Spider-Man: No Way Home (2021)

สไปเดอร์แมน: โน เวย์ โฮม

Spider-Man: No Way Home Poster
10/10

คะแนน
โกดังหนัง

ไม่รู้จะสรรหาคำอะไรมาพูดถึงความเจ๋งของไอ้แมงมุมภาคนี้ อัดแน่นเต็มอิ่ม ทะเยอทะยานไต่ระดับไปจนถึงขีดสุด งัดทุกไอเดียที่มีทั้งหมดใส่มาเต็มแม็กซ์ปรุงแต่งได้บันเทิง ที่สำคัญคือเข้าใจหัวอกไอ้แมงมุมเวอร์ชั่นน้อง Tom ได้สมบูรณ์แบบ ไม่แปลกเลยที่จะขึ้นแท่น Spidey ที่ดีสุดตลอดกาล

หมวดหมู่ : Action Hero
สัญชาติ : American
กำกับโดย : Jon Watts
ความยาว : 2 ชั่วโมง 28 นาที
นักแสดงนำ : Tom Holland,

คำคมจากภาพยนตร์

“People Look Up To This Boy And Call Him A Hero. Well, I'll Tell You What I Call Him: Public Enemy Number One!”
“ผู้คนต่างมองดูเด็กชายคนนี้และเรียกเขาว่าฮีโร่ ผมจะบอกคุณว่าผมเรียกเขาว่าอะไร ศัตรูสาธารณะหมายเลขหนึ่ง!”

เรื่องย่อ

หลังจากโดน Mysterio อัดคลิปแฉว่าตัวต้นที่แท้จริงว่า Spider Man คือ Peter Parker ชีวิตของเขาก็ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป เขากลายเป็นคนดัง และกลายเป็นผู้ร้ายทันที ชีวิตโดนคุกคามจากสื่อนักข่าวและคนรอบข้าง กลายโดน Fake News ใส่ร้ายป้ายสี จากฮีโร่เป็นซีโร่ ทำให้เขาต้องไปขอความช่วยเหลือ Doctor Strange เพื่อให้ใช้มนต์เพื่อลบความทรงจำต่อผู้อื่นว่าเขาคือไอ้แมงมุม แต่ความคิดเล็กคิดน้อย ทำให้หมอแปลกสมาธิหลุด ส่งผลให้วายร้ายจาก Multiverse โผล่มาในโลกยุคปัจจุบัน แต่ด้วยความคิดที่ส่วนทางกับหมอแปลกทำให้เขาผิดใจกัน จนกลายเป็นความวุ่นวายในที่สุด

หนังเรื่องนี้เหมาะกับใคร

สำหรับ Spider Man No Way Home เป็นหนังแอ็คชั่นฮีโร่ที่ไม่ควรพลาด โดยเฉพาะคอหนัง Marvel เพราะเนื้อเรื่องจัดมาเพื่อเอาใจแฟนๆโดยเฉพาะการนำพาตัวละครกลับมาร้อยเรียงเรื่องราวมัลติเวิร์สวายร้ายตัวแสบที่ร้ายกาจกว่าเดิม อุปสรรค์ของสไปดี้ที่หนักหนาสาหัส สเกลหนังเล่นใหญ่สร้างความตื่นเต้นทำให้คนดูต้องร้องว้าวเฮลั่น บรรยากาศหนังเร้าอารมณ์กดดันตลอดเวลา  ฉากแอ็คชั่นฉากดราม่าขับเคลื่อนให้องค์ประกอบทุกอย่างครบเครื่อง งานภาพที่เนี๊ยบมาก แต่ให้ไม่ใช่แฟนหนังสายฮีโร่ แฟนหนังทั่วไปดีแล้วก็เต็มอิ่ม ไม่แปลกใจเลยถ้าหากหนังติดโผหนังฮีโร่ในดวงใจ

 

