รวมหนังสยองขวัญเอเชียโกอินเตอร์ จนสยองขนหัวลุกกันไปทั้งโลก
จากกระแสของหนังสยองขวัญไทยอย่าง ร่างทรง ที่เปิดตัวอย่างปังในประเทศเกาหลี แถมยังพาคนดูในโรงกลัวกันสุดขีด ถึงขนาดต้องมีรอบเปิดไฟแล้วใช้ที่อุดหูดู เพื่อลดความสยองลงมาบ้าง ทำให้จากการพูดถึงแบบปากต่อปากก็พามันขึ้นอันดับ 1 ของ Box Office เกาหลี แซงหนังใหญ่อย่าง Black Widow ไปอย่างสวยงาม
โดย ร่างทรง เป็นผลงานของคุณ ‘โต้ง บรรจง ปิสัญธนะกูล’ ผู้กำกับไทยที่เคยพา Shutter ไปโลดแล่นในระดับโลกมาแล้ว และดีจนถึงขนาดฝรั่งยังต้องเอาไปรีเมคต่อ (แต่ก็ดันแป้ก) จนเรื่องนี้เขาก็ทำได้อีกครั้ง จากการร่วมทุนระหว่าง 2 ค่ายดังจาก 2 ประเทศ ทั้ง GDH จากไทย และ Showbox ของเกาหลี และได้ผู้กำกับชื่อดังจากเกาหลีใต้อย่าง นาฮงจิน ที่เคยมีผลงานสุดปังแนวไสยศาสตร์ หมอผีมาก่อนอย่าง The Wailing ทำให้เข้าทางจนออกมาเป็นส่วนผสมอย่าง ร่างทรง ที่ได้รับการกล่าวขานมาก แต่ด้วยเหตุที่บ้านเราคงยังไม่ได้ดูในเร็วๆ นี้ ทาง #โกดังหนัง ก็อยากจะชวน Fanpage มาย้อนรอยกันก่อนดีกว่าว่า ที่ผ่านมานั้น มีหนังสยองขวัญเอเชียเรื่องที่ไป Go-inter จนขนหัวลุกไปทั้งโลกกันมาแล้วบ้าง
Ringu aka The Ring (1998) – Japanese
นักข่าวสาวเรโกะ ได้ยินเรื่องประหลาดมาว่า มีกลุ่มนักศึกษากลุ่มหนึ่งที่ได้ไปดูวิดีโอปริศนาจนนำมาซึ่งความตายแบบพิสดารและหาสาเหตุไม่ได้ ด้วยเลือดนักข่าวมันร้อนแล้วอยากจะหาความจริง เธอจริงออกตามหาวิดีโอนั้น และเปิดดูมันด้วยความอยากรู้อยากเห็น หลังจากนั้นก็มีเหตุการณ์สุดประหลาดชวนหลอนตามมา จนเธอต้องเชื่อและไปขอความร่วมมือจากสามีเก่า เพื่อหาวิธีล้างคำสาปนี้ภายใน 7 วัน
แน่นอนว่าหากใครเป็นคอนิยายก็ต้องพูดเป็นเสียงเดียวกันว่ามันคือเวอร์ชั่นที่ไม่มีใครเทียบได้ แต่การทำเป็นหนังออกมาในแต่ละเวอร์ชั่นทั้ง Ringu (1998) ของ Hideo Nakata และ The Ring (2002) ของ Gore Verbinski ก็นับว่าทำออกมาได้ดีทั้งคู่ ด้วยความสยองที่ค่อนข้างมีความสากล และพล็อตเรื่องที่เข้าใจง่ายกับการแก้ไขคำสาปให้ได้ภายใน 7 วัน แม้ว่าหนังจะตัดทอนเนื้อหาในส่วนของ ซาดาโกะ ไปแล้ว คนดูก็ยังต้องเผชิญกับความสยองสุดคลาสสิคของฉากที่ผีคลานออกมาจากทีวีอยู่ดี
Ju-on aka The Grudge
คาเรน นักเรียนแลกเปลี่ยนที่มาอยู่มหาวิทยาลัยโตเกียว สาขาสังคมสงเคราะห์ เธอได้ไปทำงานพิเศษให้กับสถานพยาบาลคนหนึ่ง แทนที่เจ้าหน้าที่พยาบาลคนเดิมที่หายตัวไปอย่างลึกลับในบ้านที่มีประวัติสยอง วันหนึ่งเธอได้เข้าไปทำงานที่บ้านหลังนี้ จนได้พบกับความสยองสุดสะพรึงจากคำสาปที่ทำให้ผู้ที่เกี่ยวข้องกับบ้านหลังนี้ต้องล้มตาย เธอจึงต้องหาทางแก้ ก่อนที่มันจะสายเกินไป
