TopGunMaverick_00

5 เหตุผลสำคัญที่ไม่อยากให้พลาด หนังแห่งปีอย่าง Top Gun: Marverick

สำหรับคอหนังยุค 80s คงไม่มีใครที่ไม่รู้จักหนังสุดเท่อย่าง Top Gun ฟ้าเหนือฟ้า ที่ได้ดาราหน้าหล่อในวัยหนุ่มช่วงนั้นอย่าง Tom Cruise มาเป็นนักบินมากฝีมือ แต่มั่นใจในตัวเองเกินไปจนเกิดปัญหาตามมาอยู่เรื่อย ซึ่งด้วยความหล่อเท่ ทั้งตัวพระเอกเอง รวมถึงเสื้อผ้าหน้าผม และเพลงที่ฮิตในยุคนั้นก็ทำให้หนังฮิตขึ้นมาได้ แต่เป็นอีกเรื่องที่ใครๆ ก็ยังกล่าวถึงมาจนถึงทุกวันนี้

โดยส่วนตัวแอดเองอาจจะไม่ได้เป็นแฟนคลับหนัง Top Gun ขนาดนั้น เนื่องจากเกิดไม่ทัน และพอเอามาดูที่หลังก็ไม่ค่อยเห็นความพิเศษของมันสักเท่าไร ต่างจาก Top Gun: Maverick ที่ดูดีในทุกทางมากๆ จนอยากชวนคนที่อาจจะรู้สึกเฉยๆ กับภาคแรกเหมือนกัน ให้ได้ลองมีโอกาสได้สัมผัสความดีงามในภาคนี้ ซึ่งหากใครที่อ่านแค่นี้แล้วยังไม่เชื่อ เราก็ได้เตรียมเหตุผลแบบเข้มๆทั้ง 5 เหตุผลกันเอาไว้ให้แล้ว

ยกระดับอัพเกรดทุกอย่าง จากภาคแรก

จากภาคแรกที่แสนธรรมดา ได้ถูกอัพเกรดทุกอย่างขึ้นมาในภาคนี้ ไม่ว่าจะเป็นมิติตัวละครที่เติบโตขึ้น มีความลึกขึ้น เนื้อหาของเรื่องที่แม้จะเน้นเล่าง่าย ลีลาน้อยเหมือนเดิม แต่พอเพิ่มเติมด้วยดราม่าเข้มๆ ฉากแอคชั่นเดือดๆ พร้อมทั้งดนตรีประกอบชวนลุ้น ก็ทำเอานั่งไม่ติดเก้าอี้ได้อยู่เหมือนกัน เหมือน Tom Cruise ผู้ที่เป็น Producer ของเรื่องเองก็รู้ว่า แฟนๆ Top Gun นั้นต้องการอะไร และแฟนๆ หน้าใหม่ที่อาจจะไม่ทันดูภาคแรก หลังจากทิ้งห่างมา 36 ปีแล้วต้องการอะไรเช่นกัน 

ทำให้ผลงานนี้มันเต็มไปด้วยความปราณีต และใส่ในรายละเอียดมากๆ ทุกส่วนที่หนังสามารถยกระดับขึ้นมาได้ก็ทำหมดจริงๆ ทำให้ใครที่อาจจะเคยเฉยๆ กับภาคแรก ก็น่าจะสนุกขึ้นกับภาคนี้ได้ไม่ยากเลย และอาจจะกลายเป็นชอบหนังชุดนี้ทั้งสองภาคควบไปเลย

ไม่ต้องดูภาคแรกมา ก็สนุกไปกับภาคนี้ได้

แม้จะขึ้นชื่อว่าหนังภาคต่อ แต่จริงๆ ก็สามารถดูเดี่ยวๆ ได้แบบไม่น่าเกลียดนัก เพราะส่วนที่เชื่อมต่อมาจากภาคแรก ก็จะมีเรื่องราวของลูกชายเพื่อนสนิทของ Maverick ที่เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของทีมด้วย ซึ่งหนังก็มี Flashback อะไรให้เรียบร้อยเสร็จสรรพ ว่าเพื่อนของนั้นดันเกิดอุบัติเหตุตาย ในขณะที่ยังมีลูกเมียอยู่ ส่วนตัวละครเดิมๆ ก็มีโผล่มาบ้างอย่าง Iceman หนังก็ทำรูปเก่าๆ ออกมาได้เห็นอยู่แล้วถึงความสัมพันธ์ที่พวกเขามีในภาคแรก

ทำให้ถึงจะไม่ได้ดูภาคแรกมา เราก็พอที่จะประติดประต่อได้แหละว่าเรื่องราวมันเกิดอะไรขึ้นมาบ้าง และหนังก็มาเน้นภารกิจใหม่ในภาคนี้กันอยู่ดี พร้อมๆ กับทีมฝูงบินใหม่ รับรองได้ว่าดูเรื่อง และยังสนุกไปกับมันได้อย่างแน่นอน

