7 หนังแอ็คชั่นสายลับที่มีดีไม่แพ้ James Bond
หลังการปิดฉากบทพยัคฆ์ร้าย 007 ของ Daniel Craig เท่ากับว่าบทบาท James Bond คนที่ 6 เป็นเวลา 16 ปีของเขาจบลงแล้ว No Time To DIe ได้ฝากเรื่องราวมากมายให้แฟนหนังได้โหยหา Bond ที่ดุดันมีบาดแผลมีความรู้สึกมีหัวใจ ในโลกของภาพยนตร์ไม่มีใครยืนหยัดอยู่ได้ยาวนานฝีมือและความสามารถเท่าทันที่ทำให้ Craig นำพาแฟรนไชส์ 007 ไปข้างหน้า พลิกโฉมหน้าหนังทำให้คนเชื่อว่าสายลับไม่ได้เหนือเมฆแบบคนก่อนๆ
การปรากฏตัวของ James Bond ถือเป็นงานรากฐานที่สำคัญ ลายเซนต์ 007 มีเอกลักษณ์ไม่เหมือนใคร และเป็นเรื่องยากเสมอที่จะมีคนทำหนังสายลับขึ้นมาใหม่ หนังที่เต็มไปด้วยฉากแอ็คชั่น การแก้ปัญหาเฉพาะหน้าให้ตัวละครเอาตัวรอด อาวุธแท้ๆ แต่ในระยะหลังก็มักมีหนังสายลับโผล่ขึ้นมาอยู่ตลอด แค่ปรับแนวทาง บางเรื่องเน้นฉากเสี่ยงตาย บางเรื่องเน้นฉากต่อสู้แบบตัวต่อตัว บางเรื่องเน้นประเด็นแก้แค้น บางเรื่อวเน้นประเด็นการหักหลังมาชูโรง เราเลยอยากนำเสนอ 7 เรื่องแอ็คชั่นสายลับคุณภาพดีไม่แพ้ James Bond ส่วนจะมีเรื่องไหนเข้าตาบ้างนั้นไปสำรวจพร้อมๆกันได้เลย
1.Mission Impossible
อีธาน ฮันต์ สายลับมือฉมังที่ได้เข้าร่วมภารกิจไปพร้อมกับทีม ตามคำสั่งของหน่วย IMF เพื่อออกปฏิบัติในการยับยั้งการจรรกรรมข้อมูล แต่แล้วภารกิจนี้กลับล้มเหลวจนทำให้สมาชิกคนอื่นๆ ในทีมต่างเสียชีวิตกันหมด ยกเว้นแค่เพียง อีธาน ที่รอดมาได้ ทำให้เขาจึงตกเป็นเป้าของการเป็นหนอนบ่อนไส้ในทีมที่สังหารสมาชิกที่เหลือ เขาจึงต้องหลบหนีการจับกุมของบรรดาสายลับมือโปร พร้อมทั้งสืบหาข้อมูลไปด้วยเพื่อหยุดยั้งแผนการอันชั่วร้าย และพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตัวเอง หลังจากที่พิสูจน์ตัวเขาก็ยืนหยัดฟอร์มทีมทำภารกิจเพื่อหยุดยั้งภัยร้าย และภารกิจก็บ้าระห่ำไปเรื่อยๆซะแล้ว
เสน่ห์ของ Mission Impossible นอกจากการมี Tom Cruise นำแสดงที่ดึงดูดผู้ชมแล้ว จุดเด่นของหนังคือการเล่าเรื่องที่สนุกรวดเร็วซับซ้อน เนื้อหาจบในตอนไม่ต้องดูภาคก่อนก็ดูรู้เรื่องได้สบาย หนังเลยเปิดโอกาสให้ทีมผู้สร้างมองหาผู้กำกับไอเดียเยี่ยมวิสัยทัศน์ล้ำๆมากำหนดทิศทางหนัง ฉากแอ็คชั่นที่บ้าระห่ำเสี่ยงตายทวีคุณมากไปกว่าเดิมหลายเท่า หนังมาในทิศทางคาดเดาฉากแอ็ตชั่นเหตุการณ์ที่อยู่ตรงหน้าไม่ได้เลย มันบันเทิงสุดขีดจนยากจะมีหนังเรื่องไหนมาเจริญรอยตาม การเดินทางของหนังจะสิ้นสุดในภาคที่ 8 ในปี 2013 และเมื่อถึงวันนั้นแฟรนไชส์เรื่องนี้จะมีอายุยาวนาน 27 ปีเต็ม
2.The Bourne
