V For Vendetta (2005)

เพชรฆาตหน้ากากพญายม

V For Vendetta Poster
9/10

คะแนน
โกดังหนัง

หนังแอคชั่น การเมือง ล้มล้างเผด็จการที่สันดานเดียวกันทุกคน สร้างสรรค์สุดยอดฮีโร่โค่นระบอบได้อย่างน่าจดจำ

หมวดหมู่ : Action Drama Sci-Fi
สัญชาติ : American
กำกับโดย : James McTeigue
ความยาว : 2 ชั่วโมง 12 นาที
นักแสดงนำ : Hugo Weaving, Natalie Portman, Rupert Graves

คำคมจากภาพยนตร์

“People should not be afraid of their government , government should be afraid of their people.”
“ประชาชนไม่ควรที่จะต้องมากลัวรัฐบาล รัฐบาลต่างหากที่จะต้องกลัวประชาชนของเขา”

เรื่องย่อ

อีวีย์ พนักงานประจำสถานีโทรทัศน์แห่งหนึ่ง ใช้ชีวิตอยู่ภายใต้ประเทศอังกฤษที่ปกครองด้วยอำนาจเผด็จการของ อดัม ซัทเลอร์ อดีตนายพล ที่ขึ้นมาเป็นใหญ่และใช้กฏระเบียบแบบเบ็ดเสร็จ ทั้งการใช้ข้อมูลข่าวสารที่บิดเบือน โกหกประชาชน รวมไปถึงการสอดแนมประชาชนอยู่ทุกฝีก้าว จนทำให้ประชาชนไม่สามารถทำอะไรได้ วันหนึง อีวีย์ ได้ออกมาจากหลังเคอร์ฟิว และถูกเจ้าหน้าที่ทำร้าย เลยได้พบกับ วี ชายในหน้ากาก “กายฟอร์ค” ที่ดูเหมือนเป็นคนประหลาดแต่มีอุดมการณ์แน่วแน่ในการเรียกร้องความเป็นธรรมให้กับประชาชนภายใต้อำนาจของเผด็จการนี้ และให้ประชาชนได้ลุกฮือขึ้นมาต่อสู้ ทำให้โครงสร้างทุกอย่างต้องเปลี่ยนแปลงไปตลอดการล

หนังเรื่องนี้เหมาะกับใคร

สำหรับ V For Vendetta แม้หน้าหนังจะดูออกมาเป็นหนังซุปเปอร์ฮีโร่ใส่หน้ากากออกมาวาดลวดลวยโค่นเหล่าร้าย ผ่านฉากแอคชั่นเท่ๆ ต่างๆ ในแบบที่หนังพยายามโปรโมท แต่เอาเข้าจริง มันกลับกลายเป็นหนังแอคชั่นที่เน้นหนักไปกับการเมืองได้อย่างเข้มข้น และสะท้อนสภาพสังคมของประเทศที่มีการปกครองในรูปแบบของเผด็จการ หรือประชาธิปไตยแบบปลอมได้อย่างเจ็บแสบ อีกทั้งในส่วนฉากแอคชั่นแม้ว่าจะมาน้อย แต่ก็มันส์นะ นับเป็นอีกหนังแอคชั่นการเมืองระดับขึ้นหิ้งอีกเรื่องที่อยากแนะนำกันสุดๆ ถ้าใครชอบหนังฮีโร่สายดาร์คสไตล์ Watchmen หรือ Sin City แล้ว นี่คืออีกเรื่องสำหรับคุณแบบไม่ต้องสงสัย

  • สายหนังแอคชั่นการเมือง
  • สายหนัง Antihero สุดมันส์
  • สายหนังฮีโร่ดาร์คๆ

รีวิว / สรุปเนื้อหา

สุดยอดหนังแอคชั่นการเมืองที่เข้มข้นถึงใจ และเต็มไปด้วยประเด็นที่ชวนขบคิดได้ตลอดทั้งเรื่อง จากผลงานคอมมิคในชื่อเดียวกันของ อลัน มัวร์ นักเขียนการ์ตูนฮีโร่สายดาร์คเสียดสีสังคม อย่าง Watchmen, Batman The Killing Joke ที่คราวนี้เขาก็ได้สร้างสรรค์ V ตัวละครสไตล์ฮีโร่ (สายดาร์คอีกนั่นแหละ) ที่อยู่ภายใต้หน้ากากที่หวังล้มล้างระบบเผด็จการขึ้นมาได้อย่างเท่เหลือเกิน แถมเนื้อหาก็ยังไปในเชิงการเมืองแทบจะเต็มตัว ที่ว่าด้วยการต่อสู้ของประชาชนกับระบอบเผด็จการ โดยมีฉากแอคชั่นประกอบไม่เยอะมากนัก ซึ่งผลงานนี้ก็การทำขึ้นมาเพื่อเสียดสี และวิพากษ์วิจารณ์ถีง มากาเร็จ แทตเชอร์ ผู้ดำรงตำแหน่งนายกหญิงในสมัยนั้น ที่ทำตัวคล้ายกับเผด็จการซะเหลือเกิน

