Terminator 2 : Judgement Day (1991)

ฅนเหล็ก 2029 ภาค 2

Terminator 2 : Judgement Day Poster
10/10

คะแนน
โกดังหนัง

ภาคที่ดีที่สุดของฅนเหล็ก ที่เติมหัวใจเข้าไปในจักรกลได้เป็นอย่างดี ฉากแอคชั่นมันส์แบบเต็มสูบ และความสัมพันธ์ชวนซึ้งจนต้องเสียน้ำตา

หมวดหมู่ : Action Sci-Fi
สัญชาติ : American
กำกับโดย : James Cameron
ความยาว : 2 ชั่วโมง 17 นาที
นักแสดงนำ : Arnold Schwarzenegger, Linda Hamilton, Edward Furlong

คำคมจากภาพยนตร์

“I know now why you cry but it's something that I can never do.”
“ฉันรู้แล้วทำไมคุณถึงร้องไห้ แต่มันเป็นสิ่งที่ฉันไม่มีวันทำได้”

เรื่องย่อ

หลังจาก 11 ปีที่ ซาร่าห์ คอนเนอร์ ได้เอาชีวิตรอดจากการตามล่าของหุ่นสังหาร T-800 มาได้ ก็ต้องเลี้ยงดูความหวังของโลกใบนี้ นั่นก็คือ จอห์น คอนเนอร์ ลูกชายคนเดียวของเธอเพียงลำพัง แต่แล้วเธอก็ต้องแยกจากกับจอห์น เพราะถูกจับเข้าโรงพยาบาลประสาท หลังจากที่พยายามทำลายโรงงานผลิตคอมพิวเตอร์ที่จะนำมาสู่สกายเน็ต องค์กรที่จะผลิตจักรกลสังหารในอนาคตจนโลกต้องล่มสลาย ทำให้ จอห์น เองต้องเติบโตมากับครอบครัวพ่อแม่บุญธรรมแทน ขณะเดียวกันในโลกอนาคต ทาง สกายเน็ต ก็ยังคงหวังที่ฆ่า จอห์น ในอดีตอีกครั้งอีกครั้ง เพื่อยับยั้งผู้นำฝ่ายมนุษย์ จึงส่งหุ่นสังหารรุ่นใหม่ T-1000 ที่สามารถเปลี่ยนรูปร่างกายภาพได้ ซึ่งเมื่อทางฝ่ายต่อต้านนำโดยจอห์นในอนาคตล่วงรู้จึงแก้ไขโปรแกรมให้กับหุ่น T-800 และส่งมาคุ้มครองตัวเองและแม่ในอดีตเช่นกัน

หนังเรื่องนี้เหมาะกับใคร

สำหรับ Terminator 2: Judgement Day เป็นหนังที่จะเหมาะกับคอหนังแอคชั่นในทุกยุคทุกสมัย แม้จะเป็นแนวไซไฟที่ใช้การคอนเซปการย้อนเวลา แต่ก็เล่าออกมาให้ย่อยง่ายดูง่าย ไม่ได้เน้นทฤษฎีอะไรให้มากมาย อีกทั้งยังมีฉากแอคชั่นใหญ่ๆ มันส์ๆ เยอะแยะเต็มอิ่ม และพาร์ทดราม่าดีๆ ให้เราผูกพันกับตัวละครที่ชวนให้เสียน้ำตากันได้อีกด้วย ทำให้หนังเรื่องนี้เป็นหนังที่ยากจะหาเรื่องใดมาเปรียบ แต่เอาเป็นว่าหากดูคนเหล็กภาคใหม่ๆ แล้วถูกใจ ยังไงก็ต้องย้อนกลับมาดูภาคนี้กันอยู่ดี เพราะมันคือ Masterpiece ของหนังชุดนี้แล้ว

  • สายหนังแอคชั่นไซไฟ
  • สายหนังย้อนเวลา
  • สายหนังแอคชั่นรางวัลคุณภาพ

รีวิว / สรุปเนื้อหา

หนังแอคชั่น-ไซไฟชั้นเยี่ยม ขนาดที่ว่าเอามาดูในยุคไหนก็ยังคงความยอดเยี่ยมได้แบบแรงดีไม่มีตก เพราะในภาคนี้พูดได้อย่างเต็มปากว่าเป็นหนังที่พัฒนาได้ดียิ่งกว่าภาคแรกเสียอีก ทั้งในแง่คุณภาพและความบันเทิงที่ผู้กำกับ James Cameron ได้จัดเต็มเอาไว้มาก เริ่มตั้งแต่ตัวบทของหนังก็ทำออกมาได้เป็นอย่างดี จากที่ภาคแรกเป็นทีมคน Vs หุ่นยนต์ T-800 มาภาคนี้ก็เหมือนเป็นการเอาภาคแรกมาบิดนิดเติมหน่อย ด้วยโครงเรื่องเดิม แต่เปลี่ยนเป็น ทีมคน + T-800 Vs T1000 ที่เป็นรุ่นใหม่กว่าแทน แต่ตัวหนังก็ยังคงสถานะเดิมเอาไว้ นั่นก็คือการให้คนดูเฝ้าเอาใจช่วย และเชียร์มวยรองอย่าง T-800 มากกว่า แม้ว่าเราจะเคยเห็นเขามาในสภาพของตัวร้ายในภาคแรกมาก่อนแล้วก็ตาม 

