แต่ถึงอย่างไรก็นับว่าเป็นเรื่องที่น่าพัฒนากันต่อไปอีกเรื่อยๆ เพราะจริงๆ แล้วในไทยก็มีนักเล่าเรื่องเก่งๆ อยู่เยอะ ที่น่าจะสร้างสรรค์ผลงานได้ดีขึ้นหากได้รับการสนับสนุนอย่างเหมาะสม วันนี้ทางโกดังหนังเลยอยากที่จะหยิบเอา Thai Original Content บน Netflix มาแนะนำกันดูว่าจะมีเรื่องอะไรบ้าง? และเรื่องไหนที่คุณดูแล้วรู้ว่าโอเคกัน 

เคว้ง (2019)

คราม เด็กวัยรุ่นมัธยมที่เรียนในโรงเรียนเอกชนแห่งหนึ่งที่ตั้งอยู่บนเกาะเล็กๆ ทางภาคใต้ของไทย วันหนึ่ง คราม และเพื่อนๆ ร่วมชั้นต่างต้องเผชิญกับมหันตภัยสึนามิเพียงลำพัง โดยหลงเหลือผู้รอดชีวิตที่เพื่อนของเขาอีก 30 กว่าคน ที่จะต้องพยายามช่วยกันเอาชีวิตรอดบนเกาะแห่งนี้ ไม่ว่าจะเป็นการหาอาหาร หรือการเอาตัวรอดกันเองโดยปราศจากความช่วยเหลือจากภายนอก และยิ่งไปกว่านั้น พวกเขายังต้องเผชิญหน้ากับความลี้ลับและแปลกประหลาดเกินกว่าจะคาดเดาบนเกาะแห่งนี้อีกด้วย

อีกซีรี่ส์ที่ปล่อยให้คนดูเคว้งเกินกว่า 2 ปีมาแล้ว เพราะจริงๆ ตัวซีรี่ส์ดูวางตัวเป็น Lost ฉบับไทยมากๆ ที่เปลี่ยนจากตัวละครเครื่องบินตกบนเกาะปริศนา ก็กลายมาเป็นสึนามิซัดเข้าเกาะจนต้องเอาชีวิตรอดกัน ซึ่งก็ไม่ต่างอะไรกันนัก เพราะ เคว้ง เองก็ไม่ได้วางตัวเป็นซีรี่ส์แนว Survival แต่กลับเล่นกับความที่เป็น Mystery ที่ชวนสงสัยมากกว่าว่าบนเกาะนี้มันมีอะไรเกิดขึ้นกันแน่ และความพิศวงของมันนั้นจะถูกเฉลยอย่างไร

The Maid (2020)

จอย เด็กสาวจากต่างจังหวัดที่ได้เดินทางมาเป็นสาวใช้ในบ้านแห่งหนึ่ง ที่มีประวัติว่าคนใช้รายใดที่เข้ามาที่นี่จะต้องมีอันพบเจอกับวิญญาณหลอนจนต้องลาออกไปทุกราย ซึ่งเมื่อเธอก้าวเข้ามาในบ้าน เธอก็ได้พบกับเหตุการณ์แปลกประหลาดไม่ต่างจากสาวใช้คนอื่นๆ รวมถึงวิญญาณของ พลอย อดีตสาวใช้ที่เคยทำงานที่นี่มาก่อน ทำให้เธอพยายามตามหาความจริงที่วิญญาณพยายามจะสื่อสารกับเธอ จนนำไปสู่ความลับอันดำมืดของคนในบ้านหลังนี้

หนังไทยที่ทำมาสำหรับ Netflix อีกเรื่อง ที่ถือว่าทำได้ตามมาตรฐานอยู่ ทั้งบทหนังที่ดูสนุกชวนติดตาม และมีพลิกผันไปมาให้คาดเดากันได้ตลอดเรื่อง ตลอดจนงานโปรดักชั่นที่ดูอินเตอร์มากๆ ในส่วนขององก์แรกก็มีการปล่อยผีออกมาหลอกมาหลอนจนเหนื่อย (แอบรู้สึกว่าบางทีก็รัวไปหน่อย จนแทนที่จะกลัวก็กลับชิน) ส่วนการเฉลยในองก์ 2 ก็ทำออกมาได้น่าสนใจ ก่อนที่จะนำไปสู่ความบ้าคลั่งในองก์ที่ 3 ได้แปลกดีสำหรับหนังไทย ทำให้แม้จะมีข้อด้อยรายทางมากมาย แต่ก็ถือว่าสร้างความบันเทิงได้ค่อนข้างดี

เด็กใหม่ 2 (2021)

