Inception (2010)

จิตพิฆาตโลก

Inception Poster
10/10

คะแนน
โกดังหนัง

แอคชั่น ไซไฟ เนื้อหาล้ำ เต็มไปด้วยความทะเยอทะยานเหนือจินตนาการ อีกหนึ่งงาน Masterpiece ที่น่าจดจำของผู้กำกับโนแลน

หมวดหมู่ : Action Sci-Fi
สัญชาติ : American
กำกับโดย : Christopher Nolan
ความยาว : 2 ชั่วโมง 28 นาที
นักแสดงนำ : Leonardo Dicaprio, Ken Watanabe, Joseph Gordon-Levitt, Mario Cotillard, Elliot Page, Tom Hardy, Cillian Murphy

คำคมจากภาพยนตร์

“Once an idea has taken hold of the brain, It’s almost impossible to eradicate.”
“เมื่อใดที่ความคิดได้ถูกฝังลงไปในสมองแล้ว ก็แทบเป็นไปไม่ได้เลยที่จะล้างมันออกไป”

เรื่องย่อ

ดอม คอบบ์ ชายผู้ก่อตั้งทีมจารกรรมทางความคิด เขาเป็นสุดยอดฝีมือในการเข้าไปในความฝัน และช่วงชิงความลับอันล้ำค่าจากจิตใต้สำนึกของเป้าหมายที่อยู่ในสภาวะหลับใหล วันหนึ่งคอบบ์ และทีมงานก็ได้พบกับนักธุรกิจผู้มีอิทธิพลชาวญี่ปุ่นที่มีนามว่า ไซโตะ ที่จะว่าจ้างคอบบ์ไปทำภารกิจบางอย่างเพื่อแลกกับการได้กลับประเทศอย่างไร้มลทิน แต่แทนที่เขาจะว่าจ้างคอบบ์เพื่อขโมยข้อมูลบางอย่างภายในจิตใจ ภารกิจดันกลับกลายเป็นสิ่งตรงข้าม เมื่อเขาต้องการให้คอบบ์และทีมงานทำการปลูกฝังความคิดบางอย่างเข้าไปในภายในสภาพจิตใจของลูกชายเจ้าของบริษัทคู่แข่งทางการค้าของเขาแทน แต่ดูเหมือนภารกิจใหม่กลับไม่ง่ายอย่างที่คิด เมื่อทุกอย่างดันไม่ได้เป็นไปตามแผนที่วางเอาไว้ ทำให้คอบบ์และทีมต่างต้องเผชิญกับความอันตรายมากขึ้นทุกทีในความฝันแต่ละชั้น

หนังเรื่องนี้เหมาะกับใคร

สำหรับ Inception แล้ว เป็นหนังเหมาะกับคนที่ชอบหนังสไตล์ล้ำๆ ที่มีพล็อตเรื่องเหนือชั้นคาดเดาอะไรไม่ได้ เพราะหนังเรื่องนี้จะให้สมองเราได้ทำงานตลอดเวลา 2 ชั่วโมงครึ่ง (ถ้ายังดูรู้เรื่องเข้าใจ และไม่คอพับหลับไปก่อน) หรือเป็นคนที่ชอบและหลงใหลผลงานล้ำโลกของผู้กำกับ Christopher Nolan เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว อย่าง Memento, Prestige หรือ Interstellar ก็อาจจะยกให้เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ชอบที่สุดของเขากันได้เลย แต่ในทางกลับกันหนังอาจจะไม่เหมาะกับคนที่ไม่ชอบใช้ความคิดเยอะๆ และอยากดูอะไรง่ายๆ ไม่ซับซ้อน ก็อาจมองผ่านไปได้เลย เพราะมันมีทั้งทฤษฎียุ่บยั่บซับซ้อน แต่ก็เต็มไปด้วยความน่าสนใจ

  • สายหนังแอคชั่นไซไฟ
  • ติ่งเสด็จพ่อโนแลน
  • สายหนังเนื้อหาล้ำๆ

รีวิว / สรุปเนื้อหา

นับว่าเป็นหนัง แอคชั่น-ไซไฟ ที่เนื้อหาล้ำ และคงเป็น “ตำนาน” ในสักวัน เพราะกาลเวลาคงจะทำอะไรมันได้ยาก ขนาดที่ว่าตอนเอามาฉายใหม่ในโอกาสครบรอบ 10 ปี ส่วนตัวก็ยังเต็มอิ่มเหมือนเดิม ด้วยพล็อตเรื่องที่เหนือชั้นกับคอนเซปต์ฝันซ้อนฝันสุดสลับซับซ้อน แต่ก็ย่อยออกมาให้เข้าใจง่าย เพราะหนังมีการปูพื้นฐานเกี่ยวกับระบบการทำงานของความฝัน และกลไกต่างๆ ให้กับคนดูก่อนที่จะกระโจนเข้าไปในโลกใหม่ได้เป็นอย่างดี แต่ในขณะเดียวกันก็ยังท้าทายความคิดของคนดูไปด้วย หลังจากเข้าภารกิจไปสู่ระบบฝันซ้อนฝันที่ในแต่ละชั้นก็มีเงื่อนไขของ “เวลา” ที่เดินไม่พร้อมกันมาเป็นตัวกำหนดภารกิจ ซึ่งไม่รู้ว่าในสมองของ Nolan คิดอะไรแบบนี้ออกมาได้อย่างไร (ซึ่งแรงบันดาลใจก็คงมาจาก Animation แนวไซไฟ ของญี่ปุ่นที่มีชื่อว่า Paprika ที่มีเนื้อเรื่องธีมคล้ายๆ กันกับการหลอมรวมโลกความจริงและความฝันเข้าด้วยกัน แต่ทีมงานของหนังก็ไม่เคยกล่าวถึงหรือให้เครดิตเลย) ก็นับเป็นอะไรที่น่าทึ่งมากๆ 

