Get Out (2017)

ลวงร่างจิตหลอน

Get Out Poster
8/10

คะแนน
โกดังหนัง

ครบรสทั้งเรื่องความสยองสุดระทึก กับปมประเด็นเรื่องการเหยียดสีผิวสุดแสบ ชวนติดตามด้วยเนื้อหาที่สนุก และแฝงไปด้วยความตลกร้ายได้อย่างน่าจดจำ

หมวดหมู่ :
สัญชาติ : American
กำกับโดย : Jordan Peele
ความยาว : 1 ชั่วโมง 44 นาที
นักแสดงนำ : Daniel Kaluuya, Allison Williams, Bradley Whitford

คำคมจากภาพยนตร์

“Now, sink into the floor.”
“เอาล่ะ ธรณีสูบไปซะ”

เรื่องย่อ

คริส หนุ่มผิวสีที่คบกับ โรส สาวผิวขาว ที่ความสัมพันธ์ในระยะเวลา 5 เดือนของทั้งคู่ ก็ดูเหมือนจะรักและเข้ากันได้เป็นอย่างดี จนกระทั่งวันหนึ่ง โรส ก็ได้มีแผนพา คริส ไปเพื่อพบปะกับครอบครัวของเธอ ซึ่งเมื่อเขาไปถึงก็ได้พบกับบรรยากาศครอบครัวที่ดูอบอุ่น แต่ก็เต็มไปด้วยความไม่น่าไว้วางใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับบรรดาคนรับใช้ผิวสีในระแวกบ้านหลังนี้ ที่ดูมีพฤติกรรมชวนหลอนเป็นอย่างมาก และยิ่งเขาใช้เวลาอยู่ที่นี่นานขึ้น ก็ทำให้เขาได้พบกับความลับบางอย่างที่สุดแสนอันตรายจนเขาต้องหาทางเอาตัวรอดออกไปให้ได้

หนังเรื่องนี้เหมาะกับใคร

สำหรับ Get Out จะเป็นหนังที่เหมาะกับคอหนังสยองขวัญ ระทึกขวัญที่อยากได้อะไรที่แปลกใหม่ อย่างเช่น การโยนประเด็นเรื่องผิวสี ที่เสียดสีสังคมอเมริกันมาได้เจ็บแสบ รวมถึงความตลกร้ายหน้าตาย ที่เข้ามาอยู่ในหนังสยองขวัญได้ลงตัวแล้ว เรื่องนี้คือคำตอบของสิ่งที่กำลังตามหาเลย เพราะหนังมีครบทุกอย่าง แถมยังเดินเรื่องได้สนุก จากบทที่แปลกใหม่และชวนติดตามได้ทั้งเรื่อง จนเรียกได้ว่าเป็นสยองขวัญสุดสร้างสรรค์สำหรับ Gen ใหม่ก็ไม่แปลกนัก ซึ่งถ้าหากใครที่ชอบหนังแบบ Us, Hereditary ที่เป็นหนังสยองยุคนี้แล้ว อย่าได้พลาดเรื่องนี้กันเชียว

  • สายหนังสยองขวัญพล็อตเหนือ
  • สายหนังสยองชิงรางวัล
  • สายหนังประเด็นคนผิวสี

รีวิว / สรุปเนื้อหา

เป็นหนังเรื่องแรกที่ทำให้เรารู้จักกับ Jordan Peele ผู้กำกับที่มีความจัดจ้านเฉพาะตัวในการทำหนังสยองขวัญ ผสมผสานกับประเด็นของเรื่องคนผิวสีได้ออกมาสนุกบันเทิง และเข้มข้นเป็นอย่างมาก ซึ่งสำหรับ Get Out นี้ เขาเองก็ได้โชว์ของอยู่ไม่น้อย ในการทั้งเขียนบท และกำกับเอง ซึ่งในตัวบทนั้น ก็เป็นอะไรที่น่าชื่นชมมาก กับการที่ค่อยๆ พาตัวละครและคนดูไปสำรวจภายในบ้านและครอบครัวของโรส ที่ดูมีความไม่น่าไว้วางใจ และมีอะไรชวนสงสัยอยู่ตลอดเวลา แล้วค่อยๆ สร้างความอยากรู้อยากเห็นมากขึ้นเรื่อยๆ กับบรรดาพฤติกรรมประหลาดชวนหลอนของคนรับใช้ผิวสีภายในบ้าน ก็ยิ่งเป็นการกระตุ้นความอยากรู้เข้าไปกันใหญ่

