โดย Gemma Chan นั้นเกิดตั้งแต่วันที่ 29 พฤศจิกายน 1982 และโลดแล่นอยู่ในวงการหนังและซีรี่ส์ฝั่งอังกฤษมาก่อนเนื่องจากเธอนั้นเกิดและเติบโตมาในกรุงลอนดอนประเทศอังกฤษ ซึ่งก็มีผลงานซีรี่ส์ดังๆ มาก่อนหน้าเยอะมาก ส่วนหนังแม้จะเป็นหนังดัง แต่บทก็อาจจะยังไม่ค่อยเด่นเท่าไร แต่เชื่อว่าหลายๆ คนที่ได้ดูก็น่าจะเห็นออร่าของเธอกันอยู่ไม่มากก็น้อย เลยอยากจะมารวบรวมผลงานเด่นๆ ของเธอมาให้ได้ดูกันว่าจะมีเรื่องอะไรบ้าง? 

หากใครสนใจประวัติของสาว Gemma Chan เพิ่มเติมก็เชิญได้ที่ Scoop: “8 ดาราหน้าหทวยตี๋ ที่น่าจับตามองในวงการ Hollywood”Four (https://kodungmovie.com/blog/asianstar/ )

Exam – Chinese Girl

คนแปลกหน้า 8 คนที่มีความหลากหลายทั้งความคิดและทัศนคติ ต่างได้เข้ามาสมัครงานในบริษัทแห่งหนึ่ง พวกเขาถูกเรียกให้เข้ามาสอบสัมภาษณ์พร้อมกัน เมื่อผู้สมัครมาครบทุกคนแล้ว พวกเขาก็ได้พบว่าที่โต๊ะแต่ละคนมีเพียงกระดาษเปล่า 1 แผ่นที่ระบุหมายเลขประจำตัวของผู้เข้าสอบเท่านั้น ซึ่งผู้คุมสอบก็กล่าวกับพวกเขาว่าให้หาคำตอบมาให้ได้ก่อนที่จะออกจากห้องไป ทุกคนจึงมีเวลาแค่เพียง 80 นาทีเท่านั้น ที่จะต้องหาคำตอบให้ได้ว่าสุดท้ายแล้วคำตอบสุดท้ายที่บริษัทต้องการมันคืออะไรกันแน่?

อีกหนึ่งหนังอินดี้เล็กๆ แต่คุณภาพคับแก้ว ที่มักแนะนำให้กับคอหนังที่ชอบพล็อตแปลกๆ เจ๋งๆ มาโดยตลอด ด้วยความที่หนังใช้ตัวละครแค่ 8 คนกับพื้นที่ที่จำกัดกับในห้องเล็กๆ 1 ห้อง แต่กลับสร้างความอยากรู้อยากเห็นได้มาก พร้อมกับการดำเนินเรื่องที่ทำให้เหตุการณ์มันดูบานปลายไปเรื่อยๆ จากแค่เรื่องการสอบเล็กๆ ก็กลายเป็นปริศนาครั้งใหญ่ที่ดึงธาตุแท้ของแต่ละคนออกมาได้อย่างสนุก โดยเรื่อง Gemma Chan ตอนนั้นก็ดูเป็นแค่ดาราโนเนมที่ดูกลืนไปกับคนอื่นๆ ในเรื่อง จนหลายๆ คนก็อาจเผลอลืมไปแล้วว่าเธอก็มีหนังเล็กๆ แต่เฉียบมากเรื่องนี้ด้วย

Sherlock – Soo Lin Yao

ในกรุงลอนดอนยุคใหม่ John Watson อดีตทหารผ่านศึกที่ได้รับบาดเจ็บจากสงคราม จนมีผลกระทบต่อสภาพจิตใจอยู่มากเขาได้รับคำแนะนำจากเพื่อน สำหรับห้องเช่าขนาดใหญ่แต่มีเงื่อนไขว่าต้องอยู่กับรูมเมทอีกคน จนทำให้เขาได้พบกับนักสืบอัจฉริยะอย่าง Sherlock Holmes ที่มีทักษะในการอนุมานและช่างสังเกตสูงมาก จนสามารถช่วยวงการตำรวจไขคดีน้อยใหญ่ได้มากมาย แต่เขานั้นกลับไม่มีทักษะในการเข้าสังคมเอาเสียเลย จนทำให้ทั้งคู่นั้นต้องกลายมาเป็นคู่หูกันแบบไม่เต็มใจ เพื่อสืบสวนและไขคดีอีกมากมาย