ส่วนที่เสริมหนังให้เติมเต็มจินตนาการคนดูได้เป็นอย่างดีคงหนีไม่พ้น CG และการถ่ายทำสุดอลังการ ของแต่ละฉากที่ถูกสรรค์สร้างผ่านกระบวนความคิดมาอย่างละเอียด ทั้งฉากความฝันที่พังทลาย เมืองพับได้ หรือในความฝันตั้งแต่ชั้นหนึ่งไปยังชั้นสุดท้ายก็ล้วนแล้วแต่สร้างความตื่นตาตื่นใจให้กับคนดูได้เป็นอย่างดี นี่ยังไม่รวมถึงงานด้านเสียงที่ตัดต่อและมิกซ์มาชวนปลุกเร้าตื่นเต้นตลอดเวลา กับสกอร์ขั้นเทพ โดยงานแผนกดนตรีทั้งหมดคนดูที่ดูแลก็ไม่ใช่ใคร แต่เป็นขาประจำอย่าง Han Zimmer นั่นเอง ที่ทำให้ในทุกๆ ฉากของหนัง แม้ว่าจะยังไม่มีแอคชั่น ก็ยังตรึงคนดูให้ตั้งใจโฟกัสกับหนังได้อยู่ตลอดเวลา ประกอบกับความน่าทึ่งของฉากต่างๆ ที่เสมือนเป็นการเสพงานศิลป์ที่เข้ากันได้เป็นอย่างดีทั้งงานภาพและงานเสียงระดับนี้

สิ่งที่น่าชื่นชมมากๆ อีกอย่างของหนังก็คงทีมดาราที่ Cast กันมาได้เป็นอย่างดี และเมื่อนำมาใส่กับคาแรคเตอร์แต่ละคนในทีมของ คอบบ์ แล้วก็เป็นอะไรที่น่าจะจดจำมากๆ แต่ละคนมีความโดดเด่นชัดเจนเป็นของตัวเอง และมีพื้นที่กระจายบทให้ตัวเองได้ทยอยปล่อยของกันหลายส่วนทำให้ภาพรวมของหนังนั้นเรียกได้ว่าดีในทุกองค์ประกอบเลย และนอกจากที่ตัวหนังเองจะวางตัวเป็นแนวแอคชั่น ไซไฟ แล้ว แต่ส่วนอื่นๆ ของหนังก็มีความเฉพาะตัวไม่แพ้กัน ทั้งในแนวดราม่าเบื้องหลังชีวิตของ คอบบ์ หรือเรื่องราวความรักของเขากับอดีตภรรยา ไปจนถึงความสยองจากการแสดงของ Marion Cotillard ที่ทำเอาขนลุกซู่ได้ทุกครั้งที่ปรากฏตัวออกมา ด้วยองค์ประกอบที่ดีงามเหล่านี้ ก็ไม่แปลกใจที่ไม่ว่าเวลาจะผ่านมาเท่าไร หลายๆ คนก็ยังยกให้ Inception เป็น Masterpiece ของผู้กำกับ Christopher Nolan มาโดยตลอด

เกร็ดจากหนังเรื่องนี้

  • บทของหนัง Inception เป็นความลับอย่างมาก ทีมงานทั้งหมดเลยต้องเข้าอ่านบทในห้องที่ล็อคประตู โดยที่ห้ามนำบทออกมา เพื่อไม่ให้บทรั่วไหล
  • เนื่องจากพล็อตความฝันซ้อนฝันมันซับซ้อนมากสำหรับนักแสดง พวกเขาหลายคนจึงเลือกจำจากเสื้อผ้าที่เข้าฉากเอา เพื่อดูว่าตอนนี้ตัวเองอยู่ในฝันชั้นไหนกันแน่ (ในส่วนของคนดูก็สังเกตจากฉากหลังเอา)
  • หนังแอคชั่นเนื้อเรื่องล้ำๆ ไม่กี่เรื่องที่ได้รางวัลออสการ์ ทั้งงานภาพ, มิกซ์เสียง, ตัดต่อเสียง และ Visual Effects (ซึ่งโดยส่วนมาก หนัง Nolan มักจะได้สาขาเหล่านี้แหละ)