Sherlock holmes (2009)
เชอร์ล็อค โฮล์มดับแผนพิฆาตโลก
คะแนน
โกดังหนัง
Sherlock Holmes ในฉบับของผู้กำกับสุดยียวนกวนส้นเท้า ที่ทำออกมาได้สดใหม่ กับภารกิจไขคดีสุดมันส์ ฮา และยังคงความอัจฉริยะเอาไว้ครบถ้วน
คำคมจากภาพยนตร์
“Never theorize before you have data. Invariably, you end up twisting facts to suit theories, instead of theories to suit facts.!” “อย่าเพิ่มตั้งทฤษฎีจนกว่าคุณจะมีข้อมูล ไม่อย่างนั้นแล้วคุณจะจบลงด้วยการพยายามปรับความจริงให้เข้ากับทฤษฎี แทนที่จะให้ทฤษฎีเสริมข้อเท็จจริง!”
เรื่องย่อ
ในปี 1891 กรุงลอนดอน เชอร์ล็อกโฮล์ม นักสืบผู้มีชื่อเสียงในการไขได้ทุกปริศนาไม่ว่าจะซับซ้อนเพียงใดก็ตาม ร่วมกับ นายแพทย์จอห์น วัตสัน ผู้ช่วยฝีมือดี ที่คอยติดตามและช่วยไขคดีกันมาด้วยกันมากมาย ที่มาครั้งนี้ พวกเขาต้องเผชิญกับคดีฆาตกรรมอันโหดร้ายจาก ลอร์ด แบล็ควูด ฆาตกรต่อเนื่องที่ดูเหมือนจะใช้พลังด้านมืดเหนือธรรมชาติมาสรรค์สร้างการฆาตกรรมที่ยากเกินกว่าจะคาดเดา จนทำให้ทั้งโฮล๋ม และวัตสันนั้น ต่างต้องระดมสมองมาไขคดีอันแสนประหลาดเหล่านีี้ด้วยกัน ก่อนที่จะมีเหยื่อรายใหม่มากขึ้น
หนังเรื่องนี้เหมาะกับใคร
สำหรับ Sherlock Holmes เวอร์ชั่นนี้นับเป็นอีกเวอร์ชั่นที่ค่อนข้าง Mass อยู่มาก เมื่อพิจารณาจากรายได้กว่า 524 ล้านเหรียญที่ทำไปได้ทั่วโลก และน่าจะถูกอกถูกใจคอหนังหลายๆ คนเป็นอย่างดี ด้วยการใส่จังหวะเรื่องราวที่ตื่นเต้น น่าติดตาม ชวนอยากรู้ว่าสุดท้ายแล้วรูปคดีจะออกมาอย่างไร ด้วยการใส่แอคชั่นที่มีสไตล์เฉพาะตัวเข้ามาด้วย ก็ยิ่งเพิ่มสีสันให้กับหนังไปกันใหญ่ แต่สำหรับคนที่มีภาพ Sherlock ในหัวที่เป็นในโหมดเงียบขรึม ที่เป็นนักสืบสุดคูล ไม่โฉ่งฉ่างแบบนี้แล้ว ก็มีโอกาสที่จะทำใจรับหนังไม่ได้อยู่เหมือนกันนะ ถ้าคุณชอบหนังสืบสวนในแบบสมัยใหม่ อย่าง Murder on The Orient Express หรือหนังชุด Robert Langdon (Davinci’s Code) แล้ว ก็น่าจะชอบ Sherlock Holmes ในฉบับนี้ครับ
- สายหนังนักสืบชื่อดัง
- สายหนังสืบสวนระทึกขวัญ
- สายหนังแอคชั่นสืบสวน
รีวิว / สรุปเนื้อหา
