Twenty Five Twenty One (2022)

ยี่สิบห้า ยี่สิบเอ็ด

Twenty Five Twenty One Poster
9/10

คะแนน
โกดังหนัง

เป็นมากกว่าความรักวัยรุ่นแบบใสๆ องค์ประกอบยอดเยี่ยม เนื้อหาลึกซึ้งกินใจ นักแสดง มอบรอยยิ้มให้แง่คิดแรงบันดาลใจให้ผู้ชมมหาศาล

หมวดหมู่ : Comedy Drama
สัญชาติ : South Korean
กำกับโดย : Jung Ji-hyun
ความยาว : 16 Episodes
นักแสดงนำ : Kim Tae-ri, Nam Joo-hyuk

คำคมจากภาพยนตร์

"การไม่ได้ทำตามความฝันไม่ได้แปลว่าชีวิตล้มเหลว และการได้ทำตามความฝันก็ไม่ได้แปลว่าชีวิตไปได้สวย ผมแค่อยากทำสิ่งที่อยู่ตรงหน้าให้ออกมาดีก็พอ นั่นคือความฝันของผมตอนนี้ครับ"

เรื่องย่อ

เรื่องราวในช่วงปี 1998 วิกฤติ IMF ส่งผลให้ครอบครัวของ เเพคอีจิน ต้องล้มละลาย จากลูกชายเศรษฐี ส่งผลให้ครอบครัวต้องเเยก เเละเขาก็ต้องดร็อปเรียนมหาวิทยาลัย ใช้วุฒิมัธยมปลาย ออกมาทำงานพาร์ทไทม์สารพัดเพื่อหาเลี้ยงตัวเองเเละช่วยส่งเสียน้องชายเรียนหนังสือ ส่วน นาฮีโด เด็กสาวที่ใฝ่ฝันอยากจะเป็นนักฟันดาบทีมชาติ ต้องเผชิญจุดพลิกผันเมื่อชมรมฟันดาบต้องปิดตัวเพราะพิษเศรษฐกิจ ต่างฝ่ายพบกับจุดเปลี่ยนของชีวิตดูเหมือนจะสิ้นหวัง แต่แล้วความบังเอิญทั้งคู่ได้พบกันกลายเป็นมิตรภาพให้กำลังใจกันและต่อสู้เพื่อผลักดันอีกฝ่ายไปพบกับสิ่งที่ดีขึ้น

หนังเรื่องนี้เหมาะกับใคร

สำหรับ Twenty Five, Twenty One กลายเป็นซีรีส์ยอดฮิตแห่งปี 2022 ต่อให้ไม่ใช่สายเกาหลีก็ต้องดู บทเล่าเรื่องได้สนุกโดนใจคนที่เติบโตมากับวัฒนธรรมยุค 90 โดยเฉพาะเนื้อหาเลยโดนอกโดนใจ ลุ้นยิ่งกว่าดูซีรีส์สืบสวน และเดาทางไม่ถูกว่าจะลงเอยยังไง แม้เรื่องราวจะดำเนินมาถึงตอนสุดท้าย สิ่งที่ตอกย้ำคือการเล่าเรื่องผ่านชีวิตหนุ่มสาวที่ทุกคนเติบโตขึ้นเรื่อย ๆ ผ่านกาลเวลา และได้เห็นมิตรภาพอันสวยงาม ความสัมพันธ์เรื่องรัก ซึ่งทำให้คนดูอย่างเรา ๆ ได้แง่คิด และ บทเรียนมากมายกลับมานับไม่ถ้วน แม้ว่าบทสรุปจะไม่โดนใจแฟนๆแต่กลายเป็นดราม่ารสชาติหวานขม แต่ 16 ตอนมันก็สนุกอิ่มอกอิ่มใจแล้ว

