเลี้ยวหัวต่อ ที่มักมีปัญหาขัดแย้งกับ เทสส์ แม่ของเธอที่มีอาชีพเป็นนักจิตวิทยา อยู่เสมอ แล้ววันหนึ่งก็มาถึงจุดแตกหัก เมื่อแม่ของเธอนั้นห้ามไม่ให้เธอไปแสดงในวงดนตรีที่เธอซ้อมมานาน เพียงเพราะว่ามันตรงกับวันที่แม่ของเธอกำลังจะแต่งงานกับสามีใหม่ ที่แอนนาไม่ยอมรับพอดี เมื่อทั้งคู่ได้มีโอกาสได้ไปร้านอาหารจีนด้วยกัน และได้ Fortune Cookies จากหญิงชราคนหนึ่ง มันกลับส่งผลให้เธอและแม่สลับร่างกันในวันต่อมา ทางเดียวที่ทั้งคู่จะทำให้ทุกอย่างกลับมาเป็นเหมือนเดิมได้ ก็คือความเข้าใจกัน แต่มันคงไม่ง่ายไม่ขนาดนั้น

สำหรับ Freaky Friday เหมาะสำหรับคอหนังสาย Family หรือหนังครอบครัวที่ดูได้ทุกเพศ ทุกวัยเป็นอย่างมาก ด้วยเนื้อหาที่ดูสนุก กับพล็อตเรื่องของการสลับร่างระหว่างแม่-ลูกที่นำไปสู่ความเข้ากันและกันมากขึ้น ในแบบที่ไม่มีพิษมีภัย ไม่มีมุขใต้สะดือหรือคำที่หยายคายเกินเบอร์ เลยทำให้มันเป็นหนังครอบครัวอีกเรื่องที่มีความน่ารักเฉพาะตัวเป็นอย่างมาก เหมาะกับนั่งจับเข่าดูกันทั้งครอบครัวเป็นอย่างดี เพราะน่าจะได้แง่คิดดีๆ และความเข้าใจอีกฝ่ายกลับไปด้วยอย่างแน่นอน

The Blind Side (2009) – ขุ่นแม่สร้างแรงบันดาลใจ

ไมเคิล ออร์ เด็กชายผิวดำที่แม่ติดยาเสพติด ส่วนพ่อเป็นแก๊งสเตอร์ที่ถูกฆ่าตาย จนทำให้เขาต้องวนเวียนอยู่กับสถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้า และขาดโอกาสในชีวิตเป็นอย่างมากจนต้องย้ายโรงเรียนอยู่บ่อยครั้ง แต่แล้ววันหนึ่งเขาก็ได้มาเข้าโรงเรียนคริสเตียนของคนขาว จนกลายเป็นความแตกต่างในสังคมแห่งนี้ ซึ่งด้วยความช่วยเหลือของครอบครัวลี แอน ทูฮี ที่รับเขาเข้ามาเป็นครอบครัว ก็ทำให้เขาค่อยๆ เปลี่ยนเป็นคนใหม่ ทั้งด้านการเรียนและการเล่นกีฬา จนทำให้เขาเข้าวงการอเมริกันฟุตบอลได้ในภายหลัง

หนังสร้างจากเรื่องจริงที่ทำให้คนดูหลายคนต้องหัวใจพอง กับเรื่องราวที่ชวนอบอุ่นหัวใจ ที่หนังเล่าเรื่องออกมาได้น่าสนใจและชวนติดตามมาก ตั้งแต่ชีวิตได้พังๆ ของไมเคิล ออร์ ที่เราจะค่อยๆ ได้เห็นการเปลี่ยนแปลงของตัวเขาเมื่อได้รับโอกาสครั้งใหม่ในชีวิตและเลือกที่จะไขว่คว้ามันเอาไว้ โดยที่ไม่ได้โลกสวยจนเกินไป เพราะอุปสรรคของตัวละครก็มีอยู่ไม่น้อยเหมือนกัน จนทำให้ The Blind Side ก็เป็นอีกหนึ่งความสัมพันธ์ของแม่ลูกคนละสายเลือดสุดประทับใจเลยทีเดียว