ชาวประมงได้พบกับชายปริศนาลอยอยู่กลางทะเล และได้ทำการช่วยเหลือเอาไว้ เมื่อเขาฟื้นขึ้นมาก็พบว่าจำอะไรเกี่ยวกับตัวเองไม่ได้เลย แถมยังมีบาดแผลจากการถูกยิงเข้าที่หลังด้วย จนทำให้เมื่อขึ้นถึงฝั่ง เขาจึงเริ่มออกตามหาความจริงที่ทำให้เขาตกอยู่ในสภาพนี้ แต่เมื่อยิ่งค้นหาก็ยิ่งประหลาดใจ เมื่อเขาเองนั้นกลับมีสกิลที่หลากหลาย ทั้งการพูดภาษาต่างประเทศได้หลายภาษา และความสามารถในการต่อสู้สุดโหด เมื่อยิ่งถลำลึกลงไปเท่าไร เขาก็ยิ่งพบกับอันตรายในชีวิตจากบรรดานักฆ่าที่ถูกส่งมาไล่ล่าฆ่าปิดปากเขา สิ่งทำได้คือต้องวิ่งหนีและใช้สกิลที่มีทั้งหมดต่อสู้เพื่อเอาตัวรอด
นี่คือหนังแอ็คชั่นสายลับที่ประสบความสำเร็จแบบเหนือความคาดหมายและทำให้หนังสายลับบางเรื่องยกเครื่องรีบูตใหม่เพราะได้อิทธิพลมาจากหนังเรื่องนี้ ความดิบเถื่อนของ Matt Damon ทำให้ Jason Bourne กลายเป็นแอ็คชั่นฮีโร่ที่ใครต่อใครเห็นเห็นแล้วรู้สึกประทับใจ หนังจารชน ที่อาศัยการชิงไหวชิงพริบ และทักษะการต่อสู้เพื่อเอาชีวิตรอดก็ทำออกมาได้ดีเหลือเกิน สกิลการต่อสู้ที่เหลือร้ายอึดเกินกว่าคนทั่วไปตายยาก เลยทำให้แฟรนไชส์นี้โลดแล่นจนมีภาคต่อทำกันมาถึง 5 เรื่อง แม้ว่า Matt Damon จะไม่เล่นหนังเรื่องนี้อีกต่อไปแล้ว แต่ค่าย Universal ก็พร้อมสานต่อเรื่องราวของ Jason Bourne ต่อไปเป็นเส้นเรื่องใหม่ตัวละครใหม่เพื่อเปิดจักรวาลนักฆ่าโครงการพิเศษต่อไป
3.Kingsman
เอ๊กซี่ วัยรุ่นหนุ่มที่อาศัยอยู่กับแม่และพ่อเลี้ยง เขาเป็นหนึ่งในวัยรุ่นที่กำลังตามหาตัวเอง หลังจากที่ออกมาจากการฝึกนาวิกโยธินแล้ว ก็ออกมาใช้ชีวิตอย่างเรื่อยเปื่อย จนกระทั่งเขาโทรขอความช่วยเหลือจากเบอร์ปริศนาบเหรียญ จึงได้พบกับ แฮร์รี่ ฮาร์ท เจ้าหน้าอาวุโสที่กำลังหาสมาชิกใหม่มาเข้าองค์กรสายลับ Kingsman อยู่พอดี จึงได้พาเขาเข้ามาทดสอบความสามารถ พร้อมทั้งรับภารกิจที่ต้องเผชิญกับวายร้ายอย่าง ริชมอนด์ วาเลนไทน์ ที่วางแผนสร้างความปั่นป่วยให้กับโลกใบนี้
Kingsman คือผลงานหนังแอ็คชั่นแฟรนไชส์ที่ผู้กำกับ Matthew Vaughn ได้รับแรงบันดาลใจอย่างมากจาก James Bond แต่เพิ่มความแปลกใหม่ให้กับประเภทหนังเรื่องนี้ แทนที่จะเป็นองค์กรสายลับ Kingsman เป็นองค์กรอิสระ หนังเลือกคนทักษะดีแก้ปัญหาเฉพาะหน้ามาทำหน้าที่สายลับ ซึ่งจะไม่ได้มีฉากเซ็กกับผู้หญิง หนังเน้นความสนุกมีความรุนแรงอยู่ไม่น้อย แต่ก็ปรับโทนลงมาให้ซอฟลงแล้วเพิ่มสไตล์เข้าไปแทน สีสันจัดจ้าน เน้นการเล่าเรื่องที่ใช้กราฟฟิกมีกลิ่นอายคล้ายๆกับ Bond ในยุคแรก องค์ประกอบเหล่านั้นมีความสมดุลทำให้หนังกลมกล่อม
4.Tenet
สายลับซีไอเอนิรนามที่ทำภารกิจผิดพลาด หวังจะกินยาฆ่าตัวตายแต่กลับไม่ตาย ได้บังเอิญไปเข้าร่วมกับองค์กรลับสุดยอดที่กุมความลับ และอุปกรณ์ที่เรียกว่า เทเน็ท ( Tenet) ที่สามารถควบคุมกระแสเวลาของวัตถุให้กลับมาเป็นสภาพก่อนหน้านั้นได้ ไหลกลับ และเขาต้องหาทางหยุดยั้งภัยร้ายที่ ซาร์ตอร์ หวังจะก่อการร้ายเพื่อให้เกิดสงครามโลก
.