  • สายหนังเกาหลี
  • สายหนังกลิ่นอายยุค 90
  • สายหนังดราม่าโรแมนติก

รีวิว / สรุปเนื้อหา

วิกฤติ IMF ในช่วงปี 1998 นี่ทำลายความฝันวัยรุ่นหนุ่มสาวมากมายมาแล้วจนบางคนหยุดฝัน โดนสภาพสังคมกดดันละทิ้งฝันเพื่อต้องทำงานเพื่อเอาตัวรอดในแต่ละวัย พล็อตเรื่องนำเสนอในช่วงเวลานั้นได้น่าสนใจและมันเชื่อมโยงกับผู้ชม เพราะคนส่วนใหญ่ก็เติบโตในช่วงเวลานั้นพอดี ความโหดร้ายที่โดนทำลายความฝันแบบที่เราไม่มีทางแก้มันได้ เกาหลีในช่วงเวลานั้นก็อยู่ในยุคตกต่ำจริงๆ เราจะเห็นถึงการเรียกร้องของผู้คนในประเทศ ทั้งในด้านการทำงานที่ไม่ใช่ห้ามรุ่งห้ามค่ำ หรือคนในวงการหนังที่ออกมาเดินขบวนต่อสู้เพื่อรณรงค์บนท้องถนนให้คนในอุตสาหกรรมมีพื้นที่ได้ฉายหนังเกาหลีมากกว่านี้ไม่ใช่โดนหนังฟอร์มยักษ์จากฮอลลีวู้ดเข้ามาทำการตลาดอย่างหนัก ค่อนข้างชอบที่คอนเทนต์ร้อยเรียงผ่านหน้าประวัติศาสตร์เกาหลีที่กลายเป็นบันทุกเรื่องราว พอเป็นงานที่กลิ่นอายความเป็น 90 มันคือการย้อมความหลังให้ผู้คนได้จดจำพฤติกรรมการใช้ชีวิตของผู้คนอาทิเสื้อผ้าหน้าผม เพจเจอร์ การฟังเพลงผ่านซาวด์อะเบาท์ หรือเช่าหนังสือการ์ตูน ตู้โทรศัพท์ คอมพิวเตอร์จอใหญ่ๆที่หนุ่มสาวยุคก่อนมักคุ้นเคย ต้องยอมรับว่าโปรดักชั่นออกแบบมาค่อนข้างดี หรือการวางเพลงประกอบที่ใช้ในแต่ละฉากก็เหมาะสม โลเคชั่นก็ให้บรรยากาศยุคเก่า งานภาพที่ถ่ายออกมาค่อนข้างจะงดงามน่าไปตามรอยไปเที่ยวมากๆ

ค่อนข้างชอบที่คอนเทนต์เล่าเรื่องผ่านมุมมองไดอารี่ของลูกสาวนางเอกที่เชื่อมโยงเหตุการณ์ในปัจจุบันได้อย่างดิบดี ผ่านการเฝ้ามองของกลุ่มวัยรุ่นที่เติบโต และไม่ยอมพ่ายแพ้หรือยอมตกเป็นทาสของยุคสมัยที่พวกเขาไม่มีสิทธิ์เลือก เกาหลีในยุคนั้นก็โหดร้ายใช่เล่น คนแก่มักเอาเปรียบหนุ่มสาวข่มเหงรังแกใช้ความเป็นผู้ใหญ่มาตัดสินใจบีบบังคับเด็กจนบางคนไร้ความฝัน เราจึงได้เห็น 3 ตัวละครหลัก ผ่าน 3 ชนชั้น แพคอีจิน พระเอก ชายหนุ่มที่เป็นลูกคนรวยชนชั้นบนแล้วอยู่ดีๆความฝันก็พังทลายแบบที่เขาทำอะไรไม่ได้ กลายเป็นคนที่ติดลบจากอนาคตสดใสเวลานี้กลายเป็นคนหาทำงานเป็นลูกจ้างแบบที่เขาไม่เคยสัมผัสมาก่อน นาฮีโด เด็กสาวชนชั้นกลางมีแม่เป็นผู้ประกาศข่าวใฝ่ฝันอยากเป็นนักกีฬาทีมชาติ แต่ต้องกระเสือกกระสนหาโรงเรียนใหม่ ต้องต่อสู้เพื่อหาหนทางไปติดทีมชาติ โกยูริม เด็กสาวจากครอบครัวชนชั้นแรงงานที่ไปเป็นนักกีฬาฟันดาบทีมชาติเพื่อแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายที่บ้านวิกฤติของประเทศทำให้เธอแทบกลายเป็นคนที่น่าสงสารไร้ตัวเลือกไร้ทางออกชีวิตและแน่นอนเมื่อถึงทางตันเธอต้องจำยอมทิ้งสัญชาติไปทำงานที่ต่างประเทศ โดยตัดสินใจว่าเป็นคนเห็นแก่ตัวเห็นแก่เงินทั้งที่เธอไม่ได้ทำอะไรผิด แต่เพราะต้องทำเพื่อให้ครอบครัวอยู่รอด นี่ยังไม่รวมประเด็นกีฬาฟันดาบที่ใส่ลงไป เพราะเป็นกีฬาสร้างชื่อให้ชนชาติเกาหลีใต้ในเวทีระดับโลก ซึ่งมันหลอมรวมเป็นเรื่องราวดราม่ากลางเรื่องที่ทำให้ผู้ชมได้เอาใจช่วยตลอดกลายเป็นส่วนเติมเต็มที่โดนใจคอกีฬาไปด้วยเช่นกัน

