ฺBenedict_00

รวมบทบาทแปลกๆ ของ Benedict Cummerbatch ก่อนกลับมาเป็นหมอแปลกอีกครั้ง

หากจะพูดถึงนักแสดงมากความสามารถอีกคนในจักรวาล Marvel และมีผลงานดีๆ ฝากเอาไว้ตลอดในวงการภาพยนตร์มาอยู่ตลอด คงหนีไม่พ้น Benedict Cumberbatch อย่างแน่นอน เพราะนอกจากที่เขาจะเป็นตัวเลือกที่เหมาะสมสุดๆ ในบทของ Doctor Strange แล้วนั้น ในบทอื่นๆ เขาก็ยังสามารถสวมวิญญาณการเป็นคาแรคเตอร์ต่างๆ ได้อย่างน่าสนใจ และมีหนังคุณภาพมากมาย

ซึ่งในช่วงนี้ก็คงไม่มีหนังเรื่องไหนที่ร้อนแรงและมีคนรอดูเท่ากับ Doctor Strange: Multiverse of Madness อีกต่อไปแล้ว เพราะการกลับมาครั้งนี้น่าจะปั่นป่วนจักรวาลหนัง Marvel ทั้งหมดที่เคยมีมาอย่างแน่นอน แต่ก่อนที่จะไปหมดหมอแปลกอีกครั้ง เราเองก็อยากพาแฟนเพจไปสำรวจบทแปลกๆ ของเขากันดูก่อนว่าผลงานสุดแปลกก่อนหน้าเขาจะมีอะไรบ้าง แล้วจะแปลกกันได้ขนาดไหน

มังกรหวงสมบัติ – The Hobbit: The Desolation of Smaug (2013)

การเดินทางต่อของ บิลโบ แบ็กกิ้นส์ ฮอบบิทหนุ่ม กับพ่อมดแกนดาล์ฟ และคนแคระทั้ง 13 คนเพื่อไปทวงบางอย่างของบรรพบุรุษพวกเขาคืนในอาณาจักรเอเรบอร์ โดยหลังจากผ่านความอันตรายมาหลายอย่างจากภาคก่อน ครั้งนี้พวกเขายังต้องเดินทางเสี่ยงชีวิตเพื่อไปพบกับสมอร์กมังกรสุดชั่วร้ายที่เฝ้าขุมสมบัติที่พวกเขาต้องต้องการอยู่

ใน The Hobbit ภาคแรกนั้นเฮีย Benedict นั้นมีบทเล็กๆ กับการพากษ์เสียงเป็น Necromancer แต่ในบทของ Smaug ในภาคนี้ถึงเฮีย Benedict เองไม่ได้แค่ลงมาพากษ์ แต่ยังใช้เทคนิค Motion Capture ในการสวมบทเป็นมังกรยักษ์ที่หวงสมบัติด้วย (มังกรจะเอาสมบัติไปทำไมนะ?!?!) ซึ่งถึงเราจะไม่ได้เห็นโฉมหน้าเขา แต่หน้าตามังกรในเรื่องก็ให้ฟิลลิ่งเขาอยู่ไม่น้อยเลยแหละ เป็นอีกบทแปลกให้หนังใหญ่ที่น่าสนใจเลย

วายร้ายสุดเหี้ยม ใน Star Trek: Into Darkness (2013)

กัปตันเคิร์ก และลูกเรือยานเอนเตอร์ไพร์ซต้องพบกับวิกฤตครั้งใหญ่ เมื่อมหาวายร้ายวางแผนและได้ทำลายยานกองรบของพวกเขาทั้งหมด จนเกือบจะสิ้นหวัง กัปตันเคิร์ก จึงต้องรวบรวมลูกเรือกอีกครั้ง เพื่อประกาศสงครามกับวายร้ายในครั้งนี้ จนกลายเป็นบทพิสูจน์มิตรภาพ และความช่วยเหลือกันของทุกคนอีกครั้งเพื่อให้ผ่านวิกฤตครั้งนี้ไปให้ได้