รีวิว / สรุปเนื้อหา

ไม่คิดว่าจะได้ดู Spidey เวอร์ชั่นที่บ้าคลั่งที่สุดเท่าที่เคยมีมา และเชื่อว่านี่คงจะเป็นหนังฮีโร่ที่อยู่ในใจคนดูไปอีกนานแสนนาน พล็อตเรื่องมาแบบเอาใจแฟนๆด้วยเฉพาะ หลังจากที่ได้เห็นการผจญภัยของ Peter ชีวิตวัยเรียนทั้งในอเมริกาและยุโรปไปแล้ว มาหนนี้ผู้สร้างเหมือนพาคนดูไปสัมผัสตัวละครเวอร์ชั่น Tom Holland แบบจริงจังๆมากกว่าเรื่องก่อนๆ จากวัยรุ่นจอมเกรียนสร้างปัญหา เขาค่อยๆเติบโตขึ้นผ่านร่มเงาของ Iron Man มีความรับผิดชอบครั้งใหญ่ที่มาแบบไม่ทันตั้งตัว กล้าคิดกล้าทำกล้าตัดสินใจ หนังค่อยๆพาคนดูไปสำรวจตัวละคร ว่าทำไมเขาถึงแคร์คิดอื่นแคร์คนรอบข้าง เพราะชีวิต Peter คนเหล่านี้ร่วมทุกข์ร่วมสุขกันมาก่อน จะเพื่อนสนิทอย่าง เนท หรือจะแฟนสาว เอ็มเจ รวมถึงป้าเมย์ ไม่ผิดแปลกที่เวลาแย่สุดพวกเขาหนุนหลังตลอดมา ตลอดการสร้างหนัง Spider Man เราได้เห็นความเป็นฮีโร่ของตัวละครนี้ แต่ภาคนี้เขากลายเป็นคนร้ายในสายตาผู้อื่น ผู้คนลืมไปหมดไอ้แมงมุมช่วยเหลือคนปกป้องโลกเพราะความผิดพลาดจากข่าวลวงและนั้นคือจุดที่ทำให้เขาเริ่มรู้สึกว่าชีวิตไม่เหมือนเดิม การเป็นฮีโร่คนมีพลังพิเศษเองก็มีความรู้สึกนึกคิดเป็นเหมือนกัน ภาคก่อนๆของน้อง Tom ขายแค่ความสุขแต่ No Way Home ใส่ประเด็นนี้ลงไป อีกทั้งการเป็นฮีโร่มากเกินไปก็ส่งผลร้ายตามมาเช่นกัน ผลลัพธ์ความเห็นอกเห็นใจมากเกินไปกลายเป็นดาบสองคมที่มาทิ่มแทงเขาในเวลาต่อมาจนกลายเป็นความดราม่าที่สะเทือนใจ

นอกจากการไปทำความรู้จักไอ้แมงมุมเวอร์ชั่นน้อง Tom แล้ว หนังก็อัดแน่นไอเดียที่เหลือล้นเอามาเสิร์ฟแฟนหนังฉากแอ็คชั่นวายร้ายที่บอกเลยว่าสนุกครบรส หนังทะเยอทะยานเข้าขั้น Avengers : Endgame ก็ว่าได้ มาแต่ละทีคาดเดาทิศทางไม่ถูก ว่าฉากต่อไปจะเร่งเคลื่อนไปในทิศทางไหน บรรยากาศหนังสร้างอารมณ์ร่วมให้ผู้ชมได้ตลอด 2 ชั่วโมง 28 นาที เรียกเสียงฮาลั่นโรงที่มาเซอร์ไพรส์กันแบบเต็มอิ่มจุใจ การใช้ Multiverse เป็นฉากหลังทำให้ได้ตัวละครมากมายกลับมาโลดแล่นในจอยักษ์อีกครั้ง วายร้ายที่เป็นตัวละครสมทบสามารถเกลี่ยพื้นที่ให้พวกเขาได้แสดงความน่ากลัว มีฉากให้เล่นกับผู้ชมเพียบ ตอนแรกก็คิดว่าหนังจะเล่ายังไงในเมื่อมีตัวร้ายถึง 5 คน เพราะการวางโครงเรื่องแบบนี้หนักหนาสาหัสมาก แต่สุดท้ายบทหนังเอาอยู่ ไม่สะเปะสะปะ แถมยังได้เห็นมุกตลก ฉากพูดคุยสร้างความขำขั่นให้ผู้ชม การที่มี Green Goblin, Doc Ock สร้างบรรยากาศที่น่ากลัวแทบไม่ต่างจากวันวานที่พวกเขาโลดแล่นในเวอร์ชั่น Sam Raimi แบบนี้ซิถึงจะเป็นวายร้ายที่แฟนๆอยากดูในหนัง Marvel แถมงานภาพการปรุงแต่ง CGI เนียนตา ยิ่งพอไปดูสเกลภาพแบบจอ Imax หนังได้เห็นมุมภาพที่คมชัดเว่อ

