SciFiHorror_00

7 หนังไซไฟสยองขวัญชั้นดี ที่มีทั้งสาระและความหลอน

ปกติแล้วหากพูดถึงหนังสยองขวัญนั้น ก็มักจะเล่าถึงภูติผี หรือวิญญาณ และปรากฏการณ์เหนือธรรมชาติต่างๆ ที่วิทยาศาสตร์นั้นไม่สามารถอธิบายได้ ทำให้หนังแนวๆ นี้ มักจะอยู่เหนือเหตุและผล และเน้นดูเพื่อเอาความบันเทิงแบบล้วนๆ แต่หลายครั้งก็มีหนังสยองขวัญอยู่จำนวนไม่น้อย ที่เอาตัวเองไปเชื่อมโยงกับวิทยาศาสตร์ และเพิ่มน้ำหนักกับให้กับทฤษฎีต่างๆ มากขึ้น

ซึ่งเมื่อยำกันออกมาแล้วก็มักจะออกมาเป็นส่วนผสมที่ลงตัวอยู่ไม่น้อย สำหรับใครที่อยากหาเหตุผล คำอธิบาย หรือกฏเกณฑ์ต่างๆ ก็จะได้รับเหตุผลหรือสาระและคำอธิบายต่างๆ ไปด้วย ก็ช่วยเพิ่มน้ำหนักให้กับความสยองที่มีอยู่ในหนังได้เป็นอย่างดี จนคนดูก็จะได้ทั้งสาระ ควบคู่ไปกับความสยอง ชวนลุ้น และตื่นเต้นเหมือนเดิม พอได้ไปค้นมาแล้ว ก็พบว่ามีหนังแนวๆ นี้อยู่ไม่น้อยเลย ซึ่งเพื่อให้เข้ากับหนังแนวนี้อย่าง Ghostbusters:Afterlife ที่เข้าฉายในสัปดาห์ก่อนพอดี เลยขอคัดเลือกหนังแนวนี้มาเลือกดูกันได้เลย

Ghostbusters (1984-2021) – บริษัทกำจัดผี

Ray และ Egon 2 นักวิทยาศาสตร์สมองเฟื่องผู้เชี่ยวชาญในการเรื่องของปรากฏการณ์เหนือธรรมชาติ พวกเขาได้พา Peter เพื่อนจอมกะล่อนอีกคนของพวกเขาไปพบกับวิญญาณแบบจะๆ ที่ห้องสมุดในเมือง พวกเขาจึงมองเห็นช่องว่างทางธุรกิจที่มีอยู่ เลยคิดค้นเครื่องมือในการจับพลังงานวิญญาณได้ และก่อตั้งบริษัท Ghostbusters หรือบริษัทกำจัดผีขึ้นมา ก่อนที่จะได้ Winston สมาชิกใหม่ที่แวะเข้ามาหางานทำได้อีกคน จนกลายเป็นทีม Ghostbusters ที่ช่วยเหลือประชาชนในเมืองจากเหล่าวิญญาณและปีศาจต่างๆ

ถ้าไม่นับหนังปีศาจในจักรวาล Universal อย่าง Frankenstein ที่ใช้วิทยาศาสตร์มาปลุกชีวิตให้กลับมาจากความตาย ก็นับว่า Ghostbusters ก็เป็นอะไรที่มาก่อนกาลอยู่ไม่น้อย สำหรับการตั้งทีมปราบผีโดยใช้อุปกรณ์ทางวิทยาศาสตร์และมองผีเป็นพลังงานบางอย่างที่สามารถจับและนำไปเก็บไว้ได้ และด้วยกิมมิคเท่ๆ ทั้งปืนลำแสงพลาสม่า รถแต่งเพื่อใช้งานในการไล่ล่าภูติผีปีศาจในเมือง จนไม่แปลกที่มันจะกลายมาเป็น Pop Culture และภาพยนตร์ที่น่าจดจำมาจนถึงยุคนี้

Event Horizon (1997) – ฝ่านรกสุดขอบฟ้า

โลกอนาคตปี 2047 ยาน Lewis and Clark ได้ส่ง ดร. วิลเลี่ยม เวียร์ และผู้ติดตามจำนวนหนึ่ง ออกไปตามสัญญาณที่ส่งกลับมาจาก Event Horizontal ที่หายสาบสูญไปในอวกาศอย่างไร้ร่องรอยหลายปี เมื่อพวกเขาไปถึงก็ต้องพบกับความสยองที่สุดในชีวิต ทั้งศพของลูกเรือที่ตายอย่างโหดร้ายและดูเป็นปริศนา และยิ่งพวกเขาค้นหาเพิ่มมากขึ้นเท่าไร ก็ยิ่งพบกับความสยองเกินจินตนาการมากเท่านั้น

