รวมหนัง Daniel Redcliffe กับบทบาทที่พยายามฉีกจากพ่อมด

หลังจากจบหนังชุด Harry Potter ไป นักแสดงแต่ละคนก็แยกย้ายกันไปคนละทาง บางคนอำลาวงการ บางคนก็ยังไปเล่นหนัง เล่นซีรีส์อยู่ ซึ่งแต่ละคนก็มีแนวหนังของตัวเองที่ต่างกันออกไป แต่สำหรับตัวเอกของเรื่อง ที่รับบทโดย Daniel Radcliffe นั้น เขามีความคิดอยู่ตลอดที่อยากให้คนดูเลิกจำภาพของเขาในการเป็นเด็กขายผู้รอดชีวิตสักที ทำให้เขาจึงเดินรับบทหนังที่ค่อนข้างแหวกแนวมากในวงการ ส่วนหนึ่งก็เพราะอยากให้มันสุดโต่งจนคนไม่ต้องจำเขาแค่บทบาท Harry อย่างเดียวต่อไป

ซึ่งมาจนถึงตอนนี้ในวัย 33 ปีของเขา นับจากจุดเริ่มต้นของการแสดงในบท David Copperfield ในปี 1999 ก็ได้มาดังเปรี้ยงจนรู้จักไปทั่วโลกจาก Harry Potter and the Sorcerer’s Stone ในปี 2001 และรับบี้เรื่อบมาจนถึงปี 2011  ก่อนที่เขาจะได้ออกไปรับบทอื่นๆ เพื่อพิสูจน์ตัวเอง เขาก็ได้เดินทางในวงการแสดงมามากมาย มีหนังใหญ่เล็กออกมาเรื่อยๆ ที่บอกเลยว่า ด้วยความแหวกแนวของการเลือกบทแล้ว ก็ต้องยอมรับว่าในบทสุดโต่งต่างๆ ของเขา มันก็น่าจดจำ และเต็มไปด้วยความบ้าดีจริงๆ แหละ ส่วนจะมีบทไหนบ้างนั้น ลองมาดูกันได้เลย

1. Horns (2013) – คนมีเขา เงามัจจุราช

อิคนาเซียส เพอร์ริส ชายหนุ่มที่ต้องกลายเป็นแพะรับบาปในคดีฆาตกรรม เมอร์ริน แฟนสาวของเขาเอง ด้วยความที่เขาตื่นขึ้นมาก็เจอกับศพแฟนสาวที่ถูกฆ่าตายแล้ว แถมสภาพยังดูเหมือนถูกจัดฉากให้ทุกอย่างเป็นความผิดเขา จนกระทั่งวันหนึ่งที่เขาดันมีเขาสองข้างงอกมาที่หัว และดันมีพลังที่ทำให้คนที่อยู่ต่อหน้า ต่างต้องพูดความจริงที่อยู่ในใจออกมา เขาจึงเลือกที่จะใช้พลังนี้ เพื่อตามล่าหาฆาตกรตัวจริงให้ได้

หนังที่ดัดแปลงจากนิยายของ Joe Hill (นามปากกาของลูกชาย Stephen King) ที่หยิบเอาเรื่องของความเชื่อในพระเจ้าและซาตานมาใช้ ผ่านตัวละครเอกที่ใช้พลังดึงเอาด้านมืด และความต้องการที่แท้จริงของแต่ละคนออกมา โดยบทของ Daniel ในนี้เองก็ดูจิตๆ หน่อย แต่คนรอบๆ ตัวก็บ้ากว่า แม้ว่าหนังจะมีฉากย้อนความหลังที่เยอะไปบ้างจนหนืดและน่าเบื่อในบางช่วง แต่พาร์ทการสืบหาผู้ต้องสงสัยจากตัวละครรอบตัวก็ทำออกมาได้น่าสนใจอยู่ไม่น้อย ทำให้มันกลายเป็นหนังตลกร้ายอีกเรื่องที่ฉีกบทบาทพ่อมดน้อย ไปสู่หนังเรท 18+ ได้เลยจริงๆ

