เรื่องย่อ

เรื่องราวเปี่ยมแรงบันดาลใจของสองชีวิตที่โคจรมาพบกันบนถนนเมืองดับลินอันสับสนวุ่นวาย คนหนึ่งคือนักดนตรีข้างถนนที่ไม่กล้าร้องเพลงของตัวเอง อีกคนหนึ่งคือหญิงสาวชาวเชคลูกหนึ่งที่อพยพมาและหาทางปรับตัวเข้ากับเมืองใหม่ที่ไม่คุ้นเคย ในระยะเวลาสั้นๆที่ได้รู้จักกัน ทั้งคู่ต่างค้นพบพรสวรรค์ในตัวกันและกัน และช่วยผลักดันให้ฝันของอีกฝ่ายเป็นจริง หนังได้รับการยกย่องว่าอัดแน่นไปด้วยแรงบันดาลใจ โดยมีกลิ่นอายหนังเพลงคลาสสิคในอดีต ผสมกับโลกไร้ขนบของหนุ่มสาวชาวดับลิน

หนังเรื่องนี้เหมาะกับใคร

สำหรับ Once เป็นหนังที่เหมาะมากๆ กับคนที่หลงใหลในเสียงเพลงเสียงดนตรีแถมยังผสมผสานกับเรื่องราวความรักความฝันที่บทเล่าเรื่องได้เรียบง่ายจริงจัง  มันเลยออกมาเป็นหนังที่อบอุ่นหัวใจ และพาเอาใจพองโตไปได้ง่ายมากๆ อีกทั้งด้วยความแมสของมันก็ทำให้ตัวหนังเข้าใจง่าย ไม่ต้องตีความเยอะ มีหลากหลายรูปแบบความสัมพันธ์ที่น่าจะชวนคนดูอินไปกับมันได้อยู่ นับว่าเป็นหนังเพลงน่ารักๆ อีกเรื่อง ที่หากใครชอบงานของ John Carney อย่าง Begin Again และ Sing Street  เรื่องนี้ตอบโจทย์

• สายหนังดนตรีและบทเพลง
• สายหนังดราม่าดนตรี
• สายหนังเพลงเพราะๆ

รีวิว / สรุปเนื้อหา

หนังรักหนังที่โดนใจนักวิจารณ์ปี 2007 หนังทุนสร้างน้อยนิด 150,000 เหรียญฯของอดีตนักดนตรีไอริชคนหนึ่งที่หยิบเศษเสี้ยวชีวิตตัวเองมาเล่าเรื่องด้วยวิธีการถ่ายทำหนังแบบบ้านๆ คุณภาพกล้องก็ไม่ได้ดีอะไรเลย แถมนักแสดงนำก็เป้นใครก็ไม่รู้มือสมัครเล่น แต่สิ่งทำให้หนังดีมากๆจนกลายเป็นกระแสปากต่อปาก คือการที่หนังเรียบง่ายเล่าเรื่องผ่านหนุ่มสาวแปลกหน้า 2 คนที่ชีวิตวนเวียนมาเจอกันบนถนน Grafton อันแสนวุ่นวายในเมืองดับลิน นักดนตรีข้างถนนที่ร้องเพลงเพื่อหวังจะได้เงินไปทำเพลงอัดอัลบั้มกับหญิงสาวที่อพยพหวังว่าจะมีชีวิตใหม่ที่ดีกว่าเดิม เขาและเธอต่างแบกรับความรู้สึกเมื่อเจอกันไปเรื่อยๆมันเลยกลายเป็นความสัมพันธ์ หนังนำเสนอแง่มุมที่ว่า บางทีเราอาจเป็นคนแปลกหน้าที่สวนทางกันอยู่บ่อยๆไม่ทันได้สังเกต แต่ถ้าเจอกันแล้วรู้ว่าคนนี่คือคนที่ใช่สำหรับเราจริงๆ เขาเพียงแค่ได้พบได้เจอได้รู้สึกดีก็สานต่อความรักความสัมพันธ์ไปได้ เพียงแต่ว่าหนังก็เล่าในมุมที่ไม่ใช่มันเลยทำให้ 2 ตัวละครได้รู้จักกันผ่านเสียงเพลงเล่นดนตรีด้วยกันมีช่วงเวลาดีๆแต่ไม่ได้ลงเอยใช้ชีวิตด้วยกัน เพียงแต่ว่าหนังถ่ายทอดความอบอุ่นทำให้เรื่องราวมันโรแมนติกที่ไม่ต้องมีอะไรมาปรุงแต่ง บรรยากาศที่เหมือนกับชีวิตจริงมันเลยจับต้องได้