อาจเป็นเพราะเผด็จการมีสันดานที่เหมือนกันไม่เคยเปลี่ยน เลยทำให้หนังที่เกี่ยวข้องกับเผด็จการในทุกยุคทุกสมัย รวมถึงเผด็จการในชีวิตจริง ก็จะมีลักษณะที่ละม้ายคล้ายกันไปหมด เหมือนอย่างที่เราเห็นในหนัง ทั้งการพยายามปิดหูปิดตาประชาชน และใส่คำลวงที่ไม่เป็นความจริงยัดหัวประชาชนเข้าไปแทน ใช้การสอดส่องประชาชนอย่างใกล้ชิด ลดการให้ความรู้ เพื่อป้องกันความฉลาดที่จะเกิดขึ้นจนให้คนมีความรู้มากพอที่จะลุกฮือกันขึ้นมาต่อต้านกันในอนาคต ซึ่งหนังเรื่องนี้ก็ถ่ายทอดแทบจะทุกประเด็นของนิสัยเผด็จการที่ดูคล้ายๆ กับเรื่องใกล้ตัวคนดูเหลือเกิน

ด้วยประเด็นที่เข้มข้นอยู่แล้ว แล้วถูกนำมาขยี้ซ้ำ 10 แรงมือจากการเขียนบทของพี่น้อง Wachowski จาก The Matrix พร้อมกับดันผู้กำกับกองสองของหนังเรื่องนั้นมาขึ้นแท่นผู้กำกับเต็มตัวในหนังเรื่องนี้ จึงทำให้องค์ประกอบแต่ละอย่างในหนังต่างสอดประสานกันเป็นอย่างดี เสมือนเป็นวงออเครสต้าที่จังหวะเข้ากันไปในทุกส่วน ทั้งการเดินเรื่องด้วยประเด็นที่เข้มข้น ผ่านบทสนทนาชั้นดี ทีละสายตาไปจากตัวหนังไมไ่ด้เลย รวมถึงงานการแสดงของ Natalie Portman ก็เรียกได้ว่าทุ่มสุดตัวมากๆ และกับ Hugo Weaving เองในบท V นี่ก็เท่เหลือหลาย แม้จะไม่เห็นหน้าค่าตาของเขา แต่ด้วยท่าทางต่างๆ และน้ำเสียงที่เขาแสดงออกมา (จากการพากษ์ทับ) ก็สร้างความโดดเด่นได้มากพอ ที่จะทำให้ตัวละครนี้เป็นอีกหนึ่ง Iconic ที่น่าจดจำเป็นอย่างยิ่งในโลกภาพยนตร์ได้เลย 

เกร็ดจากหนังเรื่องนี้

  • ในฉากที่ V แตะโดมิโน่ให้ล้มเรียงลงมาจนเป็นสัญลักษณ์ของเขานั้น ต้องใช้ Dominoes กว่า 22,000 ชิ้น และใช้ผู้เชี่ยวชาญในการวางโดมิโน่ถึง 4 คน กับเวลาถึงกว่า 200 ชั่วโมงในการจัดให้เป็นรูปตามที่เราเห็นในหนัง ซึ่งก็เรียกว่าคุ้มค่า เพราะมันออกมาอย่างเท่เลยทีเดียว
  • ทุกๆ บทพูดของตัวละคร V นั้น ต้องอาศัยการพากษ์ทับทั้งเรื่อง เนื่องจากการพยายามวางไมค์เข้าไปในหน้ากาก หรือการเหน็บไว้กับตัวนักแสดง Hugo Weaving นั้น ล้วนแล้วแต่ไม่ประสบความสำเร็จสักอย่าง การพากษ์เสียงทับจึงเป็นทางออกที่ดีที่สุด แต่มันก็เข้ากับท่าทางของเขาเป็นอย่างดี