นับเป็นอีก Sherlock Holmes เวอร์ชั่นที่ดีที่สุดเท่าที่เคยมีมา ด้วยการแสดงของ Benedict Cumberbatch ที่สวมวิญญาณนักสืบอัจฉริยะที่ขวางโลกได้เป็นอย่างดี แถมยังได้ Martin Freeman มาเป็น Dr. Watson ก็ทำให้เคมีของทั้งคู่เข้ากันได้เป็นอย่างดี ยิ่งพอนำมาปรับให้เข้ากับยุคใหม่ก็ทำออกมาได้ลงตัวจนเป็นอีกเวอร์ชั่นที่น่าจดจำมากๆ โดย Gemma Chan ก็มาปรากฏตัวในตอนหนึ่งที่มีชื่อว่า The Blind Banker ที่รับบทของ Soo Lin Yao สาวจีนจาก Guangdong ที่เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านวัตถุโบราณเกี่ยวกับการชงชา ที่ดันมีส่วนพัวพันกับคดีที่ Sherlock เข้ามาสืบ ที่แม้จะออกมาน้อย แต่ก็ต้องบอกว่าออกมาได้สวยหรูดูแพงดีจริงๆ

Jack Ryan: The Shadow Recruit – Amy Chang

แจ็ค ไรอัน นักวิเคราะห์ข้อมูลการเงินจากทาง CIA ที่ได้รับภารกิจกลายเป็นสายลับภาคสนามแบบจำเป็นในรัสเซีย ก่อนที่จะพบว่า วิคเตอร์ เชเรวิน มหาเศรษฐีที่มีแผนที่จะทำลายเศรษฐกิจอเมริกาให้พังพินาศ เขาจึงต้องพยายามทำทุกอย่างเพื่อหยุดยั้งแผนการนี้ โดยมี แคธี่ ศรีภรรยาที่ดันจับพลัดจับผลูโผล่มาเซอร์ไพร์สเขาที่มอสโคด้วย จากการที่ไม่รู้มาก่อนว่าคนรักของเธอนั้นเป็นสายลับ จนต้องตกอยู่ในอันตรายในแบบไม่ได้ตั้งใจ

การปรับโฉมใหม่ของ Jack Ryan ที่คนดูสามารถสนุกไปกับหนังได้เลยโดยที่ไม่ต้องติดตามเวอร์ชั่นเก่าๆ หรือรู้จักกับตัวละครนี้มาก่อน เพราะหนังมีความเป็นเอกเทศของตัวเองมาก และหวังที่จะปั่นแฟรนไชส์นี้ขึ้นมาใหม่ แต่สุดท้ายก็ดันเจ๊งจนไม่ได้ไปต่อ ถึงแม้รายได้หนังจะน้อยเพราะเสียความเข้มข้นโทนการเมืองไป แต่ในด้านความบันเทิงในแบบสายลับก็ยังถือว่าหนังตอบโจทย์ได้ดี และมีมุมที่แตกต่างออกไปจากสายลับนักบู๊คนอื่นๆ ไม่น้อย โดย Gemma Chan ในเรื่องนี้ก็รับบทของเจ้าหน้าที่ภาคสนามของหน่วย CIA ที่คอยช่วยเหลือ Ryan จากในรถปฏิบัติการใน Moscow และได้ออกไปรับตัวเอกสารที่เป็นตัวสำคัญของภารกิจ ซึ่งด้วยความที่บทเธอมีไม่มาก แถมหนังดันแป้กไปอีก ก็เลยทำให้เธออาจจะไม่ได้เป็นที่พูดถึงเท่าไรนักในเรื่องนี้

Fantastic Beasts and Where to Find Them – Madam Ya Zhou

ในช่วงปี 1926 Newt Scamander นักสัตว์วิเศษแห่งโลกเวทมนตร์จากฝั่งอังกฤษที่ได้รับมอบหมายได้เดินทางไปรอบโลกเพื่อค้นคว้าศึกษาถึงบรรดาสัตว์วิเศษต่างๆ โดยในภารกิจครั้งนี้เขาต้องเดินทางไปยังเมื่อง New York แต่ก็ได้กิดเรื่องวุ่นๆ ตามมา เมื่อสัตว์วิเศษบางตัวของเขานั้นได้หลุดมาสู่โลกภายนอก จนทำให้เขาต้องตามจัดการแต่ละตัวที่มีวิธีีรับมือที่ต่างกันกลับไปยังที่อยู่ของมัน ก่อนที่จะสร้างความวุ่นวายไปมากกว่านี้