2. What If (2013) – รักได้ไหม ถ้าหัวใจแอบรัก

วอลเลซ หนุ่มที่ไม่ค่อยสมหวังในความรักสักเท่าไร เมื่อมีความรักครั้งล่าสุด ก็ดูสุ่มเสี่ยงไปอีก เพราะเขาได้พบกับ ชานทรี่ สาวที่ อัลลัน เพื่อนซี้ของเขาแนะนำมาให้ เขานั้นแอบรู้สึกดีกับ ชานทรี่ ตั้งแต่เริ่มต้น แต่ติดอยู่ปัญหาเดียวก็คือเธอนั้นดันมีแฟนอยู่แล้ว ทำให้ วอลเลซ ต้องตกอยู่ในสถานะเพื่อนสนิทคิดไม่ซื่อ และพยายามที่จะไม่ล้ำเส้นของความสัมพันธ์นี้ไป แม้ว่าหัวใจจะเรียกร้องก็ตาม

อีกหนังเล็กน่ารักที่มีโอกาสเข้าฉายเงียบๆ ในไทย แต่คุณภาพเกินขนาดหนังมากๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับคนที่ชอบหนังแนวแอบรัก หรือเพื่อนสนิทคิดไม่ซื่อน่าจะอินแน่นอน เพราะหนังขยี้ปมนี้ได้น่าสนใจเหลือเกิน แถมค่ะพระ-นาง อย่าง Daniel Radcliffe และ Zoe Kazan เองก็ดูเข้ากันดี แถมยังมี Adam Driver ที่เป็นตัวสร้างความฮาให้กับเรื่องราวได้อีก ก็นับว่าเป็นอีกมุมของ Daniel Radcliffe ที่พลิกมาเล่นหนังรอมคอมแบบเต็มตัวมาก หลังจากที่อาจจะมีบทกุ๊กกิ๊กมาอยู่บ้างใน Harry Potter and the Order of the Phoenix ที่เป็นความสัมพันธ์แบบวัยรุ่นกับตัวละครโชแชง ซึ่งหากใครมีโอกาสหาดูเรื่องนี้ได้ก็อยากแนะนำไว้เหมือนกัน เพราะมันดูกลมกล่อมน่ารักดีจริงๆ

3. Victor Frankenstein (2015) – วิกเตอร์ แฟรงเกนสไตน์

ในช่วงศตวรรษที่ 19 วิคเตอร์ แฟรงเกนสไตน์ นักวิทยาศาสตร์สติเฟื่อง เกิดอยากที่จะฝืนกฏธรรมชาติ ด้วยการทดลองบางอย่างเกี่ยวกับศพ โดยมีผู้ช่วยคนสนิทที่ฉลาดไม่แพ้กันอย่าง อิกอร์ ที่มาช่วยในการทดลองลับๆ นี้ จนทำให้ศพที่พวกเขานำมาเริ่มกลับมามีชีวิตอีกครั้ง ในขณะที่ นักสืบ โรเดริค เทอร์ปิน ก็เริ่มเข้าใกล้พวกเขามาขึ้นทุกทีจากการสืบหาการหายไปของศพที่เกิดขึ้นเรื่อยๆ ในเมือง

แม้ว่าหนังเองอาจจะไม่ได้ดีงามมากนัก แต่ด้วยการพลิกบทบาทไปเรื่อยของ Daniel Radcliff ซึ่งในบทนี้น้องจากจะเป็นตัวละครที่ย้อนยุคแล้ว ก็ยังพกความบ้ามาเต็มที่จากการทำลองปลุกชีพศพ ซึ่งเขาเองก็เล่นเข้าคู่กับ James McAvoy ได้เป็นอย่างดี จนดูเหมือนจะมีบทเด่นและเป็นตัวเอกกว่าด้วยซ้ำ ทั้งปูมหลัง และในช่วงไคลแม็กซ์เองก็ตาม ซึ่งในหนังแฟรงเกนสไตน์ฉบับนี้ ถึงจะยังเรียกว่าประสบความสำเร็จแบบเต็มปากไม่ได้ แต่ในแง่มุมอดีตของตัวละครทั้งสองก็น่าสนใจ และดูมีที่มาถึงการที่พวกเขามาสู่จุดนี้กัน

