MichaelBayMovie_00

9 หนังสไตล์ระเบิดภูเขาเผากระท่อม ของผู้กำกับ Michael Bay

หากจะพูดถึงผู้กำกับหนังแอคชั่นแบบเน้นบันเทิงสุดมันส์ โดยที่ไม่ต้องสรรหาเหตุผล หรือเติมอารมณ์ให้กับตัวละครมากนัก คงหนีไม่พ้นชื่อของผู้กำกับอย่าง Michael Bay แน่นอน ด้วยจุดเริ่มต้นการเข้าวงการ Bad Boy ที่แม้จะได้ทุนมาต่ำลากดิน แต่กลับทำหนังออกมาได้ประสบความสำเร็จ และแจ้งเกิดให้กับ Will Smith ในฐานะแอคชั่นสตาร์ได้เต็มตัวมาก จนได้มีโอกาสทำหนังในสเกลใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ และสาแก่ใจคอหนังแอคชั่นแบบไม่ต้องคิดเยอะมากๆ

แม้ว่าที่คุณภาพของหนังเขาในช่วงหลังๆ ที่ผ่านมานั้น จะเริ่มโดนนักวิจารณ์สับยับ ด้วยความที่สไตล์ของเขาเอง ไม่ได้ปรับเปลี่ยนไปตามยุคสมัย เลยทำให้หนังของเขายังคงเน้นเอามันส์ต่างจากแอคชั่นยุคใหม่เรื่องอื่นๆ ที่เริ่มเน้นดราม่าหรือพาร์ทตัวละครเข้ามามากขึ้นแล้ว แต่ทั้งนี้สำหรับคอหนังยุค 90 ก็ยังคงสนุกและมันส์ไปกับหนังของเขาได้อยู่ไม่น้อย ด้วยสไตล์แอคชั่นมันส์สะใจ และระเบิดระเบ้อแบบไม่แคร์อะไรนัก ทำให้เกิดหนังเซตนี้ขึ้นมาเพื่อเอาใจสาวกผู้กำกับคนนี้กันสักหน่อย ในรวมหนังสไตล์ระเบิดภูเขาเผากระท่อม ของผู้กำกับ Michael Bay 

Bad Boys 1-2 (1995-2003)

MichaelBayMovie_01

ไมค์ นายตำรวจสุดเท่ กับคู่หูสุดฮา มาร์คัส สุดยอดตำรวจมือพระกาฬแห่งไมอามี่ ที่มักสร้างความชิบหายวายวอดในทุกคดีที่ลงไป พวกเขาต้องเจอกับคดีใหม่ กับการฆาตกรรมที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติดมูลค่ามหาศาล ที่มี จูลี่ พยานสาวเพียงคนเดียวที่ดันไปรู้เห็นเหตุการณ์และระบุตัวฆาตกรได้ พวกเขาจึงต้องคุ้มครองเธอในฐานะพยานปากเอกจากแก๊งยาเสพติด พร้อมทั้งคลี่คลายคดีนี้ไปพร้อมๆ กัน

ผลงานเรื่องแรกของ Michael Bay ที่ได้ทุนมาแบบจำกัดจำเขี่ยมากๆ แต่ด้วยลูกเล่นการกำกับที่แพรวพราว ก็นับเป็นแอคชั่นในยุค 90s อีกเรื่อง ที่มีสไตล์ในแบบดั้งเดิม บทหนังไม่ซับซ้อน ฉากแอคชั่นดูสนุกแบบไม่ต้องเล่นใหญ่ เพิ่มเติมด้วยคาแรคเตอร์คู่หูที่โดดเด่น น่าจดจำก็ทำให้กลายเป็นหนังที่ดูสนุกสุดเพลินอีกเรื่อง อีกทั้งยังได้เห็นการอาศัยความสร้างสรรค์ในการทำหนังแอคชั่นทุนต่ำที่ได้ผลดี มีความน่าสนใจจากใช้เทคนิคต่างๆ เพื่อลดต้นทุนแต่ยังทำให้หนังสนุกได้อยู่ แม้ภาค 2 จะเล่นใหญ่จัดเต็มขึ้น ด้วยฉากแอคชั่นแต่ความเข้มข้นกลับน้อยลง จนภาค 3 ที่ไม้ต่อให้ผู้กำกับ Adil El Arbi และ Bilall Fallah ก็กลับได้หัวใจหนังมาเต็มเปี่ยม แถมหลายคนยังบอกว่าดีกว่าทุกภาคที่ผ่านมาเสียอีก