แฟนหนังหลายคนเรียกร้องให้ Christopher Nolan กำกับ James Bond สักทีเรื่องนี้น่าจะเป็นหนังที่ใกล้เคียงกับ 007 แบบชัดเจน ไอเดียความคิดของเขาได้รับอิทธิพลมาจาก Bond ยุค Classic ผสมผสานกับหลักกฏเกณฑ์ทางวิทยาศาสตร์หนังเดินเรื่องผ่านตัวละคร John David Washington ที่ต้องหาหนทางหยุดวายร้ายจอมเจ้าเล่ห์ที่จุดชนวนให้โลกวินาศ หนังขับเคลื่อนด้วยสเกลที่ใหญ่ เน้นการถ่ายทำจริงมันเลยกลายเป็นหนังที่คนทั่วไปดูไม่ Get สักเท่าไหร่ก็การโชว์มายากลครั้งนี้ของ Nolan ทั้งที่ไอเดียดีเกินคาด
5.True Lies
สายลับพิเศษ แฮร์รี่ แทสเกอร์ ใช้ชีวิต 2 บทบาท ด้วยความสามารถอันคล่องแคล่วถึง 6 ภาษา และความเชี่ยวชาญทางด้านปัญญาอันแหลมคมในทุกสถานการณ์ แฮร์รี่รับหน้าที่เป็น สปายระดับนานาชาติ สำหรับสุดยอดหน่วยรัฐบาลลับ แต่ในระยะเวลา 15 ปีที่ผ่านมา ภรรยาเขา เฮเลน เชื่อมาตลอดว่าเขา เป็นเพียงเซลส์แมนขายคอมพิวเตอร์ แฮร์รี่มีความชำนาญอันโดดเด่น และความกล้าหาญอดทนที่จะช่วยประเทศของเขาได้ เพียงแต่ถ้าเขาสามารถยืนหยัดชีวิตสมรสเขาไว้ให้ได้เช่นกัน จนกระทั่งกลุ่มก่อการร้ายจีฮัดจับลูกเมียของเขาไปเป็นตัวประกัน เลยปลุกความเป็นสายลับออกมา
หนังที่ดัดแปลงมาจากหนังฝรั่งเศส La Totale ในปี 1991 ผ่านวิสัยทัศน์ของผู้กำกับไอเดียล้ำ James Cameron ที่ดึงเอาพระเอกคู่บุญจากคนเหล็ก Arnold Schwarzenegger มาแสดงนำมันซะเลยพลิกโฉมให้หนุ่มกล้ามโตกลายเป็นสายลับอเมริกันที่มาทำภารกิจลับปกป้องภรรยา หนังเรื่องนี้ออกแนวล้อและคารวะ James Bond ตอน Goldfinger ซะมากกว่าเน้นฉากแอ็คชั่นทุนสร้างสูงเน้นความมันส์ ผู้หญิงเพียบ แต่เป็นสายลับที่ไม่เพียบพร้อมอะไรเลย มีปัญหากับลูกเมียตัวเอง หนังประสบความสำเร็จอย่างงดงามในปี 1994 ช่วยให้ Arnold ได้มีภาพจำในบทสายลับกับเขาบ้าง
6.The Berlin File
