The Curious Case of Benjamin Button (2008)
เบนจามิน บัททอน อัศจรรย์ฅนโลกไม่เคยรู้
คะแนน
โกดังหนัง
พล็อตสุดเจ๋งว่าด้วยชายที่ใช้ชีวิตอายุย้อนกลับหลัง ที่นำไปสู่เรื่องราวชวนพิศวงของชีวิต และ CG บนใบหน้าของ Brad Pitt ในวัยหนุ่มคือที่สุดของความหล่อ
คำคมจากภาพยนตร์
“Wait, I wanna remember us just as we are now.”
“เดี๋ยวก่อน, ผมต้องการจดจำเรา ในแบบที่เราเป็นอยู่ตอนนี้”
เรื่องย่อ
เบนจามิน บัททอน ชายที่เกิดมาด้วยความผิดปกติทางร่างกาย ด้วยสภาพที่เหมือนคนอายุ 80 ปี ที่เต็มไปด้วยโรคของคนชรามากมายเต็มไปหมด หลายๆ คนคิดว่าเขาจะตายก่อนได้โต แต่เรื่องราวกลับไม่เป็นอย่างนั้น เมื่อ เบนจามิน กลับรอดมาได้ด้วยร่างกายที่ค่อยๆ เด็กขึ้นเรื่อยๆ สวนทางกับชีวิตของคนอื่นๆ ที่แก่ลงไปตามกาลเวลา เขาจึงเริ่มต้นใช้ชีวิตที่สวนทางนี้ผ่านยุคสมัยต่างๆ นับตั้งแต่ปลายสงครามโลกครั้งหนึ่งไปจนถึงศตวรรษที่ 21 ด้วยชีวิตที่ไม่เหมือนใคร
หนังเรื่องนี้เหมาะกับใคร
สำหรับ The Curious Case of Benjamin Button เหมาะสำหรับคนที่ชอบพล็อตหนังที่ไม่เหมือนใคร เพราะเรื่องราวชายที่ใช้ชีวิตย้อนกลับหลัง ก็ยังไม่เคยเห็นใครทำมาก่อน (เคยมีแต่เป็น Novel) แล้วพอมาอยู่ในมือของผู้กำกับอย่าง David Fincher แล้วก็ยิ่งได้คุณภาพงานปราณีตเข้าไปใหญ่ จนเรียกได้ว่าหากใครอยากดูหนัง Fincher สายซอฟ ที่ลดความดาร์คแล้ว เรื่องนี้น่าจะตอบโจทย์ได้มาก หรือใครที่อยากเห็น Brad Pitt ในจุดที่หล่อขั้นสุดอีกครั้ง ในหนังแบบ Fight Club แล้ว (แต่เป็นในลุคสะอาดสะอ้านกว่านะ) ก็อยากแนะนำขั้นสุดเลย
- สายหนังรางวัลคุณภาพ
- สายหนังพล็อตเรื่องแปลก
- สายหนังเรียนรู้ชีวิต
รีวิว / สรุปเนื้อหา
แม้พล็อตของเรื่องราวนั้นจะมาเหนือชั้น แต่หัวใจของหนังที่ถ่ายทอดออกมาก็หนีไม่พ้นในเรื่องของความรัก และความเข้าใจในสัจธรรมของชีวิต ที่ทำออกมาได้ดี และมีอะไรให้เราได้ติดตามกันตลอดเวลา 2 ชั่วโมงครึ่งเลยทีเดียว เพราะในส่วนของเรื่องราวก็สามารถแบ่งแต่ละพาร์ทออกมาได้อย่างตัว ทั้งตัวโครงเรื่องหลักที่เล่าถึงไดอารี่ของ เบนจามิน ตั้งแต่ในวัยเด็กจนถึงช่วงวาระสุดท้ายของชีวิต ไปจนถึงโครงเรื่องย่อยๆ ที่เกิดขึ้นผ่านมุมมองตัวละครอื่นๆ ในเรื่อง ที่อาศัยการจัดวางลำดับเรื่องราวมาเป็นอย่างดี และร้อยเรียงให้ออกมาเข้าใจง่าย ไม่มีเบื่อ ไม่มีงงกันอย่างแน่นอน
ในแง่ของการออกแบบตัวละครในเรื่องก็ทำให้หนังสร้างประเด็นให้กับเรื่องราวได้เป็นอย่างดี ในช่วงต้นชีวิต เบนจามิน ที่ต้องใช้ชีวิตในบ้านพักคนชรา ด้วยสภาพสังขารของเขา ก็ทำให้เขาได้เรียนรู้สัจธรรมชีวิตของการจากโลกนี้ไปได้ดีกว่าใคร เพราะเขาจะต้องเผชิญกับคนที่ต้องจากไปอยู่เสมอ และเรียนรู้ที่จะใช้ชีวิตอย่างเต็มที่ก่อนที่จะสายเกินไป ไปจนถึงเมื่อเติบโตขึ้นมา ในแง่มุมของความรักก็เต็มไปด้วยอุปสรรคที่น่าสนใจ เมื่อคนนึงมีชีวิตที่เดินหน้าปกติ แต่อีกคนกลับมีอายุที่สวนทาง ทำให้เมื่อคบกันไปตัว เบนจามิน เองกลับหนุ่มขึ้นเรื่อยๆ ก็เป็นอีกรูปแบบความรักที่เป็นรักแท้ที่ทำออกมาได้ชวนซาบซึ้งจริงๆ
การที่ดูหนังเรื่องนี้จนจบ เป็นเสมือนการได้ดูการเดินทางชีวิตของคนๆ หนึ่งตั้งแต่เกิดยันตาย “ในมุมกลับ” ที่สร้างความน่าสนใจให้กับเรื่องราวได้มากขึ้น ซึ่งตัวหนังก็เก็บประเด็นเรื่องราวเหล่านี้เป็นอย่างดี ประกอบกับองค์ประกอบด้านอื่นๆ ของหนังก็เอื้อต่อหนังเป็นอยู่มาก จนสามารถเข้าชิงรางวัลออสการ์ได้เป็นจำนวนมากถึง 13 รางวัล และได้กลับมาถึง 3 รางวัลด้วย นับได้ว่าเป็นอีกหนึ่งหนังที่เต็มเปี่ยมไปด้วยคุณภาพทั้งงานศิลป์ทุกด้าน ในส่วนดาราก็จัดกันเต็มสุดๆ โดยเฉพาะตัว Brad Pitt เองที่ถ่ายทอดที่ช่วงชีวิตออกมาได้อย่างดี และหล่อระดับ Max มากๆ ในช่วงที่เป็นวัยหนุ่ม จนทำให้เราคิดถึงหนังของเขาในช่วงนั้นมากจริงๆ
เกร็ดจากหนังเรื่องนี้
- Brad Pitt พูดถึงการทำ Makeup ในเรื่องนี้เอาไว้ว่าต้องเสียเวลากว่า 5 ชั่วโมงต่อวัน ในการแต่งเป็นตัวละครในช่วงวัยแก่
- นี่คือหนังสายซอฟของ David Fincher อย่างแท้จริง เพราะเป็นหนังเรื่องแรกของเขาได้ที่ Rate PG-13 ทั้งที่เรื่องก่อนหน้าเป็น Rate R ทั้งหมด
- ไอเดียของเรื่องราวชายที่เริ่มต้นใช้อายุถอยหลัง มาจากนิยาย Diary of God จากนักเขียนชาวฝรั่งเศส Pierre Daninos ในปี 1947