Avatar_00

รวมเรื่องที่คุณอาจไม่เคยรู้ เกี่ยวกับหนังรายได้สูงสุดในโลก Avatar

ไม่ว่าคุณจะชอบหนังเรื่อง Avatar หรือไม่ เพราะกระแสที่ค่อนข้างแตกของตัวหนังเอง แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า มันคือหนังอีกเรื่องที่สร้างปรากฏการณ์ได้มหาศาล ทั้งในด้านกระแสการนำเทคโนโลยี 3D ในยุคนั้นมาใช้ได้อย่างเต็มสูบ จนสร้างประสบการณ์การดูหนังที่สวยงามมากๆ ไปจนถึงด้านรายได้ที่ทะยานขึ้นอันดับหนึ่งของโลกภายในเวลาไม่นาน และแม้ว่าจะมีช่วงหนึ่งที่โดน Avengers เข้ามาเฉือนจนตกอันดับมาได้ แต่ด้วยการขยันเอามาฉายใหม่ก็ทำให้มันกลับขึ้นไปได้อีก จนนับว่าเป็นอีกผลงานที่รักของผู้กำกับ James Cameron เขาเลย

โดย Avatar นั้นเล่าถึงเรื่องราวของ เจค อดีตนาวิกโยธินที่เป็นอัมพาตครึ่งตัวร่าง แต่เขากลับได้รับภารกิจอีกครั้ง ในการเปลี่ยนร่างกายให้เป็น ชาวนาวี ชนเผ่าต่างดาวสีฟ้า ที่อยู่บนดาวแพนโดร่า จากนั้นเขาต้องเข้าไปแทรกซึมในกลุ่มชาวนาวี โดยมีเป้าหมายหลักเพื่อให้เหล่ามนุษย์ได้เข้าไปเก็บแร่ที่เป็นทรัพยากรที่มีค่าของดาวได้ แต่แล้วเมื่อเจคได้เริ่มผูกพันกับชาวนาวีมากขึ้น เขาก็เริ่มที่จะเปลี่ยนใจ ละทิ้งคำสั่งเดิมและหันมาปกป้องพวกเขาแทน 

ส่วนก่อนที่จะไปรับชม Avatar กันอีกรอบในโรงภาพยนตร์ที่เพิ่งเอากลับมาฉายใหม่ หรือสำหรับใครที่เป็นการรับชมครั้งแรก เราก็ขอมาพูดถึงเกร็ดของหนังที่อาจไม่เคยรู้กันสักหน่อย 

1. บทของหนัง Avatar ถูกเขียนเอาไว้ตั้งแต่ปี 1994

ไม่แปลกนักหากใครจะบอกว่าเรื่องราวของ Avatar มันจะช่างเชยเสียเหลือเกิน กับการที่ตัวเอกได้รับภารกิจหนึ่ง แต่พอเข้าไปถึงได้เห็นสภาพสังคมของกลุ่มคนในนั้น เขาจะหันมาเปลี่ยนใจปกป้องผู้คนที่นั่นแทน เพราะก็มีหลายเรื่องราวที่ออกมาในลักษณะนี้ ตัวอย่างก็เช่น โพคาฮอนทัสของ Disney ที่แทบจะเหมือนกันสุดๆ เลย 

แต่ทว่าจริงๆ แล้ว James Cameron เคยให้สัมภาษณ์กับช่อง ABC News ว่า เขานั้นเริ่มต้นเขียนบท Avatar มาตั้งแต่ปี 1994 แถม idea ตั้งต้นนั้นยังมาจากความฝันของแม่เขา ที่ฝันถึงผู้หญิงตัวสีฟ้า สูงถึง 12 ฟุต เขาเลยหยิบเอามาเป็นไอเดียชาว Na’vi เสียเลย ซึ่งถึงบทจะถูกเขียนมานานมากแล้ว แต่เขาก็พยายามปรับเปลี่ยนมันมาโดยตลอดในระหว่างทางเพื่อรอวันและเวลาที่เทคโนโลยีนั้นจะพร้อมที่จะถ่ายทอดสิ่งที่อยู่ในวิสัยทัศน์เขาออกมาได้ จนกลายมาเป็นความสวยงามอลังการในแบบที่เราได้รับชมกัน

2. Rate ของหนัง ในตอนแรกจะเป็น R-Rated  

ในบทดั้งเดิมของหนังที่ James Cameron ที่เขียนเอาไว้นั้น ตั้งใจไว้ว่าจะทำให้ออกมาเป็นหนัง R-Rated เพราะในเรื่องราวก็มีฉากรุนแรงและฉากที่เป็นสงครามอยู่มากมาย หากทำออกมาเป็น R-Rated ได้ตามที่ตั้งใจก็คงเป็นฉากสงครามที่เดือดไม่น้อยในโลกภาพยนตร์ แต่ด้วยความที่หนังเองดันมีทุนสร้างที่มหาศาล มันเลยต้องเป็นหนัง Blockbuster ที่มั่นใจได้ว่าจะเข้าถึงทุกคนในวงกว้างได้ ซึ่งผลมันก็ออกมาแบบนั้นจริงๆ จากรายได้มหาศาลของมัน