นับเป็นหนังที่ส่วนตัวคิดว่าชอบฉบับ Remake มากกว่าตัวต้นฉบับ ด้วยความที่การเล่าเรื่องของญี่ปุ่นนั้น มีการสลับ Timeline ไปมา ไม่ได้เรียงแบบ 1-2-3-4 ทำให้หากตั้งตัวไม่ทันแล้ว จะงงกับเนื้อเรื่องอยู่ไม่น้อย แต่เชื่อว่าทางเมืองนอกเองพอได้ดูก็คงสะพรึงไปกับเจ้าผีแม่ ลูก สุดสยองที่มาคอมโบกันแบบหัวเตียง ปลายเตียง จนเป็นฉากจำจนต้องเอาไปทำใหม่เอง ได้ดีอยู่ไม่น้อย และการเรียงลำดับเรื่องแบบนี้ ก็ทำให้เข้าใจได้ง่ายขึ้นเยอะจริงๆ
ชัตเตอร์ กด ติด วิญญาณ
ธรรม์ ช่างภาพหนุ่มฝีมือดี กับ เจน แฟนสาวของเขา นั้น ขับรถชนหญิงสาวคนหนึ่งอย่างแรง จนทั้งคู่นั้นตัดสินใจขับรถหนีเพราะกลัวความผิด หลังจากเหตุการณ์นั้นพวกเขาต้องได้เจอกับเหตุการณ์ประหลาดที่ตามมา เมื่อเวลาธรรม์ ถ่ายภาพอะไรก็ตาม ก็มักมีเงาคล้ายใบหน้าผู้หญิงติดมาด้วยอยู่เสมอ จนทำให้พวกเขาเริ่มสืบหาความจริงว่าสุดท้ายแล้ว หญิงสาวที่อยู่ในภาพนั้นเป็นใครกันแน่ และต้องการอะไรจากพวกเขา
ความสยองที่ได้ใจฝั่งคอหนังผีไทยไปแบบเต็มๆ การันตีด้วยรายได้กว่า 100 ล้านบาท พร้อมทั้งฉากจบอันลือลั่นที่ตราตรึงคนดูมาโดยตลอด จนทำให้มันเป็นหนังทริลเลอร์ สืบสวน สยองขวัญ ที่มีองค์ประกอบที่ดีหลายๆ อย่าง รวมถึงกิมมิคอย่างรูปถ่ายติดวิญญาณที่ยังไม่เห็นหนังเรื่องไหนเอามาใช้แบบเต็มๆ มาก่อน ทำให้พล็อตมันจึงดูมีความเป็นสากล และชวนอยากรู้ถึงที่มาที่ไปของ ‘ผี’ ว่าเกิดอะไรขึ้น จนสุดท้ายต่างชาติดูก็ต้องชอบใจแม้ว่าจะเอาไปทำใหม่แบบห่วยๆ ก็ตาม แต่ก็นับเป็นสยองขวัญไทยที่โกอินเตอร์และได้คำกล่าวขานกันมาจนถึงทุกวันนี้
A Tale of Two Sisters
ซูมีและซูยอน เด็กสาวสองพี่น้อง ที่ได้กลับมาที่บ้านของตัวเอง หลังจากไปรักษาอาการป่วยที่มีมายาวนาน แต่การกลับมาครั้งนี้กลับเป็นฝันร้าย เมื่อพ่อแท้ๆ ของพวกเธอกลับพา อึนจู ภรรยาใหม่เข้ามาในบ้าน โดยที่ทั้งสองฝ่ายต่างไม่ชอบหน้ากันตั้งแต่แรกเห็น อีกทั้งอึนจูก็ยังทำร้ายร่างกายซูยอนอยู่บ่อยครั้งโดยที่พ่อของเธอไม่รู้เลย เมื่อความรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ ก็นำมาสู่ผลลัพธ์ที่คาดไม่ถึง
หนังจากเกาหลีอีกเรื่องที่โดดเด่นเหนือใครในยุคนั้น ท่ามกลางหนังเกาหลีดาษๆ ก็มี A Tale of Two Sisters นี่แหละที่หยิบเอาตำนานสยองขวัญของแม่เลี้ยงใจร้ายที่วางแผนฆ่าลูกสาวตัวเอง จนดวงวิญญาณของเธอยังวนเวียนเพือล้างแค้น ซึ่งจากการนำมาดัดแปลงนั้นก็เต็มไปด้วยการเล่าเรื่องที่มีชั้นเชิง เต็มไปด้วยจิตวิทยา สัญญะต่างๆ ที่ชวนตีความ จนสุดท้ายก็ได้โกอินเตอร์และเป็นที่ชื่นชอบเป็นอย่างมากจากการไปกวาดรางวัลมากมายตามเทศกาลต่างๆ ในปีนั้นเลย
Train to Busan