บรรยากาศมันได้ละมุนละไมเพราะทิศทางพลิกไปพลิกมาตลอดคาดเดาอะไรไม่ได้ โดยเฉพาะพาร์ทของความรักซึ้งเป็นความสนุกที่ทำให้คนดูไม่ต้องเดาไม่ต้องคาดหวังบททำให้คนดูละสายตาไม่ได้ เนื้อหาค่อนข้างจะมีชีวิตชีวา สร้างรอยยิ้มเสียงหัวเราให้ผู้ชม ค่อนข้างชอบการลำดับเรื่องราวที่ทำให้ตัวละครจากคนแปลกหน้ากลายเป็นมิตรแท้เป็นสายสัมพันธ์ที่ตัดไม่ขาด แม้ว่าหัวใจหลักจะอยู่ที่พระเอกนางเอก แต่ตัวละครสมทบที่เข้ามาเติมเต็มก็ Impact ไม่แพ้กัน และทุกคนก็มีเส้นทางชีวิตของตัวที่ชัดเจน มันทำให้เราเข้าใจว่าพอถึงจุดหนึ่งความรักในวัยหนุ่มสาวมันกลายเป็นความทรงจำที่หอมหวานเก็บไว้รำลึกคิดถึงจนถึงฉากจบที่สร้างความปวดร้าวให้ผู้ชมจนถึงขั้นเสียน้ำตา อันที่จริงๆบทเล่าเรื่องได้ดี และพลังของนักแสดงก็ทำให้คนดู Move On ไม่ค่อยจะได้ คิมแทรี นางเอก คือคนที่น่ารักสดใสนางเอกหน้าเด็ก ที่กลายเป็นหญิงสาวที่ทำให้ผู้เขียนสนอกสนใจงานชิ้นต่อไปของเธอทันที เพราะนางทำให้ถึงเข้าบทบาทจนต้องปรบมือให้ นัมจูฮยอก กลายเป็นพระเอกแถวหน้าไปเรียบร้อย ชอบความเป็นสุภาพบุรุษ ชายหนุ่มที่ต่อสู้จากชีวิตที่สุขสบายหลุดกรอบต้องดิ้นรนแสว่งหาโอกาสใหม่ๆกับการเป็นนักข่าวกีฬา บุคลิกที่ดูเท่ห์แสดงออกได้ดีไม่แปลกใจที่เขาเป็นขวัญใจสาวๆไปเรียบร้อย เล่นเรื่องไหนก็ปัง โบนา สาวน้อยมหัศจรรย์ ที่ไม่ได้มีดีแค่พาร์ทนักร้องไอดอล แต่เรื่องนี้ได้เห็นมิติที่ซับซ้อนน่าเห็นอกเห็นใจผ่านตัวละคร โกยูริม ชเวฮยอนอุค, อีจูมยอง 2 นักแสดงที่สร้างสีสันให้ 3 นักแสดงหนังในเรื่องได้ดีมากๆ

เกร็ดจากหนังเรื่องนี้

  • ในเรื่องพระเอกอายุมากกว่านางเอก 4 ปี แต่ในชีวิตจริงนางเอก Kim Tae-ri อายุมากกว่าพระเอก Nam Joo-hyuk 4 ปี
  • Kim Tae-ri ไปฝึกฝนทำเสียงให้ใกล้เคียงกับการเป็นเด็กมัธยม
  • Kim Tae-ri ชีวิตจริงอายุ 31 ปีตอนถ่ายทำ แต่ต้องแสดงเป็นคนอายุ 17 ย่าง 18 ปี
  • Kim Tae-ri ไปฝึกฝนการฟันดาบเป็นนักกีฬาทีมชาติเกาหลีใต้ พร้อมกับ Bona
  • Nam Joo-hyuk เป็นคนคิดไดอาล็อคฉากที่พระเอกบอกเลิกนางเอก ซึ่งมันไม่เคยมีในบท
  • Kim Tae-ri และ Nam Joo-hyuk คือแคสติ้งที่ไม่ได้ผ่านการแคสต์เพราะมือเขียนบทและผู้กำกับเลือกเอาไว้ตั้งแต่แรก
  • เพราะมีผมหน้าม้าแบบขาดๆ ทำให้ Kim Tae-Ri ถูกเลือกมาเป็นนางเอก
  • ไดอารี่ของ Na Hee Do ตัวละครของ Kim Tae-Ri จริงๆแล้วเป็นบันทึกของเธอตอนฝึกฝนการฟันดาบ
  • Kim Tae-ri หลงรักกีฬาฟันดาบหลังจบการถ่ายทำและกลายเป็นกีฬาโปรดไปเรียบร้อยแล้ว
  • ในเรื่อง Kim Tae-ri เป็นฝ่ายชนะ Bona แต่ตอนซ้อมเธอแพ้อีกฝ่ายเป็นประจำ
  • Choi Hyun-wook เป็นนักแสดงเพียงคนเดียวที่ไม่ได้เกิดในเหตุการณ์ยุค IMF เพราะเขาเกิดในปี 2002
  • นิตยสาร NME ที่เกี่ยวข้องกับดนตรียกให้เป็นซีรีส์เกาหลียอดเยี่ยมแห่งปี 2022
  • เอเชียนเกมส์ ครั้งที่ 13 ไม่ได้จัดในปี 1999 ที่เกาหลีใต้ แต่จัดที่ประเทศไทยในปี 1998
  • เกาหลีใต้เป็นเจ้าภาพกีฬาฟันดาบชิงแชมป์โลกในปี 1999