แนนโน๊ะ เด็กสาวปริศนาที่เข้าไปเป็นนักเรียนใหม่ในโรงเรียนต่างๆ เพื่อที่จะสะท้อนความเลวร้ายของระบบ และผู้คนที่อยู่ในโรงเรียน ที่ไม่ว่าจะเป็นใครก็ล้วนต้องได้รับการลงทัณฑ์อย่างสาสมกับสิ่งที่พวกเขาทำเอาไว้

ปรากฏการณ์ซีรี่ส์ไทยที่ทำให้ใครๆ ก็รู้จัก คิตตี้ ชิชา ในฐานะ แนนโน๊ะ ด้วยความที่บทเธอเปรียบเสมือนปีศาจร้ายที่เข้ามาลองใจมนุษย์ พร้อมกับเสียงหัวเราะอย่างสะใจทุกครั้งเมื่อได้เห็นเหยื่อได้รับผลจากการกระทำก็ทำให้เป็นที่น่าจดจำไม่ยากนัก อีกทั้งด้วยเนื้อหาที่เสียดสีสังคมไทยอย่างสนุกสนาน โดยเฉพาะในแวดวงระบบการศึกษาที่มีเรื่องให้เล่นอยู่เพียบ ประกอบกับงานศิลป์ดีๆ อย่างในซีซั่น 2 ก็ทำให้มันเป็นซีรี่ส์ไทยอีกเรื่องที่รู้สึกชอบอยู่ไม่น้อยเลย ถึงแม้ว่าจะไปชอบประเด็นแก้แค้นแบบตาต่อตา ฟันต่อฟันก็เถอะ

Deep (2021)

นักศึกษาแพทย์ 4 คนของมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง ที่ได้มีโอกาสมารวมตัวกันในโปรเจคงานวิจัยใหม่ ที่ศึกษาในเรื่องของการอดนอน โดยพวกเขาได้รับข้อเสนอให้ฝังชิพตัวหนึ่งที่เรียกว่า Deep เข้าไปในร่างกาย โดยชิพที่ว่าจะเป็นสิ่งที่วัดค่าของสารคิวราโทนิน ที่จะหลั่งออกมาเวลาอดนอน ยิ่งนอนน้อยเท่าไรก็ยิ่งมีโอกาสทำภารกิจสำเร็จมากยิ่งขึ้น จนกระทั่งในแต่ละครั้งนั้นระยะเวลาอดนอนของพวกเขาก็จะยิ่งมากขึ้น ในขณะที่หากภารกิจล้มเหลวหรือพวกเขาเผลอหลับไปเกิน 60 วินาทีแล้ว ก็จะตายในทันที

Deep คือหนังอีกเรื่องที่มีไอเดียและพล็อตเรื่องที่น่าสนใจจากทีมงานของ ม.กรุงเทพ แต่เสียดายที่ตัวบทกลับไม่ถูกเกลามาให้ดีพอ จนขาดความน่าเชื่อถือ และความสมเหตุสมผลอยู่มากจากตัวหนัง จนไม่ได้มีแค่เพียงตัวละครที่ง่วงจากการอดนอนเท่านั้น แต่คนดูเองก็ง่วงด้วยกับการดำเนินเรื่องที่เชื่องช้า และไม่ได้มีจุดระทึกขวัญ ชวนลุ้นอะไรมากนัก จนทำให้ไอเดียที่ดูสดใหม่ก็กลับกลายเป็นทื่อๆ ไปอย่างน่าเสียดายเลย

Ghost Lab (2021)

กล้า หมอหนุ่มที่เคยพบเจอกับวิญญาณของพ่อที่เสียชีวิตไปในตอนเด็ก ที่ได้มาบังเอิญเจอผีที่โรงพยาบาลพร้อมกับ วี เพื่อนหมอที่ทำงานในโรงพยาบาลเดียวกัน พวกเขาจึงตัดสินใจที่พิสูจน์การมีอยู่ของผี และพยายามที่จะติดต่อสื่อสารกับพวกเขา แต่เมื่อยิ่งทดลอง พวกเขากลับถลำลึกลงไปมากขึ้นๆ จนเริ่มทำสิ่งที่เหนือความคาดหมาย และได้พบกับเรื่องราวที่ไม่คาดคิดจนชีวิตของพวกเขาต้องเปลี่ยนไปตลอดกาล