ซอกวู ผู้จัดการกองทุนที่ไม่ค่อยเวลาให้กับลูกสาวอย่าง ซูอา เท่าไรนัก วันหนึ่งพวกเขาก็ได้ขึ้นรถไฟสายหนึ่งเพื่อเดินทางไปหาภรรยาเก่าที่เมืองปูซาน แต่เมื่อรถไฟได้ออกจากสถานีไม่ทันไร ก็เกิดเหตุการณ์ที่มีผู้โดยสารติดเชื้อขึ้นมาบนขบวนด้วย และแพร่เชื้ออย่างรวดเร็วจนกลายเป็นฝูงซอมบี้ขึ้นมาทันที ซอกวู จึงต้องร่วมมือกับผู้โดยสารคนอื่นที่รอดชีวิต ในการเอาตัวรอดไปกับเหตุการณ์นรกนี้ไปให้ได้
หนังที่ผู้กำกับ Edga Wright ที่มีผลงานอย่าง Shaun of the Dead ก็เอ่ยปากชื่นชมว่าเป็นหนังซอมบี้ที่ดีที่สุดในชีวิตของเขา ด้วยความที่เกาหลีเอาซอมบี้มาทำเป็นสไตล์ของตัวเอง ทั้งความดุดิบ คล่องแคล่วว่องไว และผสมผสานกับความเมโลดราม่าเรียกน้ำตาอันเป็นเอกลักษณ์แล้วก็ทำให้หนังเรื่องนี้ดูมีอะไรมากกว่าหนังซอมบี้ Hollywood แบบที่เห็นทั่วๆ ไป และเชื่อได้ว่าคอหนังซอมบี้เกือบทุกคนก็น่าจะชอบกันอย่างกันอย่างแน่นอน
The Eye
มาล หญิงสาวตาบอดตั้งแต่เด็กที่เติบโตมาเป็นนักไวโอลินคลาสสิคมือดี ต่อมาเธอได้รับการปลูกถ่ายกระจกตา จนทำให้เธอกลับมามองเห็นได้อีกครั้ง ในระหว่างที่เธอกำลังดื่มด่ำกับชีวิตใหม่ เธอกลับมองเห็นอะไรแปลกๆ ที่เหมือนเป็นนิมิตล่วงหน้าว่าจะเกิดอะไรขึ้น รวมถึงเงาปริศนาที่โผล่มาในทุกที่ที่เธอไป จนทำให้เธอนั้นตัดสินใจออกตามหาเจ้าของดวงตาคู่นี้ ว่ามีที่มาที่ไปอย่างไร จนทำให้เธอเห็นภาพของสิ่งเหล่านี้เกิดขึ้น
หนังจากผู้กำกับ แดนนี่และออกไซด์ แปง ที่ดัดแปลงเนื้อหาบางส่วนมากจากเหตุการแก๊สระเบิดที่ถนนเพชรบุรีตัดใหม่ พ.ศ. 2533 แม้จะเป็นหนังฮ่องกง-สิงคโปร์แต่ก็มีจุดเชื่อมโยงกับไทยอยู่มาก เพราะได้มีการมาเริ่มต้นอาชีพทำหนังที่กันตนา สำหรับ The Eye ก็นับว่าเป็นหนังที่พล็อตแปลกใหม่ในยุคนั้น ในแง่ของความสยองก็ทำออกมาได้ดี อีกทั้งที่มาที่ไปของตาสองคู่ก็ล้วนชวนติดตาม จน Hollywood เอาไปทำใหม่ แม้จะได้ดาราดังยุคนั้นอย่าง Jessica Alba แต่สุดท้ายก็แป้กอยู่ดี
Dark Water
มาซีบาระ โยชิมิ แม่ม่ายที่เพิ่งหย่าร้างและต้องดูแล อิกุโกะ ลูกสาวของเธอเพียงลำพัง เมื่อพวกเธอย้ายมาอยู่ในอพาร์ตเมนท์หลังหนึ่ง ก็ต้องพบเจอกับเหตุการณ์ประหลาดมากมายในที่แห่งนี้
หนังสยองขวัญในตำนานของญี่ปุ่นอีกเรื่อง จากผลงานเรื่องสั้นของ ซุสุกิ โคจิ ที่มีผลงานชุด The Ring มาก่อนหน้า และก็ได้ผู้กำกับ นากาตะ ฮิเดโอะ ที่เคยทำ Ringu ฉบับญี่ปุ่นมาเหมือนกัน ซึ่งก็นับว่าเป็นการถ่ายทอดออกมาได้ดี จนถูกใจคอหนังสยองขวัญขึ้นหิ้งไปอีกเรื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมันดันถูกโยงไปกับคดีการตายปริศนาของ Elisa Lam ที่ดันออกมาใกล้เคียงกับหลายๆ อย่างในหนังด้วย ก็ยิ่งเพิ่มดีกรีความหลอนกันเข้าไปใหญ่ แม้ว่าจะมีการรีเมคจากทางฝรั่ง (อีกแล้ว) ด้วยดาราที่มีชื่อหลายคน แต่สุดท้ายก็ดันไปไม่รดอีกเหมือนเดิม