สิ่งที่ดีคือการที่หนังไม่ได้มีงบมากพอ ทำให้เราได้สัมผัสห้วงอารมณ์รักของ 2 นักแสดงที่ไม่ได้มีชื่อเสียงโด่งดังแต่กลับขับเคลื่อนเรื่องราวไปได้ตลอดรอดฝั่งผ่านนักแสดงสมัครเล่นที่เล่นดนตรีเป็นอย่าง Glen Hansard และ Markéta Irglová ที่เวลานั้นทั้งคู่คบหาเป็นแฟนกันจริงๆมันเลยทำให้เคมีของทั้งคู่ไปได้เข้าขากันดี มันกลายเป็นข้อดีมากๆ เมื่อต้นทุนไม่มากพอไม่มีนักแสดงดังมาแสดง กลับกลายเป็นงานแสดงชื่อให้ผู้กำกับแบบไม่ทันตั้งตัว หนังถ่ายทำแบบกองโจร เน้นแสงธรรมชาติทั้งหมด ใช้สถานที่ที่ผู้กำกับรู้จักชักชวนเพื่อนๆมารับบทเป็นตัวประกอบ แต่มันกลับทำให้รู้สึกจับต้องได้

นอกจากหนังพูดถึงความสัมพันธ์ ความโดดเด่นจริงๆคือเพลงประกอบหนัง แม้ว่าหนังจะมีต้นทุนที่น้อยแต่การที่ผู้กำกับและนักแสดงนำ 2 คน เป็นนักดนตรี ทำให้พวกเขาเข้าใจว่าจะทำหนังดนตรีและใช้เพลงแบบไหนเป็นตัวดำเนินเรื่องราว Falling Slowly จึงกลายเป็นเพลงที่ไพเราะโรแมนติก เพราะมันกลั่นออกมาจากนักแสดงนำเนี่ยแหละ คนดนตรีทำเพลงหนังมันเลยสอดคล้อง ยิ่งพอเอาไปใส่ในหนังโอ้วบรรยากาศมันเป็นใจมาก แน่นอนว่าเพลงประกอบไต่ระดับไปถึงการพิชิตรางวัลออสการ์ปี 2008 ในสาขาเพลงยอดเยี่ยม มันมาไกลเกินฝันแล้วสำหรับทีมผู้สร้างนักแสดงนำ และเพลงประกอบก็ถูกสร้างสรรค์มาจากความหวัง ซึ่งเมื่อกลับมาดูพัฒนาการ 2 ตัวละคร พวกเขามีความฝันมีความหวังทำในสิ่งที่รัก ท้ายที่สุดมันพูดถึงการต่อสู้ของคนที่ทำงานศิลปะหรืออาชีพอิสระทุกคนมีฝันแต่เวลาส่วนใหญ่ดิ้นรนเพราะงานที่พวกเขารักไม่ได้หล่อเลี้ยงชีวิตพวกเขาได้และต้องไปทำอย่างอื่นเพื่อมีชีวิตรอด และจะมีเพียงไม่กี่คนที่สานฝันตัวเองสำเร็จเท่านั้น หนังเรื่องนี้เลยเป็นตัวแทนของคนดนตรีมากมายที่เป็นแรงบันดาลใจต่อไป