7 หนังแอ็คชั่นพลังหญิงที่คุณไม่ควรพลาด

หลังจากรอคอยกันมานานเกือบ 2 ปีในที่สุด Black Widow หนังแอ็คฮีโร่กลิ่นอายสายลับ ที่จะเป็นการเปิดเฟส 4 ของมาร์เวล จะได้ลงโรงฉายในบ้านเรา รวมถึงพร้อมที่จะรับชมผ่านสตรีมมิ่ง DIsney+ เสียทีหลังรอคอยกันมานาน จะว่าไปแล้วนอกจากเรื่องราวฮีโร่หญิงแกร่งนาตาชา โรมานอฟ เราเลยจัดลิสต์หนังแอ็คชั่นพลังหญิงมาเสิร์ฟเพื่อนๆมากมาย

เพื่อต้อนรับการมาของ Black Widow หนังบล็อคบัสเตอร์แนวฮีโร่ที่ประเดิมเฟส 4 ของมาร์เวล เราจึงขอหยิบยก 7 หนังแอ็คชั่นพลังหญิงที่คุณไม่ควรพลาด ส่วนจะมีเรื่องไหนอยู่ในชาร์ตนี้บ้าง ไปสำรวจพร้อมๆกับเราได้เลย

1.Black Widow (2021)

หลังจากที่ไปปรากฏตัวอยู่ในหนัง MCU อยู่นานในที่สุด นาตาชา โรมานอฟ ก็ได้โอกาสมีหนังเดี่ยวเต็มตัวเป็นเรื่องแรกของเธอสักที หนังจะว่าด้วยเรื่องราวเหตุการณ์ใน Captain America: Civil War เมื่อเธอเลือกตัดสินใจเลือกที่จะช่วยเหลือกัปตันอเมริกาในตอนท้าย ทำให้เธอต้องหลบหนีกลายเป็นอาชญากรผู้ละเมิดสนธิสัญญาโซโคเวีย โดยคนที่เป็นหัวหอกของการตามล่านี้ก็ไม่ใช่ใครอื่น แต่เป็นนายพลรอสส์ คนเดิมกับที่เสนอให้มีสนธิสัญญาให้เหล่าอเวนเจอร์สอยู่ภายใต้การควบคุม นี่จึงเป็นเหตุผลที่ทำให้เราได้เห็นฉากการหลบหนีของนาตาชา ที่เธอไม่สามารถอาศัยอยู่ในสหรัฐอเมริกาได้อีกต่อไป เธออาจจะหนีจากรัฐบาลสหรัฐฯ ไปได้ แต่ดูเหมือนเธอจะไม่สามารถหนีจากอดีตได้ นาตาชาถูกลอบโจมตี ซึ่งคนที่ดักโจมตีเธอนั้นคือ วายร้ายปริศนา ที่ใช้ชื่อว่า ทาส์กมาสเตอร์ นั้นเองที่เป็นวายร้ายที่ช่ำชองในการลอกเลียนแบบท่าทางคู่ต่อสู้

ฮีโร่หญิงแกร่งจาก Avenger รุ่นแรกที่ไม่ได้มีพลังพิเศษเหมือนคนอื่นๆในทีม แต่มีไหวพริบสกิลการต่อสู้ที่ดีเหนือกว่าคนปกติทั่วไป เธอคือสายลับที่ถูกฝึกในโครงการลับของรัสเซีย และแทรกซึมจนได้เข้ามาทำงานในอเมริกา เนื้อหาจะบอกเล่าเรื่องราวที่มาที่ไปของนาตาชา โรมานอฟว่าเหตุใดเธอถึงเข้ามาอยู่ในโครงการสร้างสายลับ Black Widow อดีตอันมืดมนที่เธอต้องเผชิญหน้า ศัตรูคนใหม่ที่ร้ายกาจกว่าที่เคยพบเจอมา หนังไม่ได้มีกลิ่นอายเป็นหนังฮีโร่ แต่ทิศทางของเรื่องเป็นเสมือนหนังสายลับหญิงแกร่งที่ต้องดิ้นรนหนีให้รอดการจากตามล่า จากอดีตองค์กรเก่าและทางการ พร้อมกับฉากแอ็คชั่นที่ชูศักยภาพที่แท้จริงของ สกาเล็ต โจแฮนสัน ออกมาจนหมดเปลือก

