See How They Run (2022)
คดีอลวน คนอลเวง
คะแนน
โกดังหนัง
งานสืบสวนสอบสวนที่ดูตลกร้ายมีสีสัน คาดเดาเนื้อหาไม่ถูกใครคือฆาตกร พลังของนักแสดงระดับท็อปช่วยให้เนื้อหาในตอนสุดท้ายจบได้น่าสนใจ
คำคมจากภาพยนตร์
"You Are An Accomplice To Murder."
"คุณเป็นผู้สมรู้ร่วมคิดในการฆาตกรรม"
เรื่องย่อ
เกิดเหตุฆาตกรรมในโรงละครเวที ในย่านเวสต์ เอนด์ กรุงลอนดอน ในช่วงยุคปี 1950 หลังจากมีนักแสดงคนหนึ่งโดนฆ่าตาย และดูเหมือนว่าคนร้ายจะถูกโยงใยไปยังคนที่มีความสัมพันธ์กับผู้ตาย ก็คือกลุ่มนักแสดงนั้นเอง ทำให้ทุกอย่างหยุดและต้องมีการสอบสวนหาคนร้าย สารวัตรสต็อปพาร์ด ตำรวจนักสืบมากประสบการณ์ที่กำลังหมดไฟ และ เจ้าหน้าที่ตำรวจสตอล์กเกอร์ โปลิศมือใหม่ผู้กระตือรืนร้น ถูกจับคู่มารับหน้าที่สืบในคดีนี้ แต่พวกเขากลับพบว่าการไขคดีในครั้งนี้เบาะแสกลับซับซ้อนยุ่งยากกว่าที่คิด
หนังเรื่องนี้เหมาะกับใคร
สำหรับ See How They Run เป็นหนังสืบสวนสอบสวนที่มาในอารมณ์ตลกร้าย สไตล์คล้ายๆ Knives Out อาจไม่ได้มีลูกเล่นวิธีการนำเสนอที่จัดจ้าน แต่หนังก็มาในรูปแบบใครคือฆาตกร พล็อตเรื่องเหมือนอารมณ์หนังสายอังกฤษ เดินเรื่องช้าๆแล้วซัดประเด็นหาตัวคนร้าย เปิดพื้นให้เราได้จับสังเกตุความไม่น่าไว้วางใจของตัวละคร เนื้อหาก็ได้รับอิทธิพลกลิ่นอายมาจากงานเขียนของ Agatha Christie ถ้าหากคุณประทับใจ Sherlock Holmes หรือการ์ตูร Conan หนังเรื่องนี้ตอบโจทย์แน่นอน
- สายหนังตลกคอเมดี้ดราม่า
- สายหนังสืบสวนสอบสวน
รีวิว / สรุปเนื้อหา
นี่คือหนังที่หยอกล้อกับงานเขียนของ อกาธา คริสตี้ ปกติงานเขียนของเขาเมื่อทำเป็นหนังส่วนใหญ่จะดูซีเรียสยุ่งยากที่จะเข้าใจ ทำให้เทรนด์การสร้างในสไตล์หายไปจากวงการ จนกระทั่งความสำเร็จของ Knives Out ทำให้ใครต่อใครเชื่อว่า ไม่ควรเดินเรื่องด้วยวิธีแบบเดิมๆ ซึ่งมันก็ได้ผล ไม่ต้องซีเรียสเกินไป ผู้คนมากมายมีส่วนร่วมเป็นผู้ต้องสงสัยได้ และเรื่องนี้ก็มาในสไตล์ที่คล้ายๆกัน แต่มาในมุมมองสไตล์แบบอังกฤษ ตัวละครที่ไม่เหมาะสมกันสักอย่าง ถูกนำมาไขคดี ตำรวจชายและตำรวจหญิงที่ดูยากเย็น เนื้อหามันค่อนข้างจะท้าทายคนดูพอสมควร และฉีกกรอบการเล่าเรื่องของ อกาธา ทิ้งไป ไม่ดาร์ค ไม่หม่นหมอง เปิดพื้นที่ให้ตัวละครได้มีมุมตลกได้แบบเต็มที่ ไม่ต้องไปยึดกับพล็อตเรื่องต้นฉบับ
พอหนังปรุงแต่งออกมาในรูปแบบตัวเอง สิ่งที่ทำให้หนังโดดเด่นคือ เราเองก็ไม่รู้เลยว่า คนร้ายเป็นใคร มีแรงจูงใจอะไร คนร้ายฆ่านักแสดงอเมริกาไปทำไม หนังดำเนินเรื่องในตามหาคนร้าย ใส่แรงจูงใจเข้าไป มันทำให้เรารู้ว่าทุกคนมีปมมีปัญหากับผู้ตาย การสืบสวนทุกอย่างไม่ได้แปลกใหม่ แต่มันเรียงเหตุการณ์ให้เห็นว่าทุกอย่างมีเหตุมีผล หนังน่าติดตามตรงที่ว่าเล่าเรื่องได้กระชับดีมากๆ มันมาในมุมมองที่ตลก แถมยังเป็นละครเวทีซ้อนกับหนังอีกมันเลยทำให้รู้สึกว่าหนังสไตล์นี้ ยังมีที่ทางจะเล่าเรื่อง ไขคดีปริศนาหาตัวคนร้ายในมุมมองใหม่ๆที่เปิดกว้างให้คนดูได้อย่างต่อเนื่อง ระหว่างทางของหนังก็ลุ้นดีเพราะจะว่าไปคนร้ายเองก็เป็นตัวละครที่ไม่คาดคิดเหมือนกัน
ด้านการแสดงยอมรับว่าน้ำหนักของหนังอยู่ที่ 2 นักสืบ การจับคน 2 บุคลิก คนละสไตล์ คนละวัยอย่าง Saoirse Ronan และ Sam Rockwell กลายเป็นส่วนผสมที่ลงตัว ตำรวจมือใหญ่ที่พยายามหวังว่าจะทำอาชีพนี้ให้ดีที่สุด ความซื่อๆของนางกลายเป็นความน่ารัก ขายความโบ๊ะบร๊ะของเธอซึ่งภาพรวมคือเล่นดีมากๆ ส่วน Sam Rockwell ตำรวจหมดไฟที่ดูไม่น่าเชื่อถือดันกลายเป็นนักสืบที่ดูทำงานไม่ได้เรื่องได้ราว ดันกลายเป็นคนที่ไหวพริบดี ทำให้หนังไหลลื่นตั้งต้นจนจบ ด้านองค์ประกอบหนังในส่วนๆอื่นทำได้น่าประทับใจ ในเรื่องการออกแบบฉากประกอบ โลเคชั่นให้อารมณ์ยุค 50 ฉากละครเวทีก็ศิลปะสุดๆ เป็นหนังที่เพลิดเพลินมากไม่ต้องเล่นท่าเยอะเกินไป ถ้าหากใครอยากดูหนังไม่ซีเรียสเรื่องนี้ละตอบโจทย์แน่ๆ
เกร็ดจากหนังเรื่องนี้
- Saoirse Ronan ต้องปรับสำเนียงการพูดเป็นไอริช
- หนังเขียนหนังขึ้นมาใหม่ โดยผสมผสานกับพล็อตละครเวที The Mousetrap ของ Agatha Christie