ส่วนการแสดงของน้อง Tom Holland เรากล้าพูดว่าเข้าขั้นดีสุดนับตั้งแต่เขามาเล่นหนัง MCU ก็ว่าได้ ที่พูดแบบนั้นเพราะว่า เราเห็น Peter Parker แบบประสาเด็กวัยรุ่นจากหนังเรื่องก่อนๆ แต่มาเทียวนี้เราได้เห็นการตัดสินใจการแก้ปัญหาของเขาในเรื่อง ตัวละครในภาคนี้เลยมีความเห็นอกเห็นใจ ความเจ็บปวด ความสูญเสีย ความสับสนจะเอายังไงกับชีวิตเพราะสิ่งที่เข้ามามันคือเรื่องใหม่ที่เขาไม่เคยเจอ ตรงนี้ทำให้เรารู้สึกว่าหนังช่วยให้คนดูรู้สึกว่าไอ้แมงมุมเวอร์ชั่นเขาได้เริ่มต้นผจญภัยแบบจริงๆสักที ส่วนการปรากฏตัวของนักแสดงเก่าๆที่ชอบสุดคงไม่แพ้ Willem Dafoe และ Alfred Molina ที่เป็นคีย์แมนหลักคนสำคัญ เพราะ 2 ตัวละครนี้แกล้งทำเป็นคนดีและคนร้ายในเวลาเดียว ทั้งคู่รบเร้าได้สมศักดิ์กับน้อง Tom ในเรื่อง มันเป็นการคัมแบ็คที่ถูกที่ถูกเวลามากๆ ที่ 2 วายร้ายคู่ปรับสำคัญ Spidey ในมาโลดแล่นในช่วงเวลานี้ ส่วนดาราคนอื่นๆรับส่งบทกันได้ดีเวลาเข้าฉาก ดูแล้วเพลินตาไม่ว่าจะเป็น Jamie Foxx, Benedict Cumberbatch และ Zendaya

เกร็ดจากหนังเรื่องนี้

  • บทหนังถูกแก้ไขตลอดเวลาเพราะว่ามีนักแสดงจาก Spider Man มาเซอร์ไพรส์ทำให้ต้องมีการปรับสคริปต์แทบทุกวัน
  • Amy Pascal ผู้บริหารโซนี่ พิคเจอร์สเป็นคนไปเจรจาเพื่อให้อดีตนักแสดงในแฟรนไชส์สไปดี้กลับมา
  • Benedict Cumberbatch แทบจะไม่ได้อ่านบทหนังเลย
  • อดีตผู้กำกับสไปเดอร์แมน ไม่ว่าจะเป็น Sam Raimi และ Marc Webb เข้ามาเป็นที่ปรึกษาและร่วมให้คำแนะนำทีมงานของ Jon Watts
  • บทหนัง Spider Man ของ Tom Holland ถูกส่งเป็นตอนๆเพราะทีมงานกลัวว่าเขาจะสปอยล์เนื้อหาหนัง
  • นักแสดงทุกคนที่มีส่วนร่วมในหนังถูกสั่งให้เงียบเพื่อเก็บความลับห้ามเผยแพร่ให้ใครเด็ดขาด
  • Chris McKenna และ Erik Sommers 2 มือเขียนบทหนังคือคนที่เสนอไอเดียว่าควรจะหยิบนักแสดง Spider Man เก่าๆกลับมาร่วมแสดงในหนังภาคนี้
  • เพื่อป้องกันความลับรั่วไหลในการถ่ายทำ ทีมงานให้นักแสดงเก่าใส่เสื้อคลุมไว้