4 ข้อคิดจากเดี่ยว 13 นอกจากฮาแล้วยังได้อะไรอีกบ้าง
หากใครได้ติดตาม เดี่ยวไมโครโฟน ของ พี่โน้ต อุดม แต้พานิช มาโดยตลอด ก็จะได้เห็นการเปลี่ยนแปลง การเติบโตของเขาในทุกๆ เดี่ยวที่ผ่านมาอยู่ไม่น้อย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเดี่ยวนี้ ที่จะเห็นได้ว่า นอกจากมุขตลกที่ยิงออกมาต่อเนื่องตลอด 3 ชั่วโมงครึ่งแล้ว ก็ยังมีประเด็น และแง่มุมการใช้ชีวิตต่างๆ มากมาย ที่สอดแทรกเข้ามาอยู่เรื่อย จนนอกจากจะขำแล้ว มันก็ยังมีความรู้สึกแบบ “เออว่ะ…” ตลอด
ซึ่งในเดี่ยว 13 เองก็นับเป็นอีก เดี่ยว ที่ได้อะไรกลับมาเยอะ และมีประเด็นที่จับต้องได้มาชวนคิดต่ออยู่ไม่น้อย หลังจากที่ได้ดูเรียบร้อย เราก็เลยพยายามกลั่นกรองสิ่งที่ได้จาก เดี่ยว 13 นี้ ออกมาให้อ่านกัน ส่วนใครจะมีข้ออื่นๆ เพิ่มเติม ก็สามารถแชร์กันได้เลย
ชีวิตคนเรามันสั้น อย่าเสียเวลากับสิ่งที่ไม่อยากทำ
ประเด็นแรกที่พี่โน้ตใช้เปิดในเดี่ยว 13 นี้ คือการพูดถึงเรื่อง มรณานุสติ ที่เขาได้มาหลังการบวช ซึ่งคำนี้หากแปลตามตัว จาก มรณา คือ ความตาย พอมารวมกับ สติ ก็คงหนีไม่พ้นคำว่า การระลึกถึงการตาย เพราะการตายเป็นเรื่องใกล้ตัว และเป็นหนึ่งในสิ่งที่ธรรมชาติกำหนดฝืนไม่ได้ แม้ว่าในประเด็นนี้ พี่โน้ต จะยกตัวอย่างในส่วนของ งานแต่ง งานศพ และงานเชงเม้ง ที่เป็นเรื่องใกล้ตัวหลายๆ คน
แต่จริงๆ แล้วแต่ละคนนั้นก็มีสิ่งที่ไม่อยากทำต่างกันออกไป สิ่งเหล่านี้ คือสิ่งที่มันกัดกินเวลาชีวิตของเราไปเรื่อยๆ จากที่นับมาว่าเหลือกี่วัน กี่เดือน กี่ปี มันก็มักจะมีเวลาที่เสียไปกับสิ่งที่เราไม่อยากทำมันอยู่มากมาย หากเราได้ระลึกถึงเวลาที่เหลืออยู่ก่อนตายแล้ว มันจะเป็นเครื่องมือที่บอกตัวเองได้อย่างดี ว่าสิ่งไหนที่เราควรทำ และสิ่งใดที่เราไม่จำเป็นต้องทำ สุดท้ายใครที่เหลือทำในเฉพาะสิ่งที่อยากทำได้แล้ว ชีวิตที่เหลือก็จะมีความสุขได้เอง
บางสิ่งถ้าทนอยู่แล้วไม่ลำบาก ก็ช่างแม่งบ้างก็ได้
แม้ว่าจะไม่ได้เป็นข้อคิดที่พี่โน้ตบอกตรงในเดี่ยว แต่จากการที่พี่โน้ตเล่าถึงเรื่องของ ผีในห้อง แล้วก็ฟังดูน่าสยองไม่น้อย ตกลงป่านนี้ก็ยังไม่รู้ว่า เป็นผีชายไทยโบราณ หรืออสูรกายกันแน่ แต่สุดท้ายแล้ว พี่โน้ต ก็เลือกที่จะอยู่กับมัน (จริงๆ คือทำอะไรไม่ได้ 555+) ซึ่งสิ่งที่ได้จากในเรื่องนี้ก็คือ ชีวิตคนเรามันหนีไม่พ้นปัญหาบางเรื่อง และปัญหาที่ว่ามันก็อาจจะเป็นปัญหาที่แก้ไม่ได้