ซึ่งโดยปกติแล้ว James Cameron เองก็เป็นผู้กำกับในแบบที่ทำ Rate PG-13 ก็ได้ หรือ R-Rated ก็ดีมาโดยตลอดอยู่แล้ว เพราะหนังที่มีความรุนแรงอย่าง The Terminator 1 และ 2 หรือว่าจะเป็น Aliens ก็ล้วนประสบความสำเร็จทั้งนั้น แต่พอลด Rate ลงมาอย่าง The Abyss หรือ Titanic ก็กวาดรายได้มหาศาลแบบแมสๆ ไปอีก มันดูเลยไม่ใช่ปัญหาของเขาเลย

3. หนังของค่าย Fox ที่มีทุนสร้างสูงที่สุด (ในตอนนั้น)

นับเป็นอีกหนึ่งการลงทุนที่คุ้มค่าที่สุดในโลกภาพยนตร์ และสร้างความระทึกให้กับค่ายหนังอยู่ไม่น้อย แต่ด้วยความที่เป็นชื่อ James Cameron แล้วก็ทำให้ ค่าย 20th Fox กล้าที่จะลงทุนให้กับเขาได้ไม่ยาก เพราะรู้ดีแก่ใจอยู่แล้วว่าเขานั้นไม่ทำหนังถูกแน่นอน และเรื่องนี้ก็จัดเต็มสมกับที่รอคอยมานาน เพราะ James ได้จับอัตราเทคโนโลยีขั้นสูงมาเพื่อสร้างดินแดน และการแปลงโฉมของผู้คนออกมาให้ดีที่สุดในแบบที่อยากได้ 

จนทำให้หนังมีต้นทุนสูงถึง $237 ล้าน ที่นับเป็นแค่ทุนสร้างยังไม่รวมค่าโปรโมทไปด้วยซ้ำ แต่ก็นับว่าคุ้มค่าทุกดอลที่จ่ายไป เพราะสุดท้ายแล้วหนังทำรายได้กลับมาให้กับค่ายกว่า $2.7 พันล้านตลอดการฉาย จนทำให้ James Cameron เองได้รับส่วนแบ่งเค้กชิ้นนี้ไปเต็มๆ ถึง $350 ล้าน จนเรียกได้ว่าน่าจะสบายไปทั้งชาติเลยก็ว่าได้

4. CG ถูกใช้เยอะมาก แม้กระทั่งบุหรี่ในเรื่อง

มีการรายงานว่า CG ใน Avatar ถูกใช้ไปกว่า 60% ของเรื่อง จนคนดูน่าจะแยกไม่ออกด้วยซ้ำ ว่าส่วนไหนเป็นของจริง ส่วนไหนเป็น CG เพราะทั้งฉากหลัง ทั้งตัวละคร อาวุธต่างๆ ล้วนแต่เป็น G แทบจะทั้งนั้น จนหลายคนแซวด้วยซ้ำว่าน่าจะนับเป็นหนัง Animation มากกว่าหนังคนแสดงเสียอีก และก่อนหน้าก็มีประเด็นเรื่องที่ดาราอย่าง Sigourney Weaver ที่เล่นเป็น Dr. Grace Austine สูบบุหรี่ในเรื่องไปอีก ว่าดูเป็นการส่งเสริมการดูบุหรี่ 

จนในเบื้องหลังที่อยู่ใน Blu-Ray หลายคนน่าจะได้เห็นว่าจริงๆ แล้วแม้แต่บุหรี่ในเรื่องก็ยังเป็น CG เพราะในฉากนั้น Sigourney เธอนั้นไม่ได้ถืออะไรในมือเลย และเป็นการใส่บุหรี่เข้ามาในภายหลัง จนทำให้ James Cameron ต้องออกมาปกป้องและอธิบายเมื่อเกิดปัญหานี้ตามมา

5. ในกองถ่ายของ Avatar ส่งเสริมเรื่องธรรมชาติกว่าที่คิด 

ด้วยความที่ใจความหลักของหนัง เน้นในเรื่องของการใส่ใจสิ่งแวดล้อมและธรรมชาติของชนท้องถิ่น เพื่อที่จะต่อสู้กับความเลวร้ายของความโลภและระบอบทุนนิยม James Cameron เองจึงพยายามที่จะปลูกจิตสำนึกกันนอกจอ ซึ่งเขานั้นก็เป็น Vegan อยู่แล้ว เลยออกมาพูดถึงได้เรื่องความโหดร้ายของการทำฟาร์ม และผลกระทบต่อสิ่งแวดล้มอที่เกิดขึ้น

โดยเขาเองก็พยายามทำให้ผู้คนในกองถ่าย เป็นเช่นนั้นด้วย จากการที่เตรียมเมนูประเภท Plant-based หรือเมนูที่ทำมาจากพืซ ให้กับนักแสดงและทีมงานในกองถ่าย เพื่อให้หนังเรื่องนี้ถ่ายทอดใจความสำคัญไปถึงคนดูได้อย่างแท้จริง และหวังว่าจะเกิดจิตสำนึกตามมา และนอกจากนี้เขาเองก็ใช้นักพฤกษาศาสตร์จำนวนมาก เพื่อให้ข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องพืซพันธุ์ในหนังอีกด้วย