น่าจะเป็นภาคที่เดือดที่สุดของ Star Trek ของยุคใหม่ของกัปตันเคิร์ก ซึ่งความดีความชอบส่วนนี้ก็คงต้องยกให้วายร้ายอย่าง ข่าน ที่เป็นคู่ปรับตัวแสบที่สมน้ำสมเนื้อ เพราะสร้างความเสียหายและความสูญเสียให้กับทีมและหน่วยสำรวจได้อย่างมากโข ซึ่ง Benedict เองก็รับบทนี้ได้อย่างเหมาะสม พร้อมกับภาพลักษณ์ความเป็นคนฉลาด (อีกแล้ว) จนทำให้เขากลายเป็นตัวร้ายที่แสนน่ากลัว และสร้างความสิ้นหวังให้กับเหล่าตัวเอกได้ดีจริงๆ

อัจฉริยะนักถอดรหัส ใน The Imitation Game (2015)

ชายหนุ่มมากความสามารถ อลัน เทอริ่ง ผู้มีความมุ่งมั่นในการถอดรหัสอินิกม่าด้วยเครื่องมือที่เขาคิดค้นขึ้นมาเอง ท่ามกลางสภาพแวดล้อมที่กดดันและไม่เห็นด้วยในสิ่งที่เขากำลังทำอยู่ เพราะคิดว่ามันเป็นการเปล่าประโยชน์ในช่วงเวลาที่ไฟสงครามโลกครั้งที่ 2 กำลังบานปลาย แต่เพราะอุดมการณ์อันแรงกล้าของเทอริ่ง ทำให้เขาสามารถฝ่าฟันเรื่องราวที่เกิดขึ้นไปได้ทีละก้าว ทีละก้าว และกลายเป็นบุคคลที่ริเริ่มนวัตกรรมที่เรียกว่าคอมพิวเตอร์ให้ชาวโลกได้รู้จัก

อีกหนึ่งหนังชั้นเยี่ยมที่เสริมภาพลักษณ์ความเป็นตัวละครฉลาดให้กับ Benedict Cumberbatch ได้เป็นอย่างดี เพราะใครๆ ก็บอกว่าเขาเล่นแต่บทที่เป็นคนฉลาดมาโดยตลอด แต่มักมีความผิดปกติบางอย่าง กับเรื่องนี้ก็เช่นกัน ที่เล่าถึงประวัติของ อลัน เทอริ่ง นักถอดรหัสที่มีบทบาทอย่างมากในสงครามโลกครั้งที่ 2 ที่ช่วยรักษาชีวิตของทหารไปได้หลายรายเลยจากผลงานของเขา และบทของเขาก็ค่อนข้างซับซ้อนด้วยการเป็นคนที่มีบุคลิกเก็บตัวเข้าสังคมไม่เก่ง เหมือนอย่างคนฉลาดในเรื่องอื่นๆ ที่เขารับบทมา

แฟชั่นนิสสุดพัง ใน Zoolander 2

เดเร็ก นายแบบชื่อดังได้กลับมาโลกแล่นในวงการแฟนชั่นอีกครั้ง โดยมี มูกาดู คนที่พาเขากลับมาเข้าวงการ แต่แท้จริงแล้วเขากลับเป็นวายร้ายที่มีอาชีพแฟชั่นดีไซเนอร์มาเป็นฉากบังหน้า ในขณะที่เขาเองก็มีแผนที่จะลอบสังหารเหล่าเซเลบและคนดังทั้งหลาย ทำให้ เดเร็ก และเฮนเซล เพื่อนสนิทของเขาต้องรวมทีมอีกครั้งเพื่อหยุดยั้งแผนการที่เกิดขึ้นนี้

แม้ Benedict Cumberbatch จะไม่ได้รับบทใหญ่ในหนังเรื่องนี้ แต่บทของ All ที่มารับเชิญในเรื่องนั้น ก็สร้างความจดจำได้เป็นอย่างดี ตั้งแต่ลุคแรกที่ออกมา แถมยังกลายเป็นกระแสดราม่าตามมาภายหลังอีกด้วย เพราะเขาเคยออกมาให้สัมภาษณ์ว่า ดว้ยความที่เขามารับบท Non-Binary แบบนี้ช่างไม่เหมาะสมเลย จริงๆ ควรหาคนที่เป็น Non-Binary จริงๆ มากว่ามารับบทนี้ เพื่อให้ตรงกับเรื่องราวมากขึ้น ดีกว่าที่เอาเขามาทำให้มันดูตลก จนทำให้ตนออกมาแบนในช่วงแรกอยู่เหมือนกัน