จากตำราเรียนของนักเรียนปี 1 ที่ฮอกวอตส์ นำมาสู่เรื่องราวที่มาที่ไปก่อนที่จะเป็นหนังสือเล่มนี้ ที่รวบรวมบรรดาสัตว์มหัศจรรย์และถิ่นที่อยู่ของมันอย่างละเอียดจากการบันทึกของ Newt ที่ในเวอร์ชั่นหนังมีความตั้งใจและต่อยอดมาได้แล้วถึง 3 ภาค จนแฟนๆ ก็ต่างถูกอกถูกใจที่ได้กลับไปที่โลกเวทมนตร์อีกครั้ง โดย Gemma Chan นั้นรับบทของ Madam Ya Zhou ซึ่งเป็นแม่มดจากสมาพันธ์เวทมนตร์ ที่ได้เข้าร่วมประชุมถึงเรื่องของเวทมนตร์ที่เล็ดรอดออกไป ไปจนถึงการตายของวุฒิสมาชิกคนหนึ่ง ซึ่งก็เหมือนเดิมที่บทเธอในเรื่องก็น้อยมาก แต่ด้วยชุดและหมวกใบใหญ่ก็น่าจะพอให้เป็นที่จดจำได้อยู่บ้างแหละ

Transformers: The Last Knight – Quintessa

Optimus Prime หัวหน้าแห่งฝั่ง Autobots ที่พลาดท่าถูกราชินี Quintessa ล้างสมองให้กลับมาทำร้ายพรรคพวกตัวเองและมนุษย์ ในขณะเดียวกันที่ฝั่งโลกทางหน่วยงานรัฐก็หวังที่จะทำลายเหล่า Transformers ให้สิ้นซากโดยที่ไม่สนใจว่าพวกเขาจะอยู่ฝั่งไหน แต่เมื่อภัยร้ายได้มาสู่โลกอีกครั้ง ก็ทำให้ Cade Yeager ช่างซ่อมดวงซวยต้องมาจับมือกับเหล่า Autobots เพื่อกู้โลกอีกครั้ง และดูเหมือนกว่าปริศนาต่างๆ ครั้งนี้จะเชื่อมโยงไปถึงประวัติศาสตร์ของ King Arthur กันเลยด้วย

หนังอีกชุดที่หลายๆ คนต่างกล่าวขานว่ายิ่งทำออกมาก็ยิ่งแย่ และควรจะพอได้แล้ว แต่ส่วนตัวกลับรู้สึกสนุกไปกับภาคนี้มากๆ กับความบ้าที่เอาไปเชื่อมโยงกับตำนาน ประวัติศาสตร์ต่างๆ ได้อย่างเว่อร์วัง รวมถึงฉากต่อสู้ ฉากแอคชั่นต่างๆ ก็ยังทำออกมาได้สนุกอยู่ แม้ว่ามันจะมีหลายๆ อย่างไม่สมเหตุสมผลก็ตาม แต่คนที่น่าสงสารในหนังที่สุดก็เห็นจะเป็น Gemma Chan นี่แหละ ที่แม้ว่าเธอจะได้รับบทเป็นระดับราชินี Quintessa ที่เหมือนเป็น Boss ใหญ่ แต่หนังก็ดันมีทั้งร่างคน และร่างจักรกลไปอีก เธอเลยออกมาได้น้อยมากในฐานะที่เป็นร่างมนุษย์จำแลงของ Quintessa เท่านั้น ส่วนเหลือก็คือ CG ล้วนๆ 

Humans – Anita

ในโลกอนาคตอันใกล้ Joe Hawkins พ่อบ้านรายนึง ได้ซื้อ Synth หุ่นยนต์ที่ลักษณะเหมือนกับมนุษย์มาใช้ภายในบ้าน และตั้งชื่อให้มันว่า Anita  เพราะหวังว่ามันน่าจะช่วยเหลืองานภายในบ้านให้กับ Laura ภรรยาของเขาได้มากขึ้น แต่แล้วเมื่อเวลาผ่านไป Laura กลับรู้สึกว่า Anita นั้นมีความรู้สึกนึกคิดมากกว่าที่จะเป็นแค่หุ่นยนต์ แต่กลับมีความรู้สึก และจิตใจใต้สำนึกที่ทำอะไรบางอย่างได้เหมือนกับมนุษย์ และยิ่งเมื่อ Mattie ลูกสาวของบ้านได้พยายามจะดูข้อมูลเพิ่มจากระบบ ก็ได้พบกับปริศนาว่า Anita คือใครกันแน่?

