DinosaurMovie_00

รวม 6 หนังมีไดโนเสาร์ที่สนุกได้ ไม่แพ้หนังชุด Jurassic Park

Jurassic Park น่าจะเป็นอีกหนังในวัยเด็กของใครหลายๆ คนที่อายุ 30 อัพกันไปแล้ว ด้วยความตื่นตาตื่นใจ กับการที่ได้เห็นเหล่าไดโนเสาร์กลับมามีชีวิตอีกครั้ง ด้วยงานสร้างระดับเหมือนจริงของ พ่อมดแห่งวงการฮอลลีวู้ด อย่าง Steven Spielberg ก็ได้ทำให้การเผชิญหน้ากับไดโนเสาร์ในวันนั้นกลายมาเป็นภาพจำ ทั้งฝันดีของการเห็นไดโนเสาร์ครั้งแรก และฝันร้ายเมื่อเห็นมันเริ่มเขมือบผู้คน มันเลยเป็นความสนุกในยุคนั้นมากจริงๆ

แต่น่าจะเป็นด้วยข้อจำกัดหลายๆ อย่าง ทั้งจากทุนสร้าง บทที่เหมาะสม จนทำให้หนังเรื่องอื่นๆ ที่จะเอาไดไนเสาร์มาใช้นั้น จึงดูมีน้อยเหลือเกิน เมื่อเทียบกับหนังแนวอื่นๆ เพราะแค่หนังชุด Jurassic Park ก็ได้ยึดครองเวลาเกือบ 30 ปี 6 ภาค ในขณะที่ระหว่างนี้มีหนังที่ไดโนเสาร์ที่น่าสนใจแค่ไม่กี่เรื่องเท่านั้น วันนี้จึงอยากเอาหนังที่มีไดโนเสาร์มาแนะนำกัน เผื่อใครจะไปตามเก็บต่อจาก Jurassic Park

King Kong (2005)

ในปี 1933 ยุคที่เศรษฐกิจตกต่ำ ผู้คนตกงานนั้น แอนน์ ดาร์โรว์ ดาราสาวสวยที่ไม่ดังนัก ก็พยายามดิ้นรนเพื่อเอาชีวิตรอดจนได้พบกับ คาร์ล ผู้กำกับภาพยนตร์ตกอับ ที่มีแผนจะหาทีมงานและนักแสดงเพื่อไปถ่ายทำหนังผจญภัยสุดยิ่งใหญ่กัน ในสถานที่ที่มีชื่อว่า เกาะกะโหลก โดยที่ไม่รู้เลยว่าพวกเขานั้นจะต้องเผชิญกับสัตว์พิสดารต่างๆ รวมถึงยักษ์ใหญ่ที่เป็นเจ้าของเกาะแห่งนี้ด้วย

การเอา King Kong ฉบับคลาสสิคมาตีความและทำใหม่อีกครั้ง ผ่านฝีมือของผู้กำกับมือดีอย่าง Peter Jackson ที่มีเทคโนโลยีการสร้าง CG ต่างๆ ในมือครบถ้วน จนสามารถเติมเต็มฉากยิ่งใหญ่อลังการในแบบที่ต้นฉบับยุคนั้นก็ทำไม่ได้ มันเลยเป็นงานผจญภัยสุดอลังการ ที่แม้ว่าจะไม่ได้มีอะไรใหม่ แต่ความสะใจของฉากแอคชั่นต่างๆ ก็ทำมาได้อย่างสนุก และชวนซึ้งอยู่ดี โดยหนังก็มีไดโนเสาร์สภาพคล้าย T-Rex อยู่บนเกาะกะโหลกด้วย และฉากการซัดกันเพื่อเป็นเจ้าของเกาะนี้ ก็ทำออกมาได้สนุกตื่นตาไม่น้อยเลยล่ะ

The Good Dinosaur (2015)

เมื่อ 65 ล้านปีก่อน ที่ไดโนเสาร์กลับยังมีชีวิตอยู่ไม่ได้สูญพันธุ์นั้น อัลโล หนึ่งในสมาชิกของไดโนเสาร์พันธุ์ อะแพโทซอรัส ที่ดันพลัดพรากจากครอบครัว และได้มาพบกับ สปอท มนุษย์วัยเด็ก ที่จนทำให้ทั้งคู่จับพลัดจับผลู มาเป็นคู่หูในการพาอัลโลกลับไปหาครอบครัวอีกครั้ง ท่ามกลางโลกยุคไดโนเสาร์ อีกหลายพันธุ์