แม้ว่าจะมีการเอาตัวละครดังจากนิยายของเซอร์โคนัน ดอยล์ อย่าง Sherlock Holmes มาใช้อยู่บ่อยครั้ง ซึ่งมีทั้งปังบ้างแป้กบ้าง แต่สำหรับในเวอร์ชั่นนี้นั้น รับรองได้ว่าจัดให้อยู่หมวดที่เป็นหนังที่ปังอย่างแน่นอน แม้ว่าตัวของ Sherlock นั้นอาจจะดูห่างไปจากภาพที่หลายคนจินตนาการเอาไว้ก็ตาม รวมถึงในทักษะหมัดมวยที่เราไม่ค่อยเห็นนักในแต่ละเวอร์ชั่นที่ผ่านๆ มา เลยทำให้ Sherlock Holmes ฉบับนี้จึงเป็นส่วนประกอบของความแปลกใหม่ ที่เอามาใส่ได้อย่างลงตัว โดยที่ยังไม่ทิ้งหัวใจสำคัญของหนังไป นั่นก็คือเสน่ห์ของการทำหนังยียวนแบบ Guy Ritchie ให้เข้ากับการสืบสวนของอัจฉริยะที่อาศัยตรรกะ เหตุผล และการอนุมานที่เป็นจุดเด่นในการสืบสวนของเขา
อีกทั้งการเลือกนักแสดงเข้ามาในภาคนี้ ก็นับว่าเป็นอะไรที่น่าสนใจ โดยเฉพาะตัวหลักที่ 3 คนที่แค่เราเห็นรายชื่อเราก็มั่นใจได้แล้วว่าจะสร้างสีสันให้กับหนังได้มาก อย่าง Robert Downey Jr. ก็ลบภาพความเป็น Iron Man ของเขามาสู่ Holmes ในแบบที่เก่งทั้งบู๊และบุ๋นได้ดี ทั้งพาร์ทการคิดวิเคราะห์ก็เท่ หมัดมวยก็เก่ง แถมในส่วนของพาร์ทตลกก็สร้างสีสันเยอะเลยทีเดียว อีกทั้งตัวละครของดาราอย่าง Jude Law และ Rachel McAdams ก็ช่วยส่งบทให้กับเขาได้เป็นอย่างดี จนไม่แปลกนักที่ใครจะยกให้ Sherlock Holmes เวอร์ชั่นนี้ เป็นที่น่าจดจำจากความแตกต่างอยู่ไม่น้อย
ในด้านพล็อตเรื่องเรียกได้ว่าสนุกเลย การผูกโยงเข้ากับเรื่องมนต์ดำก็ทำให้หนังนั้นดูมีสีสันและมีความแฟนตาซีเข้ากับโทนหนังที่ออกมาในแบบลึกลับๆ ได้เป็นอย่างมาก จังหวะการดำเนินเรื่องก็เรียกได้ว่าค่อนข้างไว มีความคืบหน้าของคดีเข้ามาอยู่เสมอ หรือใส่ฉากแอคชั่นที่มีสไตล์เข้ามาอยู่ตลอด ซึ่งในที่นี้ผู้กำกับก็ใช้วิธีทำภาพสโลว์เข้ามาใช้ และได้จังหวะที่ดีมากๆ เพราะมันช่วยเพิ่มลูกเล่นในส่วนที่ตัว Holmes นั้น ได้ทำการวิเคราะห์คู่ต่อสู้ไปด้วยในช่วงเวลาที่สโลว์นั้น ทำให้ไม่ว่าคุณจะเป็นแฟนของ Sherlock Holmes ในรูปแบบไหน ก็น่าจะสนุกไปกับหนังได้ไม่แพ้กัน
เกร็ดจากหนังเรื่องนี้
- ผู้กำกับภาพอย่าง Phillippe Rousselot ต้องใช้กล้อง Hi-Speed แบบพิเศษเพื่อถ่ายทำฉากต่อสู้ของ Holmes ที่ต่อยเข้ากรามของคู่ต่อสู้นั้น เป็นการถ่ายทำด้วยเวลา 1 วินาที แต่สามารถยืดเป็นฉากสโลว์โมชั่นได้ถึง 7 วินาที แบบสวยๆ
- นอกจากความสามารถในการแสดงของดาราทั้งสามอย่าง Rachel McAdams, Jude Law และ Robert Downey Jr. แล้ว พวกเขายังลงมือเล่นฉากสตันท์เกือบทั้งหมดของหนังด้วยตัวเอง จนมีฉากนึงที่ Robert Downey Jr. โดนซัดจนสลบเหมือดไปเลย