อีกหนึ่งซีรี่ส์ดราม่า-ไซไฟชั้นดีของค่าย AMC ที่ไม่ได้เป็นกระแสในไทยนักเนื่องจากไม่มี Streaming ลิขสิทธิเจ้าไหนเอามาฉาย ทั้งๆ ที่เนื้อหาของเรื่องคือดี สนุก รวมถึงประเด็นการตั้งคำถามความเป็นมนุษย์ก็นับว่าเป็นอะไรที่ชวนติดตามมากๆ ในส่วนของซีรี่ส์เรื่องนี้ Gemma Chan ก็เรียกได้ว่ารับบทเด่นเลย เพราะเล่นเป็น Anita เจ้าหุ่นยนต์ตัวปัญหาที่ว่า ที่ดันมีความรู้สึกนึกคิดขึ้นมา และเธอก็ทำมันได้ดีจนได้เข้าชิงดารานำหญิงยอดเยี่ยมจาก Broadcasting Press Guild Award แต่ก็น่าเสียดายที่กระแสซีรี่ส์มันอาจจะไม่ได้โด่งดังสักเท่าไร เธอเองก็เลยยังไม่ได้เป็นที่รู้จักนัก แม้ว่าจะได้รับบทนำแบบเด่นๆ เลยก็ตาม นับเป็นของดีที่อยากให้ลองหามาดูกันจริงๆ

Crazy Rich Asians – Astrid Young Teo

ราเชล ชู สาวเอเชียที่เติบโตมาในเมืองใหญ่ใน New York จนมีความเป็น American แบบเต็มตัว เธอได้คบกับแฟนอย่าง นิค โดยที่ไม่รู้ว่าตระกูลเขานั้นอยู่ในระดับรวยล้นฟ้าที่บ้านเกิด จนกระทั่งวันหนึ่งเธอได้ไปงานแต่งของเพื่อนสนิทของแฟนเธอที่สิงคโปร์ ก็ทำให้เธอรู้ถึงฐานะที่แท้จริงเขาในทันที ซึ่งการกลับไปในครั้งนี้ ไม่เพียงแต่ทำให้เธอตกเป้าสายตาในฐานะสะใภ้ของบ้าน ที่เลวร้ายไปกว่านั้นก็คือแม่ของนิคดันรู้สึกไม่ถูกชะตากับสาวหัวใหม่อย่างเธอซะเหลือเกิน

เรียกได้ว่านี่แหละคือหนังที่แจ้งเกิดให้ Gemma Chan ได้อย่างจริง ในบทของ Astrid ญาติสาวสวยของ Nick Young ที่เอ็นดูแฟนสาวของเขาอย่าง Rachel Chu เป็นอย่างดี ในขณะที่ชีวิตตัวเองกลับประสบปัญหากับแฟนหนุ่ม ที่รับไม่ได้กับสถานะที่เป็นรองกว่าภายในบ้านของเขา จนทำให้ต้องไปมีชู้เพื่อชดเชยความด้อยของตัวเอง ซึ่ง Gemma Chan ในเรื่องนี้ก็เรียกได้ว่าฉายแววได้อย่างเต็มที่ กับบทบาทที่ต้องใช้พลังการแสดงทางอารมณ์ค่อนข้างมาก กับความซับซ้อนที่เกิดขึ้นในชีวิต จนรู้สึกว่าชีวิตเธอในเรื่องยังดูน่าสนใจกว่าตัวเอกเสียอีก เลยไม่แปลกใจว่าเธอนั้นเดินสายเข้าชิงจากบท Astrid จากหลายสำนัก แม้ว่าจะไม่ได้เป็นชิ้นเป็นอันติดมือกลับมา แต่การได้เฉิดฉายในหนังเรื่องนี้ ก็ทำให้เธอกลายเป็นที่จับตามองในวงการเป็นอย่างมากในภาพลักษณ์ของสาวเอเชียที่สวยแพงแบบสุดๆ