หนังของ GDH ที่ทำมาสำหรับ Netflix โดยเฉพาะ ซึ่งก็มั่นใจได้เลยในเรื่องของงานโปรดักชั่นและงานภาพสวยๆ ดูอินเตอร์ แต่ที่น่าเสียดายก็คือมันกลับเป็นหนังที่ท่าดี แต่ทีเหลวอีกเรื่อง เพราะบนพล็อตที่ดูน่าสนใจ (จนพานึกไปถึงหนังอย่าง Flatliner) และการเปิดตัวที่ชวนติดตามในช่วงแรก รวมถึงการแสดงของนักแสดงหลักสองคนก็มาดีมาก แต่พอเข้าถึงกลางเรื่องและครึ่งหลังก็ดูหลงประเด็นไปมาก และกลายเป็นอะไรที่ออกทะเล จนสุดท้ายเราก็ไม่เข้าใจว่าหนังต้องการจะสื่ออะไรกับเรากันแน่ด้วยซ้ำ

Bangkok Breaking (2021)

วันชัย หนุ่มต่างจังหวัดที่เพิ่งย้ายเข้ามาอยู่ในกรุงเทพ เพื่อตามหาพี่ที่ขอความช่วยเหลือเขาเอาไว้ ในวันมาถึงกลับเกิดเหตุที่ทำให้เขาเข้าไปพัวพันกับคดีอาชญกรรมที่เกิดขึ้น เขาจึงได้ร่วมมือกับ แคท นักข่าวสาวไฟแรงที่หวังจะเปิดโปงความลับของคดี แต่การสืบค้นของทั้งคู่ยิ่งพาให้พวกเขาดำดิ่งไปสู่โลกอาชญากรรมอันดำมืดในเมืองที่มีชื่อว่า กรุงเทพ

โดยรวมอาจจะผิดหวังไปสักหน่อยกับการที่โปรโมทเอาไว้สูงมากว่าจะตีแผ่และเสียดสีสังคมไทย แต่พอเอาเข้าจริงสเกลกลับเล็กกว่าที่คิดอยู่มาก เพราะมันมุ่งเป้าในเรื่องของการทุจริตของมูลนิธิเท่านั้น อีกทั้งในส่วนของตัวละครก็อาจจะเป็นโทนดำ ขาว ไปสักหน่อยเมื่อเทียบการทำงานระหว่างสองมูลนิธิที่เป็นคู่แข่งกัน จนแยกออกตัวดีตัวร้ายได้ตั้งแต่เริ่มเรื่อง ตลอดจนความดาร์คของหนังอาจจะมีไม่มากเท่าเรื่องอื่นๆ มันเลยออกมาอยู่ในระดับที่ดูได้เพลินๆ เรื่อยๆ มากกว่าจะเป็นซีรี่ส์ที่น่าจดจำ

The Whole Truth (2021) 

พิม และพัท สองพี่น้องวัยนักเรียน ที่แม่ของพวกเขาเกิดประสบอุบัติเหตุรถชนจนนอนหมดสติอยู่ที่โรงพยาบาล ทำให้พวกเขาต้องไปอาศัยอยู่กับ ตา ยาย ที่พวกเขาไม่เคยเห็นหน้ามาก่อน ซึ่งเมื่อเข้าไปในบ้านของตา ยายแล้ว ก็ยังได้เจอกับเหตุการณ์แปลกประหลาดมากมาย ทั้งอาการเลอะเลือนของยาย รวมถึงรูปริศนาที่กำแพง ที่ไม่มีใครอื่นเห็นน้องจากพวกเขาแค่ 2 คนเท่านั้น และข้างหลังของรูนั้นทำให้พวกเขาได้พบกับอดีตสุดหลอนที่เกิดขึ้นในบ้านหลังนี้

หนังที่มีกลิ่นอายคล้ายๆ เรื่อง The Visit ของ M. Night ที่ว่าด้วยพี่น้องไปอยู่บ้านตา ยาย แล้วเจออะไรแปลกๆ แต่หนังก็กลับฉีกแนวทางให้ไม่ซ้ำได้เป็นอย่างดี ในแง่ของ Production ถือว่าทำได้โอเค ติดแค่ CG นิดหน่อยตอนผีอ้วกอะไรแบบนี้ที่ยังดูไม่สมจริงเลย ส่วนการสร้างความอยากรู้อยากเห็น นับว่าชวนสงสัยถึงที่มาที่ไปอยู่ไม่น้อย ว่าอดีตเกิดอะไรขึ้นกันแน่ แต่จุดด้อยหลักๆ ของหนังก็ยังคงเป็นเรื่องเดิมๆ ของหนังไทยนั่นคือการเกลาบทมาไม่ดีพอ จนชวนหงุดหงิดกับช่องโหว่และความไม่สมเหตุสมผลอยู่พอสมควรเลย