อีกหนังชื่อดังและสร้างชื่อให้กับผู้กำกับ Paul W.S. Anderson (คนที่สร้างตำนาน Resident Evil และ Monster Hunters ให้แฟนเกมด่านั่นแหละ) ที่ในเรื่องนี้ภาพลักษณ์แม้จะดูเหมือนหนังไซไฟอวกาศ จากการที่สมาชิกบนยานต้องร่วมกันตามหายานที่หายไปแบบปริศนา แต่สุดท้ายแล้วกลับพบว่ายานมันหลุดไปในสถานที่ที่สยองเกินกว่าจะจินตนาการได้ แถมแต่ละคนยังเกิดนิมิตแบบสุดโหด จนกลายเป็นหนังสยองขวัญเรท R แบบเต็มตัวกันไปเลย ส่วนดีเทลเรายังไม่อยากจะะพูดถึงนัก อยากให้ได้ไปลุ้นกันเอาเองว่าจะพบเจอกับอะไรในหนังกันบ้าง

The Invisible Man (2020) – มนุษย์ล่องหน

ซิซิเลีย แคส  หญิงสาวที่ตัดสินใจจบความสัมพันธ์กับแฟนเก่าที่เป็นนักวิทยาศาสตร์ร่ำรวย แต่เขากลับเป็นพวกโรคจิตชอบใช้กำลัง หลังจากเธอหนีมาได้ไม่นานนัก ก็มีข่าวว่าแฟนเก่าของเธอได้เสียชีวืต และได้มอบมรดกให้กับเธอเป็นจำนวนมหาศาล ทำให้เธอนั้นสงสัยในสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นอย่างมาก ในระหว่างนั้นก็ได้เกิดเหตุการณ์แปลกประหลาดตามมามากมาย เหมือนว่าแฟนเก่าของเธอนั้นยังคอยติดตามเธออยู่ตลอด เธอจึงต้องหาข้อพิสูจน์ให้ได้ ก่อนที่ใครจะหาว่าเธอเป็นบ้าไปเสียก่อน

มนุษย์ล่องหน เป็นอีกหนึ่งใน Monster ของจักรวาล Universal ตัวนึง ที่เคยออกมาโลดแล่นแล้วบ่อยครั้ง โดยก่อนหน้าก็มีหนังอย่าง Hollow Man (2000) ที่เล่าเรื่องของนักวิทยาศาสตร์ที่ค้นพบวิธีการทำให้ตัวเองล่องหนได้สำเร็จ แล้วไปคุกคามแฟนเก่าเหมือนกัน จนมาถึงในเวอร์ชั่น The Invisible Man นี้ที่เน้นในเรื่องความสัมพันธ์ของ Toxic Relationship และตีความใหม่ในเรื่องของการล่องหน ที่เชื่อมโยงกับวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยียุคใหม่ ได้อย่างน่าประทับใจเลย

Prometheus (2012) – โพรมีธีอุส

อลิซาเบ็ธ ชอว์ และ ชาร์ลีย์ ฮอลลีเวย์ 2 นักวิทยาศาสตร์ที่ได้พบกับภาพวาดโบราณภายในถ้ำ ที่เสมือนเป็นการชี้นำให้พวกเขาไปคุ้นหาถึงจุดกำเนิดของตัวเอง และเหล่ามวลมนุษยชาติ ว่าพวกเขามีที่มาที่อย่างไร ทั้ง 2 คนจึงรวบรวมทีมนักวิทยาศาสตร์ไปขึ้นยานที่มีชื่อว่า โพรมีธีอุส เพื่อไปยังดวงดาวปริศนาที่พวกเขาเชื่อว่าเป็นคำเชิญสู่การไขปริศนาครั้งสำคัญของมนุษย์ โดยมีหุ่นแอนดรอยด์ที่ดูไม่น่าไว้วางใจอย่าง David โดยสารไปด้วย เมื่อไปถึงพวกเขาก็ต้องพบว่า ทุกอย่างมันคือจุดเริ่มต้นของความสยองที่พวกเขาไม่ได้คิดเอาไว้

หนังที่เหมาะกับคอหนังไซไฟจ๋าๆ ที่เติมความสยองแบบ Alien ต้นฉบับอย่างแน่นอน ด้วยความที่มันพาเราไปสำรวจจักรวาล และเรื่องราวที่สเกลใหญ่ขึ้น รวมไปถึงจุดกำเนิดต่างๆ ที่ทำให้คอหนังคาใจมาตลอดหลายปี ก็มีการพูดถึงในหนังภาคนี้ (แม้จะยังเหลืออีกเยอะแยะมากมาย พร้อมทั้งปมใหม่ๆ ที่เพิ่มขึ้นมาแทนก็เถอะ) แต่สำหรับคนที่อาจจะไม่ใช่แฟนหนังชุดนี้ แต่เป็นคอหนังไซไฟก็สามารถสนุกและบันเทิงไปกับหนังได้เช่นกัน ด้วยจังหวะความน่ากลัวอันเป็นเอกลักษณ์ ประกอบกับงานภาพและเสียงที่ช่วยเสริมให้กับหนังเป็นอย่างดี