2.Red Sparrow (2018)

โดมินิก้า อีโกโรว่า นักเต้นบัลเลต์สาวสวยชาวรัสเซียที่มีแม่กำลังป่วย แต่เคราะห์ซ้ำกรรมซัดเธอดันประสบอุบัติเหตุระหว่างการแสดงจนขาหักและไม่สามารถทำการแสดงได้อีกต่อไป ชีวิตของเธอกำลังจะตกอับ และนั้นเป็นช่องทางให้อีโกรอฟ เจ้าหน้าที่ความมั่นคงของรัสเซีย ผู้เป็นอาแท้ๆของเธอได้ออกอุบายชักชวนให้เธอเข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งของ“สแปร์โรว์”สายลับนักล่อลวงประจำกองกำลังรักษาความปลอดภัยรัสเซียโดมินิก้าต้องเรียนรู้ถึงอุดมการณ์อันยิ่งใหญ่ การจงรักภักดีต่อประเทศ การเสียสละทุกอย่างแม้กระทั่งร่างกายของตัวเองเพื่อใช้เรือนร่างของเธอและเซ็กส์เป็นอาวุธ การฝึกฝนที่ลดทอนความเป็นมนุษย์ แต่เธอยังคงดิ้นรนเพื่อรักษาความเป็นตัวเองไว้ท่ามกลางระบบอันไม่เป็นธรรมของหน่วยงาน โดมินิก้า ได้รับภารกิจครั้งใหญ่เพื่อตามหาหนอนบ่อนไส้ในกระทรวงความมั่นคงของรัสเซียและได้หลงเข้าสู่วังวนแห่งความหลงใหลตกหลุมรักกับเจ้าหน้าที่ซีไอเอ หลังจากนั้นเรื่องราวความสนุกและความมันส์ในการวางแผนซ้อนแผนพลิกไปพลิกมาก็ได้เริ่มขึ้น

ตัวหนังไม่ได้เน้นไปที่ฉากแอ็คชั่นดำเนินเรื่อง แต่เลือกจะปรับเปลี่ยนวิธีการนำเสนอเป็นกลุยุทธ์แนวจิตวิทยาหลอกล่อพลิกไปพลิกมา แบบแผนซ้อนแผนแล้วซ้อนแผนอีกที ตัวเอก โดมินิกา ก็สับขาหลอกคนดูว่าจริงๆแล้วเธอรับใช้ฝ่ายไหนกันแน่รัสเซีย หรือผูกมิตรกับซีไอเอ หนังเลือกใช้ความเป็นหญิงนกต่อมาเป็นเหยื่อล่อเพื่อสืบข้อความฝ่ายตรงข้าม ฉากวาบหวิวของนางเอก เจนนิเฟอร์ ลอว์เรนซ์ มีอยู่เพียบ หนังเรื่องประเด็นทรมานที่ออกแนวซาดิสม์พอสมควร สื่อสารให้เห็นว่ามารยาหญิงร้ายกาจเพียงใดเราไม่สามารถไว้ใจเชื่อใจอะไรไม่ได้เลย

3.Anna (2019)