Tom Cruise กับอีกบทบาท ที่เกิดมาเพื่อเขา

หากจุดขาย Tom Cruise ในภาคแรก คือหล่อ เท่ แบบวัยรุ่นแล้ว ในภาคนี้ก็คือความเก๋าเกม เท่แบบคนมีอายุที่ผ่านประสบการณ์มาเยอะแล้ว เพราะคือจริงๆ ตัวละคร Maverick นี่ก็ยังเป็นคนเดิมแหละ ทั้งความซ่าที่ชอบท้าทาย ความแหกกฏ แต่เหนืออื่นใด ด้วยความที่เขามีความสามารถมาก ก็ทำให้รอดพ้นมาได้ตลอด กับภาคนี้เราก็ยังเห็นความเก๋าเกม ของตัวละคร ที่ยิ่งดูไป จะยิ่งรู้สึกว่า มันคือบทที่ทำมาเพื่อเขาเองจริงๆ เสมือนเป็นชุดที่มีแค่เพียงคนเดียวในโลกที่ใส่ได้พอดีเท่านั้น 

เพราะเราคงนึกไม่ออกแล้วจริงๆ ว่าจะมีใครที่รับบทนี้ได้เท่ขนาดนี้อีกแล้ว นับเป็นอีกบทบาทที่สร้างมาได้อย่างเหมาะเจาะ และน่าจดจำในโลกภาพยนตร์มากเลยจริงๆ จนก็แอบสงสัยอยู่เหมือนกันว่าชายอายุ 60 มันจะเท่อะไรได้ขนาดนี้เลยหรอ!

ฉากในเครื่องสุดมันส์ ที่ต้องลุ้นจนลืมหายใจ

ส่วนนึงอาจจะเป็นเทคโนโลยี ที่เพิ่มความสมจริงๆ ได้มากกว่า เสมือนว่าคนดูได้เข้าไปเป็นส่วนนึงในเครื่องบินเลย ซึ่งฉากการบินเหินเวหาต่างๆ ในภาคนี้ ทำออกมาได้ดีมากๆ ทั้งในช่วงซ้อม ที่ประกอบกับภาพกราฟฟิคในจอ ทำให้เราเห็นภาพว่าตัวละครกำลังทำอะไรอยู่ แล้วมันยากโหดหินขนาดไหน ซึ่งพอได้จังหวะตัดต่อแบบเซียนๆ แล้ว ยิ่งรู้สึกสมจริงขึ้นด้วย จนกระทั่งหนังเองลากไปสู่ไคลแมกซ์ได้ตอนท้าย

ที่ระเบิดความมันส์แบบปล่อยของกันมาแบบเต็มที่ ทั้งภาพในเครื่อง ภาพมุมบน ภาพมุมกว้าง ล้วนทำออกมาได้สวย และสัมผัสได้ถึงความเร็ว ความอันตราย ที่ตัวละครพร้อมตายได้ทุกเมื่อ ซึ่งในช่วงท้ายนั้น หากไม่อวยกันเกินไป ก็อาจจะเรียกได้ว่าเป็นฉากสงครามบนท้องฟ้าที่ดีที่สุดอีกเรื่องในโลกภาพยนตร์เลยด้วยซ้ำ เพราะลีลาเขาเยอะดีจริงๆ

ซาวด์ประกอบเบาะสั่น ที่ต้องดูในโรงเท่านั้น

จุดขายจริงๆ ของหนังตั้งแต่ตอนตัวอย่างที่ออกมาแล้วก็คือเสียงที่กระหึ่มของเครื่องบิน ที่แบบจัดหนักจัดเต็มมาก ขนาดเป็นตัวอย่างในโรงธรรมดาก็ยังเบาะสั่นสะเทือน ส่วนโรง Imax นี่ก็เป็นระดับสั่นสะท้านกันไปเลย นอกจากเสียงประกอบของบรรดาเครื่องยนต์ และเสียงลมที่เครื่องเคลื่อนผ่านแล้ว หนังยังเต็มไปด้วยสกอร์ระดับเทพจากฝีมือของเสด็จพ่อ Han Zimmer ผู้รังสรรค์ ดนตรีประกอบได้อย่างชวนตื่นเต้น และขับเน้นฉากต่างๆ ให้เดือดระอุขึ้นแบบทวีคูณกันไปเลย จึงไม่แปลกใจนักหากหนังจะไม่ยอมขายให้ฉายลงใน Streaming ใดๆ ก่อนที่จะมาฉายโรง