Taken 3 (2015)

ฅนคมล่าไม่ยั้ง

Taken 3 Poster
7/10

คะแนน
โกดังหนัง

อาจไม่ได้สาดฉากแอ็คชั่นมันส์ๆเร้าใจ
หนังเลือกเล่าความสัมพันธ์ของตัวละครแทน
และใส่จุดหักมุมไปมาซึ่งมันเป็นความบันเทิงที่ใช้ได้เลยละ

หมวดหมู่ : Action
สัญชาติ : American
กำกับโดย : Olivier Megaton
ความยาว : 1 ชั่วโมง 55 นาที
นักแสดงนำ : Liam Neeson, Maggie Grace, Forest Whitaker

คำคมจากภาพยนตร์

“No matter what anyone says, don't trust them." “ ไม่ว่าใครจะพูดยังไงก็อย่าไว้ใจพวกเขา"

เรื่องย่อ

เรื่องราวความสัมพันธ์ระหว่าง “ลีนอร์” และ “สจ๊วต” สามีใหม่เริ่มสั่นคลอนลง เปิดโอกาสให้มิลล์กลับมาเพาะบ่มความรักของเขาและอดีตภรรยาอีกครั้ง แต่แล้วเหตุการณ์ไม่คาดฝันกลับเกิดขึ้น เมื่อ “ลีนอร์” ถูกฆาตรกรรมภายในห้องพัก และมิลล์ถูกกล่าวหาว่าเป็นฆาตรกรมือสังหารภรรยาตัวเอง เขาจำเป็นต้องหลบหนีการตามล่าทั้งจาก ซีไอเอ เอฟบีไอ และเจ้าหน้าที่ตำรวจสุดกำลังชีวิต ภารกิจการตามล่าหาตัวฆาตรกรตัวจริงของมิลล์ดำเนินขึ้นอีกครั้ง แต่ครั้งนี้ไม่ใช่เพียงเพื่อล้างแค้นหรือพิสูจน์ความบริสุทธิ์ให้ตัวเองเท่านั้น แต่ยังเพื่อปกป้อง “คิม” ลูกสาวคนเดียวและเป็นสิ่งสำคัญเดียวที่เขาเหลืออยู่

หนังเรื่องนี้เหมาะกับใคร

สำหรับ Taken 3 อาจไม่ได้มันส์สะใจเหมือนใน 2 ภาคแรกที่เน้นฉากแอ็คชั่นแบบบุกหนักลุยแหลกให้ตายไปข้างหนึ่ง โดยไม่พึ่งพา  CG หรืออะไรมาเติมแต่งให้มากมาย หนังภาคนี้เลยโฟกัสไปยังความรู้สึกความสัมพันธ์ของตัวละครเป็นหลัก พล็อตเรื่องเรียบง่ายไม่ซับซ้อนไขปมปริศนาที่ค้างคาสงสัย ป๋าเลียมออกโรงบู๊และเผชิญหน้ากับคนร้ายอีกตามเคย หนังมีซีนดราม่าผสมผสานกับฉากแอ็คชั่นแบบ Old School

  • สายหนังแอคชั่นมันส์สะใจ
  • สายหนังอาชญากรรมเนื้อเรื่องเข้มข้น
  • สายหนังบู๊สไตล์ป๋าเลียม

รีวิว / สรุปเนื้อหา

หลายคนที่ได้ดูอาจจะรู้สึกผิดหวังทำไมไม่สาดความมันส์ด้วยฉากแอ็คชั่นแบบ   2 ภาคแรกที่ถล่มเมืองกันวอดวายไปหมด แต่ภาคนีรู้สึกได้ถึงความมีเนื้อมีหนังของมันมากกว่า เพราะภาคนี้หนังได้ยัดเอาดราม่าเข้ามาให้มีสีสันไปกับเรื่องราวด้วย หนังแบ่งพื้นที่ให้ตัวละครใหม่ต่างๆได้มีโอกาสเข้ามามีบทบาท พร้อมโทนหนังที่ซัดพาเข้าฝั่งดราม่า พูดยืดยาวไปซะ 40% นอกเหนือจากนั้นเราก็อาจจะได้เห็นซีนแอ็คชั่นที่ตื่นตาตื่นใจดุเดือดเลือดพล่าน แบบที่ไม่เคยเห็นมาก่อนในภาคไหน หนังเพิ่มพื้นที่ให้กับการสืบสวนไล่ล่า การวางแผนแทน

หนังใส่ประเด็นการพลิกปมหักมุมต่างๆนานา ไม่มีความสดใหม่เท่าไหร่นัก ยังเป็นผลงานที่ดูได้เพลินๆ และบันเทิงเริงระห่ำบ้างอะไรบ้างก็เท่านั้นเอง ที่น่าเจ็บใจก็คือ ภรรยาของป๋าในเรื่องที่ตาลีตาเหลือกช่วยกันมาตั้งแต่ภาคแรก ภาคนี้ก็เอามาตายง่ายๆตั้งแต่ต้นเรื่องซะงั้น  ซึ่งก็ทำให้รู้สึกว่าจริงๆแล้ว ไม่ต้องมีภาคนี้ก็ได้ เพราะเหมือนจะทำให้อะไรที่ดีมาอยู่แล้ว กลับออกทะเลไปอย่างง่ายดาย แต่สุดท้ายหนังก็ยังถือเป็นงานที่ชมแล้วสร้างความบันเทิงได้ดีอยู่

ส่วนลุง Liam วัยวุฒิที่สามารถสร้างความน่าเชื่อถือให้กับแคแรกเตอร์ได้ แต่ถ้าถามว่าเป็นภาคสุดท้ายที่ปิดไตรภาคได้มันส์และกลมกล่อมที่สุดไหม ก็ยังถือว่ายัง เพราะมาตรฐานที่ภาคหนึ่งสร้างเอาไว้นั้น คือดีกว่านี้และตอบโจทย์ผู้ชมมากกว่านี้ด้วย แถมยังได้เห็นความเป็นพ่อที่ปกป้องลูกได้ดีเหลือเชื่อกลายเป็น Family Man แทน

.

เกร็ดจากหนังเรื่องนี้

  • เดิมที Liam Neeson ไม่มีความคิดกลับมาแสดงหนังในภาคที่ 3
  • 20th Century Fox และ EuropaCorp ต้องการให้มีหนังภาค 3 เลยไปโน้มน้าว Liam Neeson กลับมาเพราะมั่นใจว่าหนังทำเงินได้อยู่