เรื่องย่อ

Maverick รหัสเรียกชื่อของลูกชายอดีตนักบินที่เก่งที่สุดคนหนึ่ง ด้วยความมั่นใจในตัวเอง บวกกับความใจกล้าบ้าบิ่นทำให้เขาถูกส่งมาฝึกที่หน่วย Top Gun แต่ก็ไม่วายที่จะแหกกฏเป็นประจำ จนกระทั่งเกิดเหตุการณ์ทำให้เขาต้องเรียนรู้และก้าวเข้าสู่บทเรียนสำคัญในการใช้ชีวิตและการฝึกบิน

หนังเรื่องนี้เหมาะกับใคร

ก่อนที่ทุกคนจะชื่นชม Top Gun Maverick ถ้าไม่มีรากฐานที่สำคัญในภาคแรก ก็คงไม่มีงานที่ยิ่งใหญ่สมจริงแบบที่ Tom Cruise ต้องการ ย้อนกลับไปหนังเรื่องนี้ออกเฉยๆด้วยซ้ำ แต่พอดูอีกรอบ นี่คือภาพยนตร์ที่บันทึกเรื่องราวที่น่าจดจำมาก หนังพูดถึงมิตรภาพตัวละคร การทำหน้าที่นักบิน หรือการใช้ชีวิตร่วมกับผู้อื่นที่เราจะใช้อารมณ์ความรู้สึกตัดสินปัญหาไม่ได้ ภาพที่เราเห็นเป็นเสมือนการใช้ชีวิตของลูกผู้ชายในยูนิฟอร์มแบบชายชาติทหารที่โคตรเท่ห์

• สายหนัง Tom Cruise
• สายหนังที่ชอบเครื่องบิน

รีวิว / สรุปเนื้อหา

หนังเรื่องนี้มีความเป็นยุค 80 เต็ม มันคือบันทึกช่วงเวลานั้น นักแสดงหน้าตาดี บุคลิกดี หุ่นล้ำ กล้ามเป็นมัดๆ มีเสื้อรัดรูปอีก มันเย้ายวนผู้หญิง และสาวสองไปเต็มๆ นี่ยังไม่รวมถึงการมีแว่นตาแบรนด์เนมหรูใส่ไปเข้าฉากอีก ว่าง่ายๆเหมือนจับคนหล่อมาเข้าฉากเป็นทหารเรือ เพื่อเล่นหนังเป็นนักบิน หนังเรื่องนี้ไม่ได้เป็นหนังแอ็คชั่นมีตัวร้าย แต่พูดถึงมิตรภาพของลูกผู้ชายที่มีปัญหากระทบกระทั้ง การตัดสินใจ การใช้อารมณ์แก้ปัญหา ความไม่ชอบขี้หน้าคนอื่นที่อาจมาดูเด่นกว่า ตัวละครที่คึกคะนองอีโก้จัด แต่ในอีกมุมหนึ่งทหารหนุ่มเหล่านี้ก็อยากจะเป็นสุดยอดนักบิน อยากได้รับการยอมรับจากผู้อื่น

ในเวลานั้นหนังค่อนข้างพยายามเล่าเรื่องให้ดูจริงจัง เราได้เห็นมุมมองการสร้างฉากเครื่องบินรบกลางอากาศที่ทำให้ดูจริงไม่มีหลอก ไม่ได้ใช่ Blue Screen ซึ่งภาพที่ออกมาดูสวย รายละเอียดหนังนอกจากการฝึกบินรบ หนังไม่ได้มีอะไรที่น่าจดจำมากหนัก หนังกลับได้พลังการแสดงของคู่พระนาง Tom Cruise และสาวตาสวยอย่าง Kelly McGillis มาช่วยอุดช่องโหว่ให้เรื่องราวน่าติดตามไปได้เรื่อยๆ ยอมเลยว่าฉากโรแมนติกมีเสน่ห์มากๆ หรือจะเป็นสุดหล่อแห่งยุคอย่าง Val Kilmer ที่เท่ห์บาดตาบาดใจสาวๆจริงๆ อีกจุดหนึ่งที่ชอบคือการบิ้วอัพของหนังในเวลานั้น พวกเพลงประกอบ เพลงสกอร์ที่มาช่วยในแต่ละฉากมันขับเคลื่อนเรื่องราวได้ดีมากๆ Take My breath away, Danger Zone และเพลงธีมที่ติดหูมาจนถึงทุกวันนี้อย่าง Harold Faltermeyer

สิ่งที่ทำให้หนังออกมาดี ทั้งที่เนื้อหาไม่ได้ซับซ้อนคือการลำดับภาพการต่อตัด การเรียงเรียงซาวด์ประกอบมันทำให้เราได้เห็นฉากเครื่องบินยุคนั้นที่ดูจะล้ำหน้า การออกแบบการดีไซน์ฉากต่างๆ เฉดโทนสีภาพแสงเงาต่างๆ ออกมาสวยทั้งฉากฉากขี่มอเตอร์ไซค์ สวมแว่น สวมแจ็คเก็ต นางเอกซ้อนท้าย หรือฉากเล่นวอลเลย์บอลอาจไม่ได้ว้าวมาก แต่ถ้าเอามาดูใหม่ก็ยอมรับเลยว่าหนังมันก็เท่ห์ในสไตล์ 80 จริงๆนะ