จองจินซู พนักงานสืบสวนของเกาหลีใต้ (KNIS) กำลังอยู่ในระหว่างปฏิบัติหน้าที่สืบสวนการค้าอาวุธเถื่อนอยู่ที่เมืองเบอร์ลินและได้รู้ว่า พโย จงซอง บุรุษลึกลับหรือที่ถูกเรียกว่า “โกสต์-GHOST” ซึ่งไม่เคยมีใครรู้จัก ไม่มีรอยนิ้วมือและไม่เคยมีประวัติใดๆ ในหน่วยสืบราชการลับของทุกองค์กร จองจินซู จึงต้องตามไล่ล่าเพื่อจะฉีกหน้ากากของ โกสต์ ทง มยองซู” ถูกส่งตัวมาจากเกาหลีเหนือเพื่อจะมายึดตำแหน่งในสถานฑูตเกาหลีเหนือประจำกรุงเบอร์ลินและกำจัด พโย จง ซอง พโย จงซอง ถูกคุกคามและ ยอน จองฮี ภรรยาของเขาก็ถูกใส่ร้ายว่าเป็นพวกทรยศ เพื่อจะพิสูจน์ว่า ยอน จองฮีภรรยาของตนนั้นเป็นสายลับสองหน้าหรือไม่ เขาจึงต้องสอดแนมดูภรรยาของตนเอง… แต่ทว่าเขากลับล่วงรู้ความลับที่เหนือความคาดหมาย ชีวิตของเขาและภรรยาเลยตกอยู่ในอันตราย
หนังมีความคล้ายๆ Jason Bourne และ James Bond มาเต็มๆหนังสายลับโดนกล่าวหาทรยศในต่างแดน ฉากแอ็คชั่นโคตรมันส์ดิบเถื่อน ฮา จอง วู เล่นบทสายลับได้โคตรดีจนมีความเชียร์ให้เขาโกอินเตอร์ เป็นหนังเกาหลีที่มีความร่วมสมัยไม่มีกลิ่นอายเหมือนหนังบู๊แดนโสมเรื่องอื่นๆ กลายเป็นหนังที่เข้มความสนุกมีชั้นเชิงลูกล่อลูกชนในการนำเสนอ
7.The Man from U.N.C.L.E.
ช่วงปี 1960 สงครามเย็นปะทุขึ้น หน่วย The Man from U.N.C.L.E. ซึ่งมีสายลับ CIA โซโลและสายลับ KGB เคอร์ยาคิน ทั้งคู่ต้องจำใจทิ้งความบาดหมางและร่วมฏิบัติภารกิจหยุดยั้งองค์กรแห่งอาชญากรรมลับทั่วโลก ซึ่งมีจุดหมายคือการเพิ่มอาวุธนิวเคลียร์และเทคโนโลยีเพื่อทำลายสมดุลของมหาอำนาจ ทว่าผู้ที่บงการพวกเขาได้กลับมีเพียงลูกสาวของนักวิทยาศาสตร์เยอรมันที่หายตัวไปซึ่งเธอคือกุญแจสำคัญสู่การแทรกซึมเข้าองค์กรอาชญากรรม! ทั้งคู่ต้องแข่งกับเวลาเพื่อหาตัวพ่อของเธอให้พบและปกป้องโลกจากความวินาศนี้ให้ได้
นี่คือหนังสายลับตลกกลิ่นอายสงครามเย็นที่ดูแล้วฮาได้เห็นไหวพริบของตัวละครสายลับ 2 ชาติอเมริกันและโซเวียตที่แข้งขันกันเพื่อความเป็นหนึ่งไม่มีใครยอมกัน รสชาติหนังเลยมีความแปลกใหม่ดูยังไงก็เพลิดเพลิน หนังไม่ได้ปล่อยมุกแต่ก็เน้นฉากแอ็คชั่นสวยๆให้ได้เห็นลูกล่อลูกชนของตัวละคร เรื่องนี้ Henry Cavill มาดเท่ห์สุภาพบุรุษ จนใครได้เห็นนึกว่าเขาเป็น James Bond ไปเลย งานภาพโปรดัคชั่นวิธีการเล่าเรื่องที่เนี๊ยบดูยังไงก็เพลินตามาก เสียดายที่งานเรื่องนี้ปูเรื่องหวังทำภาค 2 แต่รายได้คำวิจารณ์กลับไม่เข้าเป้าซะอย่างนั้น