แอนนา โปเลียโทว่า สาวสวยชาวรัสเซียที่เข้าร่วมโปรแกรมนักฆ่าของรัสเซีย จากผู้หญิงที่อยู่กับกุ๊ยธรรมดา เมื่อถูกคัดเลือกมาเข้าโครงการ เธอถูกสั่งสอนให้รู้จักถึงความโหดร้ายในการสังหารคน ที่ต้องทำงานแข่งขันกับเวลา เมื่อถึงเวลาองค์กรของเธอจึงแทรกซึมพาเธอเข้าสู่การเป็นนางแบบแถวหน้าและเป็นแฟชั่นไอคอนระดับโลกอยู่ที่ปารีส เพื่อให้เธอใช้ความเป็นนางแบบ เดินหน้าฆ่าคนตามใบสั่งของรัสเซีย การทำงานชิ้นนี้ต้องแลกมากับการถูกทางการติดตามดักฟังจากทั้งฝั่งตัวเองและอเมริกัน เพราะเธอคือนักฆ่าที่อันตรายเพราะหากทำงานพลาดอันตรายที่จะมาเล่นงานเธออาจะหมายถึงชีวิต

จริงๆแล้ว Anna มีความคล้ายกับ Red Sparrow ตรงที่ตัวละครเป็นผู้หญิงมาจากรัสเซียเหมือนกัน จ็อบหน้าที่ก็คล้ายๆกัน แต่ความต่างคือ Anna เป็นนักฆ่า ส่วนอีกคนคือนกต่อล้วงความลับ บทหนังทำออกมาได้สนุก มีการย้อนที่มาที่ไปของตัวละครนี้เพื่อบอกว่าทำไมเธอถึงเป็นนักฆ่า และชีวิตก็พบเหตุการณ์ซับซ้อน และตัวละครนี้สู้เพื่อให้ตัวเองมีชีวิตรอดมีอิสระภาพที่ดีกว่าเดิม และนางเอก ซาช่า ลุสส์ ก็สวยมีเสน่ห์มากเพราะจริงแล้วเธอก็เป็นนางแบบอาชีพที่ถูกผู้กำกับ ลุค แบซอง ชักชวนมาเล่นหนัง การแสดงของเธอโดดเด่นมาก

4.Atomic Blonde (2017)

เรื่องของสายลับ MI6 สาวผมบลอนด์ ลอร์เรน บรอดตัน ที่ได้รับภารกิจแฝงตัวเข้าไปในเยอรมัน ช่วงก่อนหน้ากำแพงเบอร์ลินจะแตกไม่นาน การออกมาจากอังกฤษเพื่อมาปฏิบัติการในเยอรมันก็เพื่อตามหา สปายกลาส ที่ครอบครอง เดอะลิสต์ หรือไฟล์รวมรายชื่อสายลับทั้งหมดที่ทำภารกิจอยู่ โดยจะได้ เดวิด เพอร์ซิวัล สายลับที่ทำธุรกิจมืดในเยอรมันคอยช่วยเหลือ โดยอีกฝั่งที่ตามล่ารายชื่อนี้เช่นกันก็คือกลุ่มเคจีบีของ บรีโมวิช ที่มีอิทธิพลกว้างขวาง ยังรวมไปถึงหน่วยงานอื่นที่เข้ามาพัวพันอีรุงตุงนังทั้งสายลับฝรั่งเศสอย่าง เดลฟีนและซีไอเอฝั่งอเมริกันอย่าง เคิร์ตเฟลด์ การทำงานของเธอต้องเจอเหตุการณ์ไม่คาดคิดมากมายและไม่สามารถไว้ใจใครได้เลยนอกจากสัญชาตญาณตัวเอง

หนังเรื่องนี้ได้รับอิทธิพลมาจาก จอห์น วิค พอสมควรแค่เปลี่ยนคาแรกเตอร์จากผู้ชายมาเป็นผู้หญิง แล้วปรับตัวละครนำให้เป็นสายลับที่ใช้ความเป็นผู้หญิงไปสืบหาข้อมูล หนังไม่ได้ดำเนินเรื่องด้วยฉากแอ็คชั่นที่เมามันส์เพียงอย่างเดียว แต่หนังมีความซับซ้อนพล็อตเรื่องที่แยบยลมาหลอกหลวงสับขาหลอกผู้ชม แถมงานภาพของหนังก็มีสีสันฉูดฉาดงดงามดูแล้วเพลินตา ซาวด์ประกอบที่ปรุงแต่งได้อร่อยเหาะ คอสตูมย้อนยุคใกล้เคียงกับในช่วงปี 1989 แถม ชาร์ลิซ เธอรอน ก็สวยสง่างามตีบทแตกจนชายหนุ่มแบบเราๆไม่กล้ากระพริบตาเลยแม้แต่ฉากเดียว