4. Swiss Army Man (2016) – คู่เพี้ยนผจญภัย

แฮงค์ ชายติดเกาะผู้สิ้นหวัง และกำลังที่จะเลือกแขวนคอตายเพื่อจบชีวิตตัวเอง แต่ในขณะนั้นเขากลับพบกับ แมนนี่ ศพปริศนาที่ลอยมาตามน้ำ และพบว่าศพนี้มันมีความพิเศษหลายอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นการตดเพื่อลอยตัวขึ้นจากน้ำ หรือมีอวัยวะเพศที่เป็นเข็มทิศบางทิศทางได้ แถมยิ่งไปว่านั้น ศพที่ว่าก็ยังสื่อสารกับเขาได้ด้วย จนทำให้เขานั้น มีแรงใจที่จะมีชีวิตต่อไปอีกครั้ง ด้วยการใช้ แมนนี่ ในการออกจากเกาะนี้ พร้อมกับมิตรภาพที่ถือกำเนิดขึ้นมาของคนทั้งคู่

หากบทเรื่องก่อนๆ ที่ว่ามาของ Daniel Radcliffe ยังไม่บ้าพอ ก็คงต้องมาดูที่เรื่องนี้แหละ เพราะในเรื่องนี้เขาเล่นเป็นศพพิสดารที่ตามที่บอกไว้ในเรื่องย่อ เพื่อให้ Paul Dano ขี่เจ้าศพตดนี้เพื่อเอาชีวิตรอด ซึ่งถึงแม้ว่าหนังจะดูเหมือนเลอะเทอะ เละเทะออกทะเล แต่ในแง่ประเด็นของหนังกลับพูดถึงความสู้ชีวิต และอยากกลับมีชีวิตของตัวละคร และมิตรภาพแปลกๆ ที่เกิดขี้นของพวกเขา ผ่านการเล่าเรื่องที่ดูเป็นตลกร้าย และเสียดสีหลายอย่างในสังคม จนกลายเป็นหนังแปลกใหม่ เสมือนเป็น Cast Away เวอร์ชั่นดมกาวมา แต่รสชาติดีเลยทีเดียว

5. Imperium (2016) – สายลับขวางนรก

เนท ฟอสเตอร์ เจ้าหน้าที่ FBI มือใหม่ไฟแรง ที่ได้รับมอบหมายให้ไปปฏิบัติภารกิจในการแทรกซึมเข้าไปในแก๊งอารยันสกินเฮด โดยมี วินซ์ ชายหัวรุนแรงที่เป็นนีโอนาซี เป็นคนพาเขาเข้ามา เพื่อหวังว่าจะเข้าไปถึงตัวของ ดัลลัส ผู้มีอิทธิพลในการปลุกระดม และมีส่วนในการก่อการร้าย ผ่านทางรายการวิทยุ และหนังสือของเขา จนทำให้เนทต้องแทรกซึมเข้าไปเพื่อหยุดยั้งเหตุการณ์ร้ายแรงที่อาจจะเกิดขึ้น

