Taken 3 (2015)
ฅนคมล่าไม่ยั้ง
คะแนน
โกดังหนัง
อาจไม่ได้สาดฉากแอ็คชั่นมันส์ๆเร้าใจ
หนังเลือกเล่าความสัมพันธ์ของตัวละครแทน
และใส่จุดหักมุมไปมาซึ่งมันเป็นความบันเทิงที่ใช้ได้เลยละ
หมวดหมู่ : | Action |
สัญชาติ : | American |
กำกับโดย : | Olivier Megaton |
ความยาว : | 1 ชั่วโมง 55 นาที |
นักแสดงนำ : | Liam Neeson, Maggie Grace, Forest Whitaker |
คำคมจากภาพยนตร์
“No matter what anyone says, don't trust them." “ ไม่ว่าใครจะพูดยังไงก็อย่าไว้ใจพวกเขา"
เรื่องย่อ
เรื่องราวความสัมพันธ์ระหว่าง “ลีนอร์” และ “สจ๊วต” สามีใหม่เริ่มสั่นคลอนลง เปิดโอกาสให้มิลล์กลับมาเพาะบ่มความรักของเขาและอดีตภรรยาอีกครั้ง แต่แล้วเหตุการณ์ไม่คาดฝันกลับเกิดขึ้น เมื่อ “ลีนอร์” ถูกฆาตรกรรมภายในห้องพัก และมิลล์ถูกกล่าวหาว่าเป็นฆาตรกรมือสังหารภรรยาตัวเอง เขาจำเป็นต้องหลบหนีการตามล่าทั้งจาก ซีไอเอ เอฟบีไอ และเจ้าหน้าที่ตำรวจสุดกำลังชีวิต ภารกิจการตามล่าหาตัวฆาตรกรตัวจริงของมิลล์ดำเนินขึ้นอีกครั้ง แต่ครั้งนี้ไม่ใช่เพียงเพื่อล้างแค้นหรือพิสูจน์ความบริสุทธิ์ให้ตัวเองเท่านั้น แต่ยังเพื่อปกป้อง “คิม” ลูกสาวคนเดียวและเป็นสิ่งสำคัญเดียวที่เขาเหลืออยู่
หนังเรื่องนี้เหมาะกับใคร
สำหรับ Taken 3 อาจไม่ได้มันส์สะใจเหมือนใน 2 ภาคแรกที่เน้นฉากแอ็คชั่นแบบบุกหนักลุยแหลกให้ตายไปข้างหนึ่ง โดยไม่พึ่งพา CG หรืออะไรมาเติมแต่งให้มากมาย หนังภาคนี้เลยโฟกัสไปยังความรู้สึกความสัมพันธ์ของตัวละครเป็นหลัก พล็อตเรื่องเรียบง่ายไม่ซับซ้อนไขปมปริศนาที่ค้างคาสงสัย ป๋าเลียมออกโรงบู๊และเผชิญหน้ากับคนร้ายอีกตามเคย หนังมีซีนดราม่าผสมผสานกับฉากแอ็คชั่นแบบ Old School
- สายหนังแอคชั่นมันส์สะใจ
- สายหนังอาชญากรรมเนื้อเรื่องเข้มข้น
- สายหนังบู๊สไตล์ป๋าเลียม
รีวิว / สรุปเนื้อหา
หลายคนที่ได้ดูอาจจะรู้สึกผิดหวังทำไมไม่สาดความมันส์ด้วยฉากแอ็คชั่นแบบ 2 ภาคแรกที่ถล่มเมืองกันวอดวายไปหมด แต่ภาคนีรู้สึกได้ถึงความมีเนื้อมีหนังของมันมากกว่า เพราะภาคนี้หนังได้ยัดเอาดราม่าเข้ามาให้มีสีสันไปกับเรื่องราวด้วย หนังแบ่งพื้นที่ให้ตัวละครใหม่ต่างๆได้มีโอกาสเข้ามามีบทบาท พร้อมโทนหนังที่ซัดพาเข้าฝั่งดราม่า พูดยืดยาวไปซะ 40% นอกเหนือจากนั้นเราก็อาจจะได้เห็นซีนแอ็คชั่นที่ตื่นตาตื่นใจดุเดือดเลือดพล่าน แบบที่ไม่เคยเห็นมาก่อนในภาคไหน หนังเพิ่มพื้นที่ให้กับการสืบสวนไล่ล่า การวางแผนแทน
หนังใส่ประเด็นการพลิกปมหักมุมต่างๆนานา ไม่มีความสดใหม่เท่าไหร่นัก ยังเป็นผลงานที่ดูได้เพลินๆ และบันเทิงเริงระห่ำบ้างอะไรบ้างก็เท่านั้นเอง ที่น่าเจ็บใจก็คือ ภรรยาของป๋าในเรื่องที่ตาลีตาเหลือกช่วยกันมาตั้งแต่ภาคแรก ภาคนี้ก็เอามาตายง่ายๆตั้งแต่ต้นเรื่องซะงั้น ซึ่งก็ทำให้รู้สึกว่าจริงๆแล้ว ไม่ต้องมีภาคนี้ก็ได้ เพราะเหมือนจะทำให้อะไรที่ดีมาอยู่แล้ว กลับออกทะเลไปอย่างง่ายดาย แต่สุดท้ายหนังก็ยังถือเป็นงานที่ชมแล้วสร้างความบันเทิงได้ดีอยู่
ส่วนลุง Liam วัยวุฒิที่สามารถสร้างความน่าเชื่อถือให้กับแคแรกเตอร์ได้ แต่ถ้าถามว่าเป็นภาคสุดท้ายที่ปิดไตรภาคได้มันส์และกลมกล่อมที่สุดไหม ก็ยังถือว่ายัง เพราะมาตรฐานที่ภาคหนึ่งสร้างเอาไว้นั้น คือดีกว่านี้และตอบโจทย์ผู้ชมมากกว่านี้ด้วย แถมยังได้เห็นความเป็นพ่อที่ปกป้องลูกได้ดีเหลือเชื่อกลายเป็น Family Man แทน
.
เกร็ดจากหนังเรื่องนี้
- เดิมที Liam Neeson ไม่มีความคิดกลับมาแสดงหนังในภาคที่ 3
- 20th Century Fox และ EuropaCorp ต้องการให้มีหนังภาค 3 เลยไปโน้มน้าว Liam Neeson กลับมาเพราะมั่นใจว่าหนังทำเงินได้อยู่