The Rock (1996)

สแตนลี่ย์ ก็อดสปีด FBI ผู้เชี่ยวชาญด้านอาวุธเคมี ที่ไม่มีความสามารถในการต่อสู้ ต้องจับมือกับ จอห์น แพทริค เมสัน นักโทษชายที่ถูกขังลืมมาหลายปี แต่ทางการก็ต้องจำใจใช้ความสามารถของคนกลุ่มนี้ เพื่อเข้าไปทำภารกิจที่คุกอัลคาทราซ จากการก่อการร้ายของ พลจัตวา ฟรานซิส ฮัมเมล นายทหารที่ต้องการเรียกร้องสิทธิให้ทหารที่ไม่ได้รับเงินชดเชย จนจับตัวประกันพร้อมกับระเบิดเคมีเอาไว้

น่าจะเป็นหนังที่หลายคนชื่นชอบ และหลายๆ คนก็อาจยกให้เป็นหนังโปรดที่สุดของผู้กำกับ Michael Bay โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับคอหนังแอคชั่นในยุค 90 อย่างแน่นอน ด้วยพล็อตที่เป็นสูตรสำเร็จที่คนก็แทบจะเดากันได้อยู่ละ แต่หนังก็จัดเต็มความเข้มข้น ทั้งคาแรคเตอร์พระเอกแบบน้า Cage บวกกับตัวเอกสไตล์แบดๆ อย่างปู่ Connery ที่อยู่ในมือของผู้กำกับสายแอคชั่นเอาใจตลาดแบบ Michael Bay แล้ว มันเลยกลายเป็นหนังแอคชั่นสุดมันส์อีกเรื่องที่คอหนังแอคชั่นยุค 90s จะต้องหลงรัก 

Armageddon (1998)

เมื่อดาวหางขนาดยักษ์กำลังจะพุ่งเข้าชนโลก เวลาที่เหลือมีอยู่แค่เพียง 18 วันเท่านั้น แฮรี่ สแตมเปอร์ และลูกทีมที่เป็นนักขุดเจาะแท่นน้ำมันมืออาชีพ จึงเป็นความหวังเดียวของโลก ที่จะต้องรับภารกิจจากทาง NASA เพื่อฝึกฝนทักษะนักบินอวกาศ จะได้ขึ้นไปขุดฝังระเบิดนิวเคลียร์จากภายในดาวหางให้แตกออกจนหลีกเลี่ยงการชนโลกไป จนเกิดเป็นภารกิจสุดระห่ำเพื่อช่วยโลกจากภัยพิบัติในครั้งนี้

สำหรับ Armageddon จะเหมาะกับคนที่ชอบหนังภัยพิบัติล้างโลกอยู่ไม่น้อย ประเภทโลกจะแตก น้ำท่วม โลกจะล่มสลายอะไรทั้งหลายแหล่ โดยที่ไม่ต้องอ้างอิงกับความสมจริง หรือหลักวิทยาศาสตร์อะไรให้มากมาย เพราะนักวิทยาศาสตร์ทั้งหลายก็ออกมาบอกแล้วว่าขี้โม้สุดๆ แถมอิงกับความจริงน้อยมากๆ (แน่ล่ะ มันแปลกตั้งแต่แทนที่จะเอานักบินอวกาศไปฝึกขุดเจาะ แต่เอานักขุดเจาะไปอวกาศ 555+) แต่ทั้งนี้หากเน้นดูเอาบันเทิง ดูเอาลุ้นกับภารกิจตัวละครว่ารอดไม่รอด มีปมเมโลดราม่า มีฉากแอคชั่น มีจุดชวนบีบน้ำตา พร้อมนักแสดงที่หล่อสวยแล้ว นี่คือหนังที่ตอบโจทย์เลยจริงๆ

Pearl Harbor (2001)