5.Salt (2010)

เจ้าหน้าที่ CIA เอเวอลิน ซอลต์ ได้ให้คำสาบานที่จะจงรักภักดีต่อหน้าที่ เกียรติและประเทศชาติ แต่ความจงรักภักดีของเธอกำลังจะถูกทดสอบเมื่อมีผู้ทรยศใส่ร้ายว่าเธอเป็นสายลับของรัสเซีย ซอลต์จึงต้องหลบหนี ด้วยการใช้ทักษะและประสบการณ์ทั้งหมดเท่าที่มีในฐานะเจ้าหน้าที่สอดแนมเพื่อหลบหนีการจับกุม หากแต่ความพยายามที่จะพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของเธอยิ่งทำให้มีคนสงสัยในแรงจูงใจของเธอมากขึ้น ขณะที่การตามล่าหาความจริงเบื้องหลังตัวตนของเธอยังคงเดินหน้า คำถามที่ยังคงอยู่ก็คือ ซอลต์คือใคร

ความสนุกของซอลต์ ไม่ใช่แค่การไล่ล่า ระหว่างเจ้าหน้าที่ซีไอเอ กับ ซอลท์ ไม่ว่าจะเป็นการวิ่งหนีของซอลท์ จากรถยนต์เจ้าหน้าที่ ที่คนดูก็ลุ้นกันสุดตัวเหมือนกันว่าอยากให้เธอรอดพ้น นับเป็นความตั้งใจของผู้กำกับที่ยังไม่เปิดเผยให้คนดูรู้ว่าแท้จริงแล้ว ซอลท์ เป็นสายลับ ที่แฝงตัวมา หรือว่าเป็นสายลับที่กลับใจแล้วกันแน่ ซึ่งเป็นส่วนที่ทำให้คนดูอยากติดตามว่าจะเกิดอะไร เหตุการณ์เป็นแบบไหน และ ซอลท์ จะจัดการอย่างไรกับสถานการณ์จวนตัวแบบนี้ แถมตัวละครยังค่อยๆอธิบายเหตุผลว่าทำไมการเป็นสายลับที่ดี ควรต้องสนใจแค่เรื่องงายเท่านั้น เมื่อไหร่เมื่อความรัก งานที่ทำอยู่อาจมีปัญหาและเกิดเป็นหายนะแต่ตัวเองและคนที่เรารักไปด้วย นี่คือหนังที่เราได้เห็น แองเจลิน่า โจลี่ ในลุคที่สุขุมนิ่งเยือกเย็นมากกว่าจะโชว์เซ็กซี่

6.Hanna (2011)

เรื่องราวของสาวน้อย แฮนน่า เด็กอายุวัยเพียง 14 ที่ถูกเลี้ยงมาโดยพ่อสุดโหดอย่าง อีริค ที่เขานั้นทำทุกอย่างเพื่อให้ แฮนน่า เรียนรู้วิธีการอยู่รอด โดยไม่ให้ออกไปเผชิญกับโลกภายนอกหลังจากเคยมีอดีตอันโหดร้าย แต่แล้ววันดีคืนดี แฮนน่า กลับอยากไปเผชิญวิธีการเอาตัวรอดของจริง โลกความจริงที่เธอไม่เคยเห็น เธอจึงเลือกที่จะ ทำการเรียก CIA ระดับเทพอย่าง มาลิสซ่า เพื่อมาตามจับไล่ล่าเธอ เพื่อจะได้โชว์ให้พ่อของเธอเห็นว่า เธอนั้นพร้อมแล้วสำหรับการอยู่ในโลกภายนอก ซึ่งเมื่อเธอยิ่งหนีจากการตามจับของ CIA สาวแกร่งคนนี้มากเท่าไหร่ ความจริงที่เธอไม่เคยรู้มาก่อนก็ยิ่งเปิดเผยขึ้นเรื่อยๆ