สำหรับในพาร์ทแอคชั่นก็ดุเดือดเลือดพล่านดี ด้วยความขี้โกงของเจ้า T1000 ที่ทำให้ T-800 รุ่นเก่ากว่าเป็นแค่มวยรอสุดๆ ทั้งสกิลต่างๆ ที่ออกมาอย่างการมีสถานะเป็นเหล็กไหลแปลงเป็นอะไรก็ได้ จะโดนอะไรก็แทบจะไม่สะเทือน ในส่วนนี้ก็ทำให้คนดูลุ้นกันนั่งไม่ติดเก้าอี้ และพร้อมเอาใจช่วยทีมตัวเอกให้รอดพ้นไปได้ในแต่ละฉากแบบหายใจหายคอแทบไม่ทัน ประกอบกับ CG ที่ในสมัยนั้นเรียกว่าขั้นเทพของจักรกลเหล็กไหล ประกอบกับการแสดงหน้าตายของ Robert Patrick ก็เพิ่มดีกรีความน่ากลัวของตัวร้ายเข้าไปใหญ่ จนทำให้ความสนุกของหนังอยู่ที่การอัดเท่าไรก็ไม่ตายสักทีของตัวร้าย จนสร้างสรรค์ฉากแอคชั่นใหญ่ๆ ได้หลากหลาย และดูสนุกมากจริงๆ

นอกจากในส่วนของแอคชั่นชั้นดีแล้ว ในภาคนี้ยังเพิ่มในส่วนของความผูกพันตัวละครของ จอห์น คอนเนอร์ กับ T-800 ได้ดีมากๆ เพราะเสมือน จอห์น นั้นได้พ่อที่ขาดหายไปตลอดชีวิตมาดูแลเขา รวมถึงพัฒนาการของตัวละครที่น่าสนใจ ในขณะที่ตัวละครจักรกลอย่าง T-800 มีความมนุษย์มากขึ้นเรื่อยๆ แต่ตัวละครมนุษย์อย่าง ซาร่าห์ กลับมีความเย็นชาจนแทบจะไร้ความรู้สึกเหมือนจักรกลแทน ก็เป็นมุมกลับกันที่มีความน่าสนใจมากๆ ซึ่งความสัมพันธ์ของตัวละครก็ไม่ธรรมดา แต่มันสามารถปูความผูกพันของ จอห์น และ T-800 มาได้ตลอดทั้งเรื่อง จนทำให้พาร์ทดราม่าของหนังในช่วงท้าย จึงกลายเป็นฉากเรียกน้ำตาที่ทรงพลังและตราตรึงใจของแฟนๆ คนเหล็กมาจนถึงทุกวันนี้

เกร็ดจากหนังเรื่องนี้

  • Robert Patrick ในบทตัวร้ายเหล็กไหล ต้องฝึกการวิ่งเป็นอย่างมาก เพราะในแต่ละฉากของการวิ่งนั้น เขาต้องวิ่งโดยที่หายใจได้แค่ทางจมูกเท่านั้น และห้ามแสดงออกถึงท่าที่ว่าเหนื่อย (เนื่องจากเป็นจักรกล) ซึ่งเขาก็ฝึกหนักถึงขนาดตามจับ Edward Furlong ในฉากขี่มอเตอร์ไซต์หนีได้ จนเข้าต้องชะลอตัวเองลง เพื่อให้วิ่งไม่ทันตามที่บทเป็น
  • ภาคนี้คือ Terminator ภาคเดียวเท่านั้น ที่ได้มีโอกาสเข้าชิงรางวัลออสการ์ รวมถึงได้รางวัลมาถึง 4 รางวัลจากการเข้าชิงถึง 6 รางวัลเลย
  • งานถ่ายทำของ Terminator 2 ยาวนานมาเสียจน Edward Furlong นั้นมีการเปลี่ยนแปลงทางร่างกายอย่างเห็นได้ชัด โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับความสูง และเสียงที่แตกหนุ่ม ทำให้เวลาถ่ายในบางฉากต้องมีการทำหลุม เพื่อให้ความสูงของเขากับ Linda Hamilton อยู่ในระดับเดิมจากที่เคยถ่ายเอาไว้