ราฟ แม็คคอว์ลีย์ และแดนนี่ วอล์เกอร์ สองนักบินหนุ่มที่เป็นเพื่อนสนิทกันประหนึ่งพี่น้อง  ที่ได้มีโอกาสเข้ามาฝึกเตรียมพร้อมรบด้วยกัน ในระหว่างนั้น ราฟ ได้พบกับ เอเวลีน พยาบาลสาวสวย จนเกิดเป็นความสัมพันธ์ขึ้นมา แต่แล้ววันหนึ่ง ราฟ ก็ได้เข้าร่วมกับหน่วยรบอวกาศ จนเกิดเหตุบางอย่างที่ทำให้เขาไม่ได้กลับบ้าน ทำให้แดนนี่ ก็ได้เข้ามาดูแลเอเวลีนแทนในช่วงนั้น ซึ่งเหตุการณ์ก็กลับตาลปัตรเมื่อ ราฟ กลับมาจนได้เผชิญกับเรื่องราวรักสามเส้าท่ามกลางสงครามอันรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ

แม้จะเป็นเรื่องราวประวัติศาสตร์ แต่พอมาอยู่ในมือของผู้กำกับอย่าง Michael Bay แล้ว มันก็ถูกดัดแปลง จนกลายเป็นหนังแอคชั่นสงครามที่แฝงไปด้วยเรื่องราวโรแมนติกรักสามเส้า ที่จัดเต็มไปด้วยความบันเทิง จนละเลยเรื่องจริงทางประวัติศาสตร์ไปอยู่ไม่น้อย อีกทั้งยังสร้างภาพลักษณ์ความเป้นฮีโร่ หรือพระเอกให้กับชาวอเมริกันอย่างเต็มที่ และโยนขี้ความเป็นตัวร้ายให้กับญี่ปุ่นแบบเต็มๆ ทำให้แม้ว่าหนังจะสามารถดูบันเทิงได้แบบไม่คิดมากหากมองเป็นหนังแอคชั่น โรแมนติกสักเรื่อง แต่สุดท้ายแล้วผลรวมที่ออกมา คนก็ยังยี้มันในฐานะหนังสงครามประวัติศาสตร์เรื่องนึงอยู่ดี

The Island (2005)

ลินคอล์น ซิกซ์-เอ็กโค ชายที่ตั้งคำถามกับสถานะกับตัวเองในทุกวันที่ตื่นขึ้นมา เพราะเขาและคนอื่นๆ อยู่ในสถานที่ปิดสำหรับผู้ที่รอดชีวิตจากภาวะปนเปื้นจากโลกภายนอก มีเพียงผู้ที่โชคดีจากการจับฉลากเท่านั้น ที่จะได้ออกไปจากที่แห่งนี้ เพื่อไปอยู่ที่เกาะสวรรค์ข้างนอกที่สุดแสนสบาย เขาได้รู้จักกับสาวสวยอย่าง จอร์แดน ทู-เดลต้า อีกหนึ่งสมาชิกของสถานที่ ที่ทั้งคู่ต่างมีใจให้กันแต่กลับใกล้ชิดกันไม่ได้ด้วยข้อกำหนดบางอย่าง จนกระทั่งวันหนึ่งที่ จอร์แดน ก็เป็นผู้โชคดีที่กำลังจะได้ไปเกาะสวรรค์ ซึ่งลินคอล์นเองก็ได้รับรู้ความลับบางอย่างของสถานที่แห่งนี้พอดี

อีกหนังไซไฟแบบกลวงๆ ของ Michael Bay ที่นักวิจารณ์ยี้ แต่คนดูกลับชอบ ด้วยพล็อตที่ดูล้ำๆ อนาคต มีลูกล่อลูกชนชวนติดตามที่น่าสนใจ สอดแทรกด้วยประเด็นศีลธรรมที่ชวนคิด ประกอบกับทีมดาราหนุ่มหล่อสาวสวยอย่าง Ewan McGregor และ Scarlett Johansson ก็ไม่แปลกใจนักหากจะถูกใจตลาดอยู่ไม่น้อย ด้วยฉากไล่ล่าที่ดูสนุก ฉากแอคชั่นระเบิดระเบ้อตามสไตล์ แม้ประเด็นของหนังจะยังไม่เข้มมากแบบที่หนังไซไฟควรจะเป็น แต่ก็ตอบสนองคอหนังสายแอคชั่นบันเทิงได้เป็นอย่างดี และเป็นอีกผลงานที่แฟนๆ Michael Bay ชื่นชอบกัน