นี่คือหนังที่เราได้เห็นฝีมือการกำกับของ โจ ไรท์ ผู้กำกับหนังสายโรแมนติกดราม่าที่เขาปรับเปลี่ยนแนวทางมาทำหนังแอ็คชั่นทริลเลอร์แนวไล่ล่าดูบ้าง พร้อมกับได้สาวน้อยในเวลานั้นอย่าง เซียร์ชา โรแนน มารับบทนำจุดเด่นจริงๆของหนัง ไม่ได้อยู่ในฉากแอ็คชั่น เพียงแต่มันเป็นดนตรีประกอบ ของหนังที่ Compose โดย The Chemical Brothers ที่สามารถจับเอาทำนองแนว Electronic มาใส่เข้ากับในหนังได้อย่างพอเหมาะพอเจาะ ทำให้หนังนั้นยกระดับได้ดีพอสมควร หนังได้ไม่มีความซับซ้อน แต่เข้าใจง่าย มีความลึกซึ่งในเนื้อหา ใครอยากดูตอนนี้ชมได้ทาง Netflix

7.Kill Bill (2003)

หลังจากที่ The Bride ได้ตั้งท้องกับ บิล หัวหน้าแก๊งสุดชั่วและเป็นคนรักของเธอนั้น เธอก็ได้ตัดสินใจแยกตัวออกมาใช้ชีวิตแบบคนธรรมดา โดยลืมคิดถึงผลที่ตามมา จนทำให้เมื่อเธอเข้าพิธีแต่งงานกับชายคนหนึ่งเพื่อหวังเริ่มต้นชีวิตใหม่ บิลกับบรรดาลูกน้องของเขา ก็ได้บุกมาถึงที่และทำการฆ่าสามีของเธอ จากนั้นยิงปืนไปที่หัวของเธอ แม้ว่าเธอจะบอกว่าท้องลูกของเขาอยู่ก็ตาม หลังจากเหตุการณ์นี่เธอตกอยู่ในสภาพปางตายและนอนโคม่าอยู่กว่า 4 ปี เมื่อฟื้นขึ้นมาสิ่งที่เธอต้องทำก็คือการฆ่าบิลที่มันทำให้เธอต้องอยู่ในสภาพนี้

สำหรับ Kill Bill นั้น แน่นอนว่าคอหนังเควนตินย่อมต้องเคยดูกันมาแบบไม่มีพลาดอยู่แล้ว ทำให้เราจึงอยากแนะนำให้คนที่ไม่ใช่คอหนังเควนติน แต่ชอบอะไรมันส์ๆ แทนดีกว่า โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับคนที่ชอบหนังสไตล์ฟิ้นมาทวงความแค้น และอัดโหดให้สาสมกับที่เคยโดนทำเอาไว้ เรื่องนี้จะมอบความสะใจได้เต็มที่ให้กับคุณได้เป็นอย่างดี การแสดงของอูม่า เธอร์แมน พร้อมลุคที่ดูไม่มีผิดมีภัย แต่ฝงไปด้วยความร้ายกาจเป็นอะไรที่โดดเด่นมาก ดังนั้นถ้าชอบหนังสไตล์  John Wick อะไรแบบนี้ก็ยังนับว่ามีโทนใกล้เคียงกันอยู่ ถึงสไตล์จะต่างกันก็ตาม แต่ความเดือดระอุก็นับว่าจัดหนักได้พอๆ กันเลย