ตัวผีเองในเรื่องเล่านี้ก็ไม่ต่างจากปัญหาหนึ่งที่เกิดในชีวิต ที่พยายามจะแก้แล้ว แต่สุดท้ายก็ยังคงอยู่เหมือนเดิม แต่สุดท้ายปัญหานี้มันอาจจะส่งผลอะไรกับเราไม่ได้มาก เช่นผีตัวนี้สุดท้ายทำได้เต็มที่ก็คือเสียงก๊อกๆ แก๊กๆ ก็ไม่ต่างจากปัญหาเล็กๆ ที่มักมีในชีวิตตลอด หากเราเลือกจะเผชิญกับมันทุกอย่าง หรือพยายามแก้ทุกสิ่ง คนที่เหนื่อยก็คงจะเป็นเราเอง สู้เก็บแรงไว้แก้ปัญหาใหญ่ๆ ที่มีผลกับชีวิต และเลือกช่างแม่งไปบ้างก็ได้
แต่ละคนเก่งไม่เหมือนกัน อย่าเอาคนเก่งอย่างไปทำอีกอย่าง
ในช่วงหลังๆ ของ เดี่ยว 13 ใน Netflix นั้น จะเน้นเรื่องการเมือง โดยขยี้แบบจัดหนักมาก ซึ่งก็เป็นปกติในการแซวในทุกรัฐบาลที่ผ่านมาของพี่โน้ต แต่มีประโยคหนึ่งที่น่าสนใจ ว่าจริงๆ แล้ว แต่ละคนมีความถนัดไม่เหมือนกัน คนเก่งเลขชอบเลขไปเป็นนักบัญชี เก่งทำอาหารไปเป็นเชฟ อะไรแบบนี้ ดังนั้นคนเราจะฉายแสง สร้างคุณค่า สร้างผลงานได้ ก็ต่อเมื่อเราทำในสิ่งที่เราถนัด
แต่ทั้งนี้การทดลองทำสิ่งใหม่ๆ ที่ไม่ถนัดก็ไม่ได้แปลว่าเป็นเรื่องไม่ดี ยกเว้นแต่ว่ามันดันมีหลายคนที่ต้องมาร่วมรับผิดชอบกับการทำสิ่งที่ไม่ถนัดนั้นๆ เพราะพอมันทำไป สิ่งที่เราเป็นได้มันกลายเป็นนักแสดงแทน ที่ต้องแสดงเหมือนว่าทำได้ ทำเป็น ทั้งๆ ที่ไม่ได้มีความสามารถแต่อย่างใด จนสุดท้ายมันก็นำไปสู่ ความโกรธ ความตัดพ้อ ซึ่งเป็นกลไกป้องกันตัวเอง เมื่อโดนจี้จุดที่ไม่ถนัดมากๆ ดังนั้น Put the right man on the right job ยังคงเป็นประโยคคลาสสิคที่ใช้ได้เสมอ
ทุกคนมีชุดความสุขของตัวเอง ทำในสิ่งที่ตัวเองสะดวก
#กุสะดวกของกุแบบนี้ เป็น Hashtag ที่พุ่งแรงมาก หลังจากเดี่ยว 13 ได้ออกฉายใน Netflix ซึ่งประโยคนี้ พี่โน้ตได้บอกไว้ว่า เมื่อคนเราเห็นว่าชีวิตเราเริ่มเหลือน้อยลง เราก็จะสนใจคนอื่นน้อยลง แล้วโฟกัสตัวเองมากขึ้น เพื่อให้รู้สึกว่าคุณค่าที่แท้จริงของชีวิตเราคืออะไร ดังนั้น สิ่งที่มาเป็นเทรนด์ สิง่ที่มันจะเอาท์ต่างๆ มันอยู่ไม่นาน ใครดูรวยดูอะไร มันจะแทบไม่มีผลกับเรา เพราะมันเป็นความเท่เขา แต่อาจไม่เป็นความสะดวกเรา
นั่นหมายความชีวิตเรา ไม่จำเป็นต้องไปวิ่งตามคนอื่นหรอก เพราะหลายสิ่งที่เราทำนั้นมันอาจจะเป็นการฝืนตัวเองถ้ามันไม่ใช่ความสะดวกเรา นั่นเกิดจากชุดความสุขของแต่ละคนมันไม่เหมือนกัน ชุดความสุขของตัวเราเอง อาจจะเป็นการรวยมิตรภาพ รวยสุขภาพ รวยเสียงหัวเราะ ในแบบที่คนรวยเงินอาจจะไม่มีก็ได้ สุดท้ายพี่โน้ตก็เลยฝากไว้ว่า ความตายนั้นไม่น่ากลัว แต่ที่น่ากลัวคือการมีชีวิตอยู่แล้วไม่ได้ทำสิ่งที่ตัวเองรักต่างหาก