แอนิเมชั่นแบบเพลเซฟอีกเรื่องของทาง Disney ที่เล่นพล็อตของ 2 สายพันธุ์ที่ก่อให้เกิดมิตรภาพในการทำภารกิจบางอย่าง ซึ่งถึงจะไม่มีอะไรใหม่เท่าไรนัก แต่การดำเนินเรื่อง และการขยี้ในช่วงท้าย ก็เล่นเอาน้ำตาร่วงได้ไม่ยากเหมือนกัน ทำให้หนังมันชดเชยความซ้ำ ด้วยความจริงใจ เล่าแบบซื่อๆ สอดแทรกกับความน่ารักของตัวละครจนทำให้มันเป็นอีกหนังที่ Underated อยู่ไม่น้อยเมื่อเทียบกับรายได้ที่ออกมาของหนัง

Dinosaur (2000)

อลาดาร์ ไดโนเสาร์พันธุ์อิกัวโนดอน ที่พลัดพรากจากครอบครัวตัวเองตั้งแต่เกิด แต่เธอก็ได้รับการเลี้ยงดูจากเหล่าลีเมอร์ (สัตว์คล้ายลิง) บนเกาะแห่งนั้น ในวันหนึ่งเกิดฝนอุกาบาตขนาดใหญ่ จนทำให้ อลาดาร์และครอบครัวใหม่ของเธอต้องทำงการอพยพกันไปเป็นกลุ่มใหญ่เพื่อหนีจากภัยพิบัติที่เกิดขึ้น ท่ามกลางไดโนเสาร์อีกนานาพันธุ์ที่พร้อมเป็นศัตรูกับพวกเธอได้เสมอ

ในยุคที่ CG กำลังเริ่มเฟื่องฟู การทำหนังอนิเมชั่นแบบเป็นโมเดล 3D จึงกำลังเป้นที่นิยมมาก Disney ก็เลยหยิบเอายุคไดโนเสาร์มาเล่าด้วยเทคโนโลยีนี้ ผลที่ได้คือความฮือฮาตั้งแต่วันออกฉายจากความที่มันเป็นเทคโนโลยีใหม่ แล้วก็เป็นภาพที่สวยๆ ในยุคนั้น แต่ทว่าตัวบทก็ค่อนข้างอ่อนมากเลยดูเนือยๆ ไปหน่อย อีกทั้งด้วยความที่ภาพสมจริง มาผสมกับความเป็นการ์ตูนที่สัตว์พูดได้ มันเลยออกมาดูแปร่งๆ อยู่น้อย เลยกลายเป็นว่าหลังจากพยายามทดลองรอบนี้ล้มเหลว และก็ไม่ได้มีแนวนี้ปล่อยออกมาอีกเลย

Journey to the Center of the Earth (2008)

เทรเวอร์ นักธรณีวิทยาที่พี่ชายหายตัวไปอย่างลึกลับเมื่อ 10 ก่อนหลังจากที่เขาได้ไปสำรวจพื้นที่ในแถบไอซ์แลนด์ จนวันหนึ่งเขาก็ได้มีโอกาสในการออกไปตามหาพี่ชาย โดยมีหลานชายอย่าง ฌอน มาขอร่วมเดินทางไปด้วย นอกจากนี้ก็ยังมี ฮานนาห์ ไกด์สาวอีกคน แต่แค่เริ่มออกเดินทาง ถ้ำที่พวกเขาเข้าไปก็กลับออกมาไม่ได้ซะแล้ว จนทำให้พวกเขาต้องเดินหน้าต่อไป จนได้พบกับดินแดนปริศนาที่เต็มไปด้วยสิ่งมีชีวิตประหลาด และภัยอันตราย ที่เข้าใกล้ใจกลางโลกเข้าไปทุกที