โดยปกติแล้วเรามักจะเห็นหนังที่ถ่ายทอดเรื่องมุสลิมหัวรุนแรงและการก่อการร้าย แต่ในเรื่องกลับเปลี่ยนมาสะท้อนถึงมุมของคนผิวขาวหัวรุนแรง ที่มีความเชื่อว่าเชื้อชาติตัวเองดีที่สุดกันบ้าง ซึ่งเอาจริงๆ คนเหล่านี้ก็แทบไม่ต่างกันเลยไม่ว่าชาติไหน ซึ่งหนังจะพาเราไปสัมผัสกับกลุ่มหัวรุนแรง ทั้งในแง่การเป็นส่วนร่วมของแก๊ง แนวคิดและทัศนคติต่างๆ ที่โคตรน่ากลัว แล้ว Daniel เองก็เล่นเรื่องนี้ได้ดีมาก ตั้งแต่การพลิกบทอีกครั้ง ด้วยการโกนหัวเกลี้ยง แล้วต้องเล่นกับสภาวะ เสี่ยงที่จะโดนเปิดโปงโดนจับได้ ใครที่ชอบหนังแนวสายลับแฝงตัว ที่เต็มไปด้วยประเด็นการเหยียดเชื้อชาติแล้ว ไม่ควรพลาดเลย

6. Gun Akimbo (2019) – โทษ ที… มือ พี่ ไม่ ว่าง!

ไมล์ส นักพัฒนาเกมที่สนใจเว็บใต้ดินเจ้าหนึ่งที่มีชื่อว่า Skizm ซึ่งเป็นรายการที่จัดให้ผู้คนมาฆ่ากันเอง ด้วยอาวุธที่มีอยู่ จนกระทั่งวันหนึ่งเขาก็พลาดท่า ด้วยการตื่นขึ้นมากลายเป็นผู้เล่นเสียเอง แถมยังมีปืนคู่ตอกติดมือพร้อมกระสุน 50 นัด จนทำให้เขานั้นต้องพยายามเอาชีวิตรอดจากเกมนี้ได้ให้ โดยมี นิกซ์ สาวมือโปรที่อยู่ในเกมเข้ามาร่วมวงในการตามล่าเขาด้วย

อีกหนังกาวๆ ของการจับคนมายำฆ่ากันที่ดูแล้วก็ไม่ใช่พล็อต แต่การตอกมือเข้ากับปืนเอาไว้นี่สิที่เป็นความบ้าอย่างแท้จริง แถมยังเอาตัวเอกที่เป็น Loser มาใช้ในการเอาชีวิตรอดก็ดูเป็นมวยรองที่น่าเอาใจช่วย และสร้างมุกตลก (ปนเวทนา) ได้มากมาย จากการใช้ชีวิตที่ยากขึ้นมากของเขา มันเลยทำให้กลายเป็นหนังแอคชั่นบันเทิงที่โคตรกาว โคตรมันส์ โคตรฮา ได้อย่างเต็มที่ และ Daniel เองก็ดูรับบทนี้ได้สติแตกดีกว่าที่คิด จนสุดท้ายแล้วภาพรวมของหนังก็ออกมาแบบดูเอามันส์ไม่ต้องคิดมาก สาแก่ใจคนดูจริงๆ

7. Weird: The Al Yankovic Story (2022)

ผลงานเรื่องล่าสุดที่ในไทยอาจจะยังไม่ได้ดูกัน เพราะยังไม่เห็นวี่แววว่าเจ้าไหนจะเอามาฉาย แถมยังเป็นหนังชีวประวัติที่คนฝั่งเอเชียน่าจะไม่ค่อยรู้จักอย่าง Yankovic ที่เป็นทั้งศิลปินนักร้องเพลงล้อเลียนในช่วงยุค 80s ด้วย โดยหนังจะถ่ายทอดเบื้องหลังชีวิต และเส้นทางอาชีพนักดนตรี ในแบบที่คนดูไม่เคยเห็นมาก่อน โดย Daniel Radcliffe เองก็รับบท Yankovic ตัวเอกของเรื่อง จนหนังได้รับคำชื่นชมมากมาย จากการไปฉายในเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติโตรอนโต แถมยังมีนักวิจารณ์ชอบถึง 93% ใน RottenTomatoes ด้วย น่าจะเป็นหนังที่คะแนนสูงสุดของเขาแล้ว ที่ไทยก็ได้แต่ลุ้นว่าเข้ามาให้ได้ดูกันไหม