Captain Marvel – Minn-erva

Carol Denver นักบินสาวของกองทัพสหรัฐที่ได้รับพลังของเผ่า Kree เข้ามาในตัวจากอุบัติเหตุ จนกลายเป็นหนึ่งในฮีโร่ที่ทรงพลังที่สุดในจักรวาล แต่ก็แลกมาด้วยความทรงจำที่เสียไปด้วย หลังจากนั้นเธอก็พบว่าโลกตกอยู่ภายใต้สงครามของเผ่า Kree และ Skrull เธอจึงต้องค่อยๆ เก็บเกี่ยวเศษเสี้ยวของความทรงจำ ในขณะที่ก็ต้องปกป้องโลกที่อาจะได้รับผลกระทบจากสงครามระหว่าง 2 เผ่าพันธุ์ไปด้วย 

หนังฮีโร่ที่เป็นรอยต่อ และเป็นเสมือนความคาดหวังของคนดูหลังจากได้รับชม Avengers: Infinity Wars จนจบแบบค้างเติ่ง ว่าเหล่าฮีโร่จะกอบกู้สถานการณ์ที่เลวร้ายสุดขั้วแบบนี้ได้อย่างไร ก่อนที่จะพาคนดูไปรู้จักกับ Captain Marvel ฮีโร่สุดทรงพลังที่น่าจะเป็นความหวังในสถานการณ์นี้ โดย Gemma Chan นั้นก็ได้มาร่วมกับโปรเจคของ Marvel เป็นเรื่องแรกในบทของ Minn-Erva ที่แม้ว่าจะได้มีโอกาสต่อสู้ดุเดือด (มั้ง!?) จนได้รางวัลฉากต่อสู้ยอดเยี่ยมจาก MTV ร่วมกับ Brie Larson มาครอง แต่สุดท้ายแล้วในภาพรวมหนังก็ยังใช้เธอได้ไม่คุ้มค่าอยู่ดีเมื่อเทียบกับความสามารถที่เธอนั้นมี จนกระทั่งกุมบังเหียนจักรวาล MCU อย่าง Kevin Feige ก็ยังหาโอกาสเพื่อให้เธอกลับมาเข้าจักรวาลนี้อีกครั้ง เพื่อชดเชยกับความสามารถที่น่าเสียดายของเธอ จนทำให้เธอได้มารับบท Sersi ใน Eternals ซึ่งนับว่าเป็นตัวละครเด่นในจักรวาลนี้อีกครั้ง

Raya and the last dragon

Raya ลูกสาวของ Chief Benja ที่เป็นหัวหน้าเผ่า Heart และคอยเฝ้าดูแลอัญมณีมังกร เพื่อปกป้องโลกจากสิ่งมีชีวิตที่จะทำให้ผู้คนกลายเป็นหิน แต่แล้ววันหนึ่งในวันที่มีการประชุมของทุกเผ่า Namari ลูกสาวของเผ่า Fang ก็ได้วางแผนที่จะมาขโมยอัญมณีออกไป จนทำให้โลกต้องเผชิญกับสภาวะล่มสลายอีกครั้ง เมื่อเวลาผ่านไป Raya จึงต้องออกตาม Sisu มังกรตัวสุดท้าย เพื่อร่วมมือกันทำภารกิจให้ทุกอย่างกลับมาเป็นเหมือนเดิม

 Animation จาก Disney อีกเรื่องที่ปรับเข้ากับยุคสมัยสุดๆ เพราะนอกจากจะเน้นเรื่องความหลากหลายทางเชื้อชาติที่มาจากฝั่งเอเชีย ยังสร้างภาพลักษณ์เจ้าหญิงรุ่นใหม่ขาลุย ที่ทำให้เราไม่แน่ใจรสนิยมทางเพศของเธอด้วยซ้ำ เพราะในเรื่องแต่ละตัวละครสามารถพึ่งพาตัวเองได้โดยที่ไม่ต้องพึ่งผู้ชายเลย มันเลยเป็นงานรวมนักแสดงฝั่งเอเชียชื่อดังมากมายที่มาร่วมพากษ์เสียงกัน โดยหนึ่งในนั้นก็คือ Gemma Chan ที่พากษ์เสียงให้กับตัวละคร Namaari ที่นับว่าเป็นคู่ปรับคนสำคัญของ Raya ซึ่งเรื่องนี้แม้เราจะไม่ได้เห็นหน้าสวยๆ ของ Gemma Chan ก็เรียกได้ว่าฟังเสียงเธอไปก่อนละกัน