Mother (2009) – ขุ่นแม่ที่ทำได้ทุกอย่างเพื่อลูก

ยุนโดจุน ชายหนุ่มไม่สมประกอบที่อาศัยอยู่กับแม่สูงอายุที่ทำอาชีพขายสมุนไพร ฐานะของทั้งคู่ไม่สู้ดีนัก แต่แม่ของเขาก็พยายามทุกอย่างเพื่อให้ ยุนโดจุน มีชีวิตที่ดี จนกระทั่งวันหนึ่งก็เกิดการฆาตกรรมขึ้นในบริเวณบ้านของพวกเขา และทางตำรวจก็ตัดสินว่า ยุนโดจุน เป็นคนร้ายในคดีนี้ โดยที่แม่ของเขาเชื่ออย่างสุดหัวใจว่าเขาไม่ได้เป็นคนทำ จึงต้องออกลงมือสืบสวนเรื่องนี้ด้วยตัวเอง ว่าใครคือคนที่อยู่เบื้องหลังคดีนี้ ก่อนที่จะถลำลึกลงไปเกินกว่าใครจะคาดคิด

อีกหนึ่งผลงานชั้นเยี่ยมของผู้กำกับ บงจุนโฮ ที่มีผลงานระดับสากลโลกอย่าง Parasite ซึ่งเรื่องนี้จริงๆ แล้วก็มีผลงานที่โดดเด่นไม่แพ้กัน เพราะกวาดรางวัลมาทั่วโลกกว่า 38 รางวัล และยังมีชื่อเข้าชิงอีกมากมาย ด้วยความเข้มข้นเต็มพิกัด ประกอบกับการเสียดสีในเรื่องของสังคมและชนชั้นอันเป็นเอกลักษณ์ ไปจนถึงการนั่งดูตัวละครค่อยๆ ถลำลงไปสู่ความดำมืด และยอมแลกทุกสิ่งอย่างในการช่วยลูกตัวเองแล้ว ก็นับเป็นอะไรที่ทั้งสงสารและอยากเอาใจช่วยไปในเวลาเดียวกัน สำหรับแม่สายดาร์ค ชวนหดหู่ ต้องจัดจริงๆ

Mamma Mia! (2008) – ขุ่นแม่สายแดนซ์

โซฟี สาวน้อยที่กำลังจะแต่งงานกับ สกาย คู่หมั้นหนุ่มของเธอ โดยงานของทั้งคู่มาจัดที่โรงแรมวิลล่า ดอนน่าบนเกาะแห่งหนึ่งในประเทศกรีก โดยมีแม่ของเธอเป็นผู้ดำเนินกิจการ ซึ่งก่อนหน้าวันงาน โซฟี เองได้รู้เรื่องราวของพ่อตัวเองในสมุด และได้แอบส่งจดหมายไปถึงชายสามคนที่เธอมีความเชื่อว่ามีความเป็นไปได้ที่จะเป็นพ่อที่เธอไม่เคยพบหน้ามาก่อน ซึ่งชายทั้งสามก็ตอบรับการเชิญนี้ จนได้มาระลึกอดีต 20 ปีก่อนกับ ดอนน่า อีกครั้ง ว่าสุดท้ายแล้วพ่อของโซฟีจะเป็นใครกันแน่