ซึ่งความแปลกอีกอย่างของหนังที่แม้ว่าจะเล่นประเด็นเรื่องผิวสี แต่ก็ไม่ใช้การเหยียดผิวหรืออะไรมาเป็นประเด็นหลัก แถมยังสร้างความลึกลับซับซ้อนในประเด็นนี้ลงไปมากกว่านั้นได้อย่างน่าสนใจ และนำไปสู่บทสรุปที่แม้ว่าอาจจะไม่เกินการคาดเดา แต่ก็ชวนเหวออยู่ไม่น้อย อีกทั้งในพาร์ทความสยองก็ล้วนแล้วแต่ทำออกมาได้ดี บรรดาดาราที่เล่นเป็นกลุ่มคนใช้ในบ้าน นี่คือสร้างความหลอนจากสีหน้า และพฤติกรรมได้อย่างมีประสิทธิภาพ จนสร้างความกลัวได้ในแทบทุกครั้งที่คนกลุ่มนี้ปรากฏตัวออกมา

แม้ว่าที่เล่ามาอาจจะดูว่าโทนหนังตึงเครียด แต่ความจริงแล้วก็ไม่ขนาดนั้น ส่วนนึงเป็นเพราะ Jordan Peele เองก็อยู่แวดวงในสายตลกมาก่อน เลยทำให้หนังมีโทนอารมณ์ขันตลกร้ายหน้าตายที่เสริมเข้ามาในเรื่องได้เป็นอย่างดี แม้ว่าโครงเรื่องของหนังจะเป็นแนวสยองขวัญ หรือระทึกขวัญก็ตาม แต่มุขที่บรรดาตัวละครปล่อยกันออกมานั้นก็เรียกได้ว่า ฮา เอาซะมากๆ ทำให้ควมกลมกล่อมของบทจึงออกมาค่อนข้างครบรส มีความสนุกและลงตัวในทุกๆ ทางเป็นอย่างยิ่ง จนหนังเองก็ได้คว้ารางวัลออสการ์ในสาขาบทภาพยนตร์ยอดเยี่ยมมาครองซะด้วย

เกร็ดจากหนังเรื่องนี้

  • ด้วยความสำเร็จอย่างสูงของหนังทั้งในแง่หนังรางวัล และการโกยรายได้แล้ว ทาง Jordan Peele ก็มีการเปรยๆ เอาไว้ถึงการกลับมาทำภาคต่อ ถ้าหากว่าทางค่าย Universal Pictures นั้นยินยอมที่จะทำ แต่ทั้งๆ นี้ทั้งนั้น ต้องขอให้มีเรื่องราวและบททีดีเสียก่อน จนถึงขนาดที่ว่ามันน่าจะสามารถเอาชนะภาคแรกได้เขาถึงจะยอมทำ
  • ในฉากที่ คริส และ ร็อด โทรหากันในเรื่องนั้น บรรดานักแสดงต่างใช้โทรศัพท์เพื่อพูดคุยต่อบทกันจริงๆ แต่ไม่ใช่เป็นการพูดคุยระหว่างกัน เพราะปลายสายในตอนถ่ายทำตอนนั้นจะเป็น Jordan Peele ลงมาทำเอง
  • หนังเรื่องนี้ใช้เวลาถ่ายทำแค่เพียง 23 วันเท่านั้น แต่กลับขายดีจนติด Box Office 10 อันดับแรกวนเวียนนานอยู่ถึง 2 เดือน