Transformers (2007-2017)

แซม วิทวิคกี้ วัยรุ่นหนุ่มที่เพิ่งได้รถเชฟโรเลต คาเมโร่ รุ่นปี 76 มาใช้ ในระหว่างนั้น เขาได้รู้จักกับสาวสุดฮิตอย่าง มิเคล่า และมีโอกาสสานความสัมพันธ์กัน จนกระทั่งวันหนึงที่เจ้ารถของเขากลับกลายร่างเป็นหุ่นยนต์นามว่า บัมเบิ้ลบี และได้รวบรวมหุ่นฝั่งออโต้บอทส์ ที่เหลือเพื่อเตรียมทำสงครามกับ ดีเซปติตคอนส์ สองเผ่าพันธุ์จักรกลที่เป็นคู่อริกันมาช้านานหลายศตวรรษ โดยครั้งนี้จะมีโลกมนุษย์มาเป็นฉากหลังสงครามในครั้งนี้ เพื่อแย่งชิงแหล่งพลังงาน ออลสปาร์ค ที่จะทำให้ฝั่งดีเซปติคอนครองโลกได้ พวกเขาจึงต้องเข้าร่วมภารกิจปกป้องโลกในครั้งนี้

สำหรับภาคแรกของ Transformers นั้นทำให้เราเห็นว่า หากเป็นหนังที่เน้นความแอคชั่นอลังการแล้ว นับว่าเป็นงานถนัดที่เข้ามือของ Michael Bay เลยทีเดียว ไม่ว่าจะเป็นการเนรมิตฉากแปลงร่างหุ่นเป็นรถ หรือรถเป็นหุ่น ก็นับได้ว่าสร้างความตื่นตาตื่นใจเป็นอย่างมาก ไปจนถึงฉากการต่อสู้ของบรรดาหุ่นยนต์ก็ทำเอาแฟนบอย หรือติ่งหุ่นยนต์ทั้งหลายชื่นชอบกันเป็นอย่างดี แต่ด้วยความที่บทหนังเองนั้นแย่ลงเรื่อยๆ และตัวหนังก็ไม่มีอะไรมากไปกว่าหุ่นยนต์ตีกันในภาคหลังๆ ก็ทำให้ค่อยๆ ได้รับความนิยมที่น้อยลงไปพร้อมๆ กับวิจารณ์ที่โดนยำเละ จนทีมงานต้องพักแล้วมาตั้งตัวกันใหม่

Pain & Gain (2013)

แดเนียล ลูโก้ เทรนเนอร์ในยิมเพาะกายแห่งหนึ่งที่ดันอยากมีความฝันที่จะร่ำรวยแบบคนอื่นเขามากกว่าต้องมาทนทำงานปากกัดตีนถีบให้ลูกค้าของเขาคอยดูถูก เขาเลยหาแนวร่วมอย่าง พอล และเอเดรียน สองหนุ่มสุดล่ำที่ใช้บริการยิมแห่งนี้ ได้เขามาร่วมแผนลักพาตัว วิคเตอร์ ลูกค้าเศรษฐีรายหนึ่งเพื่อสวมรอยใช้ชีวิตของเขา แต่เรื่องราวกลับยุ่งเหยิงกว่าเดิม เมื่อทุกอย่างผิดแผนจนทำให้พวกเขาต้องพยายามทำทุกอย่างเพื่อรอดพ้นจากความผิดในครั้งนี้

หลังจากทำหนังใหญ่มาเยอะแยะ ก็ถึงเวลาที่ผู้กำกับ Michael Bay จะทำงานเล็กๆ สไตล์พักร้อนกันดูบ้าง กับการหยิบเอาเรื่องจริงที่เกิดขึ้นมาถ่ายทอดเป็นหนัง ที่ทั้งเสียดสีความฝันแบบ American Dream ที่หวังอยากได้อยากรวยและมีอิสระในชีวิต โดยตัวหนังเองก็ไม่ได้เน้นในฉากแอคชั่นอะไรมากมาย แม้ว่าจะได้แอคชั่นสตาร์แบบ Mark Walberg, Dwanyne Johnson (The Rock) และ Anthony Mackie แต่หนังกลับปรับโทนเป็นแนวอาชญากรรมตลกร้ายมากกว่า ซึ่งนับว่าทำออกมาได้ดูเพลินไม่น้อยเลย กับการพลิกมาทำแนวนี้บ้าง