หนังแอคชั่นแบบดูเพลินอีกเรื่อง ที่สร้างความบันเทิงได้ดีมากๆ จนสร้างรายได้ทั่วโลกเกิน 200 ล้าน จนสตูดิโอก็มีการเดินหน้าสร้างภาคต่อทันที แต่เปลี่ยนดารานำจาก Brendan Fraser มาเป็น The Rock ให้เข้ากับยุคสมัยแทน ส่วนเนื้อหาถึงแม้จะเด็กๆ หน่อย แต่ก็มีความตื่นตาตื่นใจ กับอะไรแปลกๆ ที่ออกมา และร่วมลุ้นว่าจะมีอะไรโผล่อมาอีกเหมือนกัน เพราะมันเปรียบเสมือนเป็นโลกอีกใบเลย ยิ่งสมัยนั้นที่เทคโนโลยี 3D กำลังมา ก็รู้สึกว่ามีอะไรพุ่งเข้าหน้าเยอะดี

The Land Before Time (1988)

ในยุคดึกดำบรรพ์นั้น ได้มีการอพยพของเหล่าไดโนเสาร์ครั้งใหญ่ แต่เหตุการณ์นี้ก็ทำให้ไดโนเสาร์วัยเด็ก 5 ตัว ต่างต้องพลัดหลงจากครอบครัว ทั้ง ลิตเติ้ลฟุต, เซรา, ดักกี้, เพทรี่ และสไปค์ จึงต้องพยายามอย่างมากในการที่จะกลับไปรวมฝูงร่วมกับครอบครัวพวกเขาให้ได้ ท่ามกลางการตามล่าของสัตว์ชนิดอื่น และธรรมชาติอันโหดร้าย

การ์ตูนในตำนานที่ทุกวันนี้ก็ยังมีคนพูดถึงกันอยู่ และยังมีการหยิบมาดูบ่อยครั้ง เพราะแม้ว่าจะเป็นพล็อตเรื่องที่ง่าย แต่ก็แฝงไปด้วยความลึก และความเป็น Coming-of-Age ของวัยเด็กได้เป็นอย่างดี เพราะคาแรคเตอร์แต่ละตัวละครล้วนมีความเฉพาะตัว และสะท้อนอะไรออกมาได้อยู่มาก จนทำให้พาร์ทตัวละครเองก็ทำออกมาได้ดี มีจุด Conflict ให้ได้คิดตามมากมาย ในส่วนพาร์ทผจญภัยก็ทำออกมาได้สนุก จากการโดนตามล่าต่างๆ จนไม่แปลกใจที่การ์ตูนเรื่องนี้จะสามารถอยู่ยงคงกระพันเป็นที่พูดถึงมาได้จนถึงตอนนี้

Ice Age: Dawn of the Dinosaur (2009)

เรื่องราวของเหล่าสัตว์ในโลกยุคน้ำแข็งทั้งว แมมมอธ เสือเขี้ยวดาบ และสล็อธ ที่ได้เป็นสหายร่วมกันมาในภาคก่อนหน้า จนผ่านช่วงที่นำแข็งละลายกันแล้ว ก็ได้ข้ามยุคมาถึงยุคไดโนเสาร์ ที่มีความวายป่วงเหมือนเดิม เมื่อ แมนนี่ และเอลลี่คู่แมมม็อธที่กำลังจะมีลูกน้อย จนทำให้ ซิด เจ้าสลอธ เกิดอยากมีลูกกับเข้าบ้าง เลยไปเอาไข่ไดโนเสาร์มาเลี้ยง จนเกิดเป็นเรื่องวุ่นๆ ที่ตามมา

อนิเมชั่นชื่อดังที่ประสบความสำเร็จจนสร้างออกมาได้หลายภาค แต่ก็มีภาค 3 Dawn of the Dinosaur นี่แหละ ที่จะพาคนดูไปหายุคหินที่เต็มไปด้วยไดโนเสาร์อีกครั้ง โดยภาคนี้ก็ยังคงคุณภาพในระดับเดิม ทั้งในแง่การเลี้ยงเสียงหัวเราะ จะมุขสุดบันเทิงจากแต่ละตัวละคร การได้เติบโตของพวกมันที่ได้เรียนรู้บางอย่าง ก็ทำให้ตัวละครดูมีมิติได้ ส่วนเจ้ากระรอกแสครทก็ยังออกมาขโมทยซีนได้เหมือนเดิม ใครที่ตามหนังชุดนี้มาอยู่แล้วก็ไม่ควรพลาดเลย