อีกหนังครื้นเครงในบรรยากาศ Musical ที่จะช่วยเติมเต็มความสุขของวันได้เป็นอย่างดี ด้วยเรื่องราวที่ชวนหัวไปกับการลุ้นว่าใครคือพ่อตัวจริงของนางเอกกันแน่ ซึ่งคาแรคเตอร์ของทั้ง 3 คนก็ต่างกันโดยสิ้นเชิง แต่ก็สร้างเสน่ห์ให้กับหนังได้เป็นอย่างมาก และเมื่อเอาตัวหนังมาผสมผสานกับเพลงรุ่นแม่อย่าง ABBA ก็ชวนลุกขึ้นมาเต้นตามกันซะเหลือเกิน อีกทั้งยังประกอบไปกับหนังได้อย่างกลมกลืนและเข้ากับสถานการณ์ในเรื่องอีกด้วย นับเป็นอีกหนังเพลงที่ฟีลกู๊ดดีมากๆ อีกเรื่องเลย

Bad Moms (2016) – ขุ่นแม่ยุคใหม่สายรั่ว

เอมี่ คุณแม่สาวสวยที่ดูชีวิตเหมือนจะเพอร์เฟ็ค แต่ด้วยความที่เธอเองนั้นต้องรับภาระหนักทั้งการทำงานนอกบ้าน และดูแลความเรียบร้อยภายในบ้าน ก็ทำให้เธอเริ่มรู้สึกว่าชีวิตกำลังจะหมดไฟและหมดแรงเป็นอย่างยิ่ง เธอจึงหาแนวร่วมคุณแม่อีกสองคนอย่าง กิกี้ และคาร์ล่า ที่จะเปลี่ยนตัวเองมาใข้ชีวิตเต็มที่ในแบบที่อยากทำกันบ้าง ท่ามกลางความไม่เห็นด้วยของกลุ่มบรรดาแม่ๆ สุดเนี้ยบในโรงเรียน ที่มีเป้าหมายในการเป็นแม่ที่เพอร์เฟ็ค และไม่อยากให้อิทธิพลข้างยอกมาทำให้กลุ่มแม่ต้องเสื่อมเสียเช่นนี้

แม้ว่าจะเป็นหนังพูดถึงบรรดาชีวิตแม่ๆ ทั้งหลาย แต่หนังกลับใส่สีสัน และความดิบเถื่อนเข้าไปได้ฉูดฉาดมากๆ ไม่ต่างจากหนังตลกชายล้วนสุดห่ามอย่าง The Hangover เลย ซึ่งด้วยความจัดเต็มพิกัดก็ทำให้หนังได้เรท R มาครองไม่ยาก จากทั้งคำหยาบ มุขใต้สะดือและวีรกรรมสุดแสบทั้งหลาย ที่สร้างสีสันได้ดีเหลือเกิน ซึ่งนอกจากในแง่ความตลกแล้ว หนังยังเชิดชูผู้หญิงในบทบาทของแม่ ที่ควรจะหาความสุขให้กับชีวิตตัวเองได้มากกว่านี้ แทนที่จะอยู่ในกรอบที่สังคมกำหนดได้ดีเลย เป็นอีกหนังแม่ที่มันส์ ฮามากๆ

A Quiet Place (2018): ขุ่นแม่สายแบกสุดสตรอง

ครอบครัวหนึ่งประกอบไปด้วย พ่อ แม่ และลูกทั้งสาม ตระกูลแอบอทต้องใช้ชีวิตกันในโลกที่ล่มสลายจากสิ่งมีชีวิตลึกลับที่ไม่รู้ที่มาที่ไป แต่จุดเด่นของมันคือความสามารถที่รับรู้เสียงได้เป็นอย่างดี ทำให้ใครก็ตามที่ส่งเสียงหรือทำเสียงดังขึ้นมา ก็จะกลายเป็นเหยื่ออันโอชะของเจ้าสิ่งมีชีวิตนี้เสมอ ทำให้ครอบครัวนี้จึงต้องอาศัยอยู่ด้วยกันด้วยความเงียบ