นักสืบสมองเพชร ใน Sherlock (2010-2017)

นายแพทย์จอห์น วัตสัน เพิ่งกลับมาจากสงครามที่ไปรบในอัฟกานิสถาน จนทำให้เขาได้รับบาดเจ็บเดินไม่คล่องจนต้องใช้ไม้เท้าประคองตัวเอง ในตอนที่กลับมานั้น เขาก็ได้หาที่อยู่ใหม่ จนได้รับการแนะนำให้พบกับ เชอร์ล็อค โฮล์ม นักสืบสมองเพชรที่คอยช่วยเหลืองานตำรวจอยู่ตลอด จนกระทั่งเกิดคดีฆาตกรรมขึ้น ทำให้เขาได้จับพลัดจับผลูเข้ามาร่วมในคดีจนทั้งคู่กลายเป็นคู่หูนักสืบที่โด่งดัง

น่าจะเรียกได้ว่าเป็นซีรี่ส์ที่ทำให้เรารู้จัก Benedict เป็นครั้งแรก กับบทบาทของนักสืบสมองเพชรในเวอร์ชั่นที่ดูซื่อตรงต่อต้นฉบับมากๆ แม้ว่าจะเปลี่ยนฉากหลังมาเป็นยุคปัจจุบันก็ตาม แต่เนื้อหาของการสืบสวนก็ปรับมาได้เข้ากับยุคสมัยได้อย่างน่าสนใจ และยังคงหัวใจสำคัญของทั้งเรื่องราวและตัวละครเอาไว้อย่างครบถ้วน ซึ่ง Benedict เองก็เล่นเป็น Sherlock ในฉบับที่ดูฉลาดจริง คิดไวจริง พูดเร็วจริง และมีนิสัยเสียจริงๆ อย่างที่ควรจะเป็น จนเชื่อว่าคอหนังสืบสวน หรือคนรักนักสืบเชอล็อคจะต้องรักเวอร์ชั่นนี้กันแน่ๆ

เสือสุดโหดในป่าใหญ่ ใน Mowgli (2018)

เมาคลี เด็กที่พ่อ แม่ของเขาถูกฆ่าโดยเสือโคร่งนามว่า เชียร์ ข่าน จนทำให้บรรดาสัตว์อื่นๆ ในป่าก็ได้เลี้ยงดูเขาขึ้นมาให้เติบใหญ่ โดยมีเสือดำ บากีร่า ที่เป็นเสมือนคนที่สอนเขาใช้ชีวิตในป่าแห่งนี้พร้อมกับฝูงหมาป่า ที่คอยคุ้มครองเขาจากเชียร์ ข่าน ด้วย แล้ววันหนึ่ง เมาคลี ก็ได้เผชิญหน้ากับนักล่าที่น่ากลัวที่สุด ซึ่งก็คือมนุษย์ที่เป็นเผ่าพันธุ์ของเขาเอง

แม้ว่า The Jungle Book จะมีทำมาแล้วทั้งในฉบับ Animation และ Live Action แต่แล้วก็ยังมีเวอร์ชั่นนี้ออกมาโดยใช้เทคนิค Motion Capture ทั้งเรื่องยกเว้นตัว Mowgli เอง และปรับโทนให้ออกมาดูจริงจังเข้มข้น และเต็มไปด้วยดาราชื่อดังที่ตบเท้าเข้ามาพากษ์เสียงกันเต็มไปหมด โดยมี Benedict เป็นหนึ่งในนั้น ในบทของ ข่าน เสือร้ายที่หวังจะเอาชีวิตของเมาคลีมาโดยตลอด แต่เสียดายที่คำวิจารณ์อาจจะไม่สู้ดีเท่านัก แต่ส่วนตัวมองว่าก็ยังดูได้เพลิน