Spectral (2016) – ทหารสู้ผี

มาร์ค ไคล นักวิทยาศาสตร์ทางการทหาร ที่ถูกตามตัวอย่างเร่งด่วนไปที่เมือง มอลโดว่า เพื่อตรวจสอบข้อมูลบางอย่างจากกล้องไฮเปอร์สเปคตรัมของเขา จนทำให้เขาพบพลังงานบางอย่างที่อยู่ในเมืองนั้นและคร่าชีวิตทหารอเมริกันไปมากมายจากการแค่เคลื่อนที่ผ่านตัวเท่านั้น ทำให้พวกเขาต้องร่วมมือกันหาทางต่อสู้กับสิ่งเหล่านี้ และเอาชีวิตรอดออกไปจากสถานที่แห่งนี้ให้ได้

เอาจริงๆ มันอาจจะหลุดคอนเซปไปสักนิดในแง่ของไซไฟสยองขวัญ เพราะหากนับจริงๆ มันอาจจะออกไปทางแอคชั่นไซไฟมากกว่า จากการที่มันเป็นภารกิจทางการทหาร ที่ดูเหมือนจะเป็นหนังสงคราม แต่ก็ใส่ความสยองของศัตรูเข้ามาให้เราไม่แน่ใจว่ามันคืออะไรกันแน่ที่มีลักษณะคล้ายกับวิญญาณจริงๆ จนทำให้มันมีความแปลกใหม่ ดูเพลินได้ แม้ว่าตัวหนังจะยังไม่มีอะไรที่น่าจดจำเท่าไรนักก็ตาม แต่ก็ถือว่าเป็นหนังเท่ๆ และมีส่วนผสมที่น่าสนใจอยู่ดี

Happy Death Day 2U (2019) – สุขสันต์วันตาย 2U

ทรี เกลบ์แมน สาวสวยที่รอดพ้นจากลูปที่โดนฆาตกรใส่หน้ากากฆ่าตายไม่รู้จบ จากการที่หาตัวจริงของพบและฆ่าทิ้งซะ ทำให้ลูปการตายวนเวียนของเธอก็สิ้นสุดลง จนเธอได้เริ่มวันใหม่ที่เป็นวันต่อไปสักที แต่แล้วก็มีเรื่องที่ทำให้เธอนั้นเข้าไปพัวพันกับลูปเวลาอีกครั้ง และคราวนี้ก็ดูเหมือนว่าฆาตกรหน้ากากจะไม่ใช่คนเดิมเสียแล้ว ทำให้เธอจึงต้องมาหาวิธีเอาตัวรอดไปจากสถานการณ์นี้อีกครั้ง

จากภาคแรกที่เอาหนังแนว Slasher หรือฆาตกรไล่ฆ่าออกมาผสมกับลูปเวลาและชีวิตวัยรุ่นได้อย่างกลมกล่อมน่าชื่นชมแล้ว มาจนถึงภาคนี้ มันกลับเข้าสู่โลกของไซไฟแบบเต็มตัว ด้วยการเล่าถึงทฤษฏีของการย้อนเวลาอันเป็นที่มาที่ไปของภาคแรก และยังคงความโหดของฆาตกรเอาไว้เช่นเดิม แต่เพิ่มในเรื่องความซับซ้อนด้วยการใส่ความเป็นวิทยาศาสตร์เข้าไป จนทำให้หนังภาคแรกที่ออกมาว่าบ้ามากแล้ว ก็ยังอุตส่าห์เหนือระดับขึ้นไปได้อีก

Possessor (2020) – สิงร่างฆ่า

ทาสยา วอส หญิงสาวที่เป็นแม่บ้านบังหน้า แต่ตัวตนที่แท้จริงของเธอนั้นคือนักฆ่าขององค์กรลับ ที่มีกระบวนการฆ่าที่ไม่เหมือนใคร เพราะนักฆ่าจะถูกถอดจิตเข้าไปในร่างใครสักคนก่อนที่จะลงมือกับเป้าหมาย แล้วค่อยปลิดชีพตัวเองทิ้ง จนไม่มีใครสามารถตามร่องรอยได้ จนกระทั่งวันหนึ่งเธอก็ได้รับเป้าหมายใหม่ และต้องเข้าไปสิงร่างของ เทต ว่าที่ลูกเขยของเหยื่อ ที่สภาพจิตใจดันมีการต่อต้าน จนเมื่อเขาได้สติก็เตรียมกลับมาล้างแค้นเธอและองค์กรแห่งนี้

จริงๆ ไม่เชิงเป็นหนังผีหรือวิญญาณอะไร แต่ทว่าด้วยพล็อตเรื่องสุดเจ๋งและแหวกแนว จากการใช้วิทยาศาสตร์และความเป็นไซไฟ มาผสมกับการฆาตกรรมแล้วก็ทำให้มันเข้าหมวด Horror เพิ่มเข้าไปได้ไม่ยาก เพราะฉากฆ่ากันที่โหดในระดับติดตา ทั้งเลือดสาดและความรุนแรง จนได้รับคำวิจารณ์ค่อนข้างดีมากๆ ในตอนที่ไปฉายในเทศกาลซันแดนซ์ ซึ่งถ้าใครอยากดูแบบฉบับที่โหดเดือดถึงใจจริงๆ ก็ขอแนะนำฉบับ Uncut เอาไว้ในอ้อมใจกันเลย