A Quiet Place คือหนังที่เหมาะมากๆ กับคนที่ชอบหนังสายระทึกขวัญชวนลุ้น หรือหนังประเภทสัตว์ประหลาดอะไรพวกนี้มากๆ เพราะหนังมีกิมมิคที่น่าสนใจนั่นก็คือ “ความเงียบ” ที่ถูกเอามาใช้ให้เกิดประโยชน์ได้อยู่ตลอดทั้งเรื่อง จนคนดูเองก็อดลุ้นจนเงียบตามไม่ได้ และการสื่อสารด้วยความเงียบในหนังก็สร้างความอึดอัดกดดันได้เป็นอย่างดี ทำให้ตลอด 90 นาทีของหนังจึงเต็มไปด้วยความตึงเครียด ชวนอึดอัดว้าวุ่นใจ อีกทั้งตัวละครแม่อย่าง Emily Blunt ก็รับบทสายแบกที่ต้องดูแลลูกๆ ด้วยความเด็ดเดี่ยว และพร้อมพาเอาชีวิตคนในบ้านให้รอดได้อย่างน่าประทับใจจริงๆ

Terminator 2: Judgement Day (1991) – ขุ่นแม่สายบู๊ปกป้องโลก

หลังจาก 11 ปีที่ ซาร่าห์ คอนเนอร์ ได้เอาชีวิตรอดจากการตามล่าของหุ่นสังหาร T-800 มาได้ ก็ต้องเลี้ยงดูความหวังของโลกใบนี้ นั่นก็คือ จอห์น คอนเนอร์ ลูกชายคนเดียวของเธอเพียงลำพัง แต่แล้วเธอก็ต้องแยกจากกับจอห์น เพราะถูกจับเข้าโรงพยาบาลประสาท หลังจากที่พยายามทำลายโรงงานผลิตคอมพิวเตอร์ที่จะนำมาสู่สกายเน็ต องค์กรที่จะผลิตจักรกลสังหารในอนาคตจนโลกต้องล่มสลาย ทำให้ จอห์น เองต้องเติบโตมากับครอบครัวพ่อแม่บุญธรรมแทน ขณะเดียวกันในโลกอนาคต ทาง สกายเน็ต ก็ยังคงหวังที่ฆ่า จอห์น ในอดีตอีกครั้งอีกครั้ง เพื่อยับยั้งผู้นำฝ่ายมนุษย์ จึงส่งหุ่นสังหารรุ่นใหม่ T-1000 ที่สามารถเปลี่ยนรูปร่างกายภาพได้ ซึ่งเมื่อทางฝ่ายต่อต้านนำโดยจอห์นในอนาคตล่วงรู้จึงแก้ไขโปรแกรมให้กับหุ่น T-800 และส่งมาคุ้มครองตัวเองและแม่ในอดีตเช่นกัน

Terminator 2: Judgement Day เป็นหนังที่จะเหมาะกับคอหนังแอคชั่นในทุกยุคทุกสมัย แม้จะเป็นแนวไซไฟที่ใช้การคอนเซปการย้อนเวลา แต่ก็เล่าออกมาให้ย่อยง่ายดูง่าย ไม่ได้เน้นทฤษฎีอะไรให้มากมาย อีกทั้งยังมีฉากแอคชั่นใหญ่ๆ มันส์ๆ เยอะแยะเต็มอิ่ม และพาร์ทดราม่าดีๆ ให้เราผูกพันกับตัวละครที่ชวนให้เสียน้ำตากันได้อีกด้วย ทำให้หนังเรื่องนี้เป็นหนังที่ยากจะหาเรื่องใดมาเปรียบ แต่เอาเป็นว่าหากดูคนเหล็กภาคใหม่ๆ แล้วถูกใจ ยังไงก็ต้องย้อนกลับมาดูภาคนี้กันอยู่ดี เพราะมันคือ Masterpiece ของหนังชุดนี้แล้ว นับเป็นอีกหนังคุณแม่สายแกร่งที่ต้องบู๊สุดชีวิตเพื่อปกป้องลูกชายสุดที่รักของเธอให้ได้