13 Hours (2016)

6 นายทหารฝีมือดี ที่ต้องรับภารกิจบุกช่วยเหลือตัวประกันที่เป็นเจ้าหน้าที่เอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกา ในเบนกาซี ประเทศลิเบีย ที่เหล่าผู้ก่อการร้ายพร้อมอาวุธครบมือได้บุกเข้ามาโจมตีสถานทูต โดยที่พวกเขาต้องเสี่ยงชีวืตเพื่อป้องกันการโจมตีจากบรรดาผู้ก่อการร้ายจากทุกทิศทาง จนทำให้พวกเขาต้องคุ้มครองบรรดาเจ้าหน้าที่กว่า 36 คน รวมถึงการเอาชีวิตรอดของตัวเองด้วยในเวลา 13 ชั่วโมงนี้

หลังจากทำหนังสงครามสเกลใหญ่อย่าง Pearl Habor แต่กลับโดนวิจารณ์ยับ มารอบนี้จึงขยับสเกลมาให้เล็กลงหน่อย แต่เน้นโทนเข้มๆ และจริงจังมากขึ้น ซึ่งผลก็นับว่าออกมาดีเลยสำหรับกลุ่มคนดูที่ต่างเทใจให้กับหนังแอคชั่นแบบที่อิงเรื่องจริงกัน โดยโฟกัสแค่วีรกรรมของคนกลุ่มเล็กๆ มากกว่าเป็นสงครามระดับประเทศ รวมถึงสถานการณ์ในหนังที่ค่อนข้างบีบเค้น เน้นการเอาตัวรอด มันเลยออกมาเป็นหนังแอคชั่นสุดระทึกที่ค่อนข้างพอดีมือกับ Michael Bay อยู่มาก และมีแฟนๆ ที่ชอบมากเลยทีเดียว

6 Underground (2019)

มหาเศรษฐีคนหนึ่งที่ทนเห็นเรื่องเลวร้ายแต่กฏหมายจัดการไม่ได้ จึงทำการแกล้งตาย แล้วมาสร้างทีมรวมตัวของทีมนักฆ่าผู้มีฝีมือทั้ง 6 คนให้มาร่วมทำภารกิจกัน เพื่อให้เคลื่อนไหวภารกิจได้อย่างสะดวก โดยแต่ละคนมีตัวเลขประจำชื่อของตัวเอง ประกอบด้วยอดีตทหารนักแม่นปืน, สายลับ CIA, แพทย์สนาม, นักฆ่า และจอมโจร ที่ต่างทิ้งชีวิตเก่าของตัวเอง เพื่อมาทำภารกิจล้างบางเหล่าร้ายด้วยกัน

หนังเรื่องแรกของ Michael Bay ที่ทำให้กับ Netflix ซึ่งกระแสก็ยังคงแตกเช่นเคย กับฝั่งคนดูที่ชอบกับฝั่งนักวิจารณ์ที่ค่อนไปทางไม่ชอบ แต่ทั้งนี้ทุกฝ่ายก็มีความเห้นไปในทางเดียวกันเรื่อง การตัดต่อที่ชวนงงเสียเหลือเกิน ด้วยความที่ไม่ลำดับเวลา เราได้เลยได้รับรู้เรื่องราวเดี๋ยวปัจจุบันบ้าง อดีตบ้าง ประกอบกับการตัดที่ฉับไว ก็ยิ่งตามติดและประกอบเนื้อเรื่องได้ยาก ทั้งๆ ที่ตัวคาแรคเตอร์ของเรื่องราวก็ทำออกมาได้น่าสนใจ ประกอบกับฉากแอคชั่นก็ยังสนุกตามสไตล์หนังของเขา เลยเป็นอีกผลงานที่น่าเสียดายกับการเล่าเรื่องที่ยังไม่ดีพอ