In Time (2011)
ล่าเวลาสุดนรก
คะแนน
โกดังหนัง
เมื่อเวลาคือตัวกำหนดชีวิต อีกหนึ่งหนังคอนเซปเท่ๆ ว่าด้วยเรื่องของเวลา แต่น่าเสียดายที่ประเด็นยังไม่เข้มเท่าที่ควร
หมวดหมู่ : | |
สัญชาติ : | American |
กำกับโดย : | Andrew Niccol |
ความยาว : | 1 ชั่วโมง 49 นาที |
นักแสดงนำ : | Justin Timberlake, Amanda Seyfried, Cillian Murphy |
คำคมจากภาพยนตร์
“if you get a lot of time, are you really gonna give it away?” “ถ้าคุณได้รับเวลามามากพอ คุณจะยอมปล่อยมันไปจริงๆ หรอ?”
เรื่องย่อ
ในโลกอนาคตที่มนุษย์ทุกคนเติบโตได้เต็มที่ถึงอายุ 25 ปี ก่อนที่ร่างกายจะหยุดการเปลี่ยนแปลง และเมื่อนั้นร่างกายของคุณจะมีอายุอีกแค่ 25 ปีเท่านั้น และค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวันก็คือการเอา “เวลา” ในชีวิตมาเป็นหน่วยแลกเปลี่ยน ซึ่ง วิล คือชายที่เกิดมาในโลกนี้ และอยู่กับแม่แค่เพียง 2 คน ในเขตชุมชนยากจน ที่พยายามทำงานอย่างหนักเพื่อแลกกับเวลาชีวิตที่เพิ่มขึ้นแบบวันต่อวัน จนกระทั่งมีเศรษฐีที่หมดไฟที่จะใช้ชีวิตได้ให้เวลาทั้งหมดกับวิลเอาไว้ จนทำให้ชีวิตของเขาต้องเปลี่ยนไปตลอดกาล
หนังเรื่องนี้เหมาะกับใคร
สำหรับ In Time ก็เป็นอีกหนังของคนที่ชอบหนังแบบไฮคอนเซป หรือตอบสนองคอหนังที่ชอบพล็อตเจ๋งๆ ได้เป็นอย่างดี กับการเอาเรื่องของ เวลา มาใช้เป็นหน่วยในการแลกเปลี่ยนต่างๆ ที่สะท้อนถึงสภาพของเรื่องชนชั้นได้ไม่ต่างกับการใช้เงินทองเท่าไรนัก แม้ว่าหนังจะไม่ได้ลงรายละเอียด หรือขยี้ประเด็นให้หนักเท่าที่ควร แต่ก็นับว่าเป็นคอนเซปเท่ๆ ที่น่าสนใจอยู่ไม่น้อย หากใครชอบหนังไซไฟ ที่ไม่ได้ขยี้หนักนักอย่าง The Island หรือหนังสร้างโลกใหม่แต่ลงไปถึงปมมากอย่าง Divergent แล้ว ก็น่าจะพอสนุกกับ In Time ได้อยู่เหมือนกัน
- สายหนังไซไฟพล็อตล้ำ
- สายหนังโลกดิสโทเปีย
- สายหนังไซไฟสะท้อนชนชั้น
รีวิว / สรุปเนื้อหา
หนังอีกเรื่องที่เราต้อง ’ว้าว’ ไปกับคอนเซปของมัน กับการเอา ‘เวลาชีวิต’ มาใช้ในการแบ่งชนชั้น และความมั่งคั่ง แทนเงินทอง จนทำให้คนรวยนั้น ใช้ชีวิตเสมือนว่าเป็นอมตะไม่มีวันตาย เนื่องจากเวลาในชีวิตที่มีมากล้นจนใช้ยังไงก็ไม่หมด ในขณะที่คนจน กลับต้องใช้ชีวิตแบบวันต่อวัน เพื่อทำงานแลกเวลาเพื่อต่ออายุชีวิตในวันถัดไป หากคิดแล้วก็ไม่ต่างอะไรกับโลกปกติเท่าไรนัก ที่คนจนอาจต้องหาเช้ากินค่ำไปวันๆ ในขณะที่คนรวย ต่างกินดีอยู่ดีจนอายุยืนยาวกว่า แม้ว่าอาจจะไม่ได้นานขนาดร้อยปีพันปีแบบในหนัง แต่เราก็ได้เห็นคุณภาพชีวิตที่ต่างกันมากๆ อย่างเห็นได้ชัด
ถึงแม้ว่าหนังจะมีคอนเซปที่เจ๋ง แต่ก็น่าเสียดายไม่น้อย ที่หนังเลือกจะฉีกตัวเองให้กลายเป็นหนังแอคชั่นสุดธรรมดา มากกว่าที่จะเน้นขยี้ประเด็นเรื่องทุนนิยม ความแตกต่างในเรื่องชนชั้น หรืออะไรต่างๆ เพราะตัวหนังกลับกลายเป็นหนัง Popcorn มากๆ กับการไปเน้นจุดที่ตัวเอกต้องโดนหน่วย Time Keeper หรือ เจ้าหน้าที่รักษาเวลา มาไล่ล่าแทน จากการที่ได้รับเวลาจำนวนมากจนผิดปกติ จนทำให้มันกลายเป็นหนังไล่ล่าดาษๆ แทนที่จะมีมุมไซไฟ หรือปรัชญา ซึ่งในแง่ดีมันก็ดูง่าย แต่ในแง่ร้ายมันดูกลวงเกินไปนิด
ในส่วนของทีมดาราก็นับว่ามาดเท่กันดี ไม่ว่าจะเป็น Justin Timberlake และ Amanda Seyfried ก็มีมาดคนในโลกอนาคตดี รวมถึงเครื่องแต่งกายในเรื่องก็พาให้คิดไปอย่างนั้น หรือแม้แต่ Olivia Wilde กับการมารับบทแม่ที่มีหน้าตารุ่นราวคราวเดียวกันก็เป็นอะไรที่ชวนแปลกตาอยู่ไม่น้อย เลยทำให้ถึงในพาร์ทโรแมนติกของหนังจะแปร่งๆ และเน้นไปที่แอคชั่นลุ้นๆ มากกว่า แต่ก็พอจะพาให้หนังสามารถดูได้แบบเพลินๆ จนจบเรื่อง แม้ว่าจะไม่มีอะไรน่าจดจำเท่าไรนัก นับเป็นอีกผลงานของผู้กำกับ Andrew Niccol ที่ยังห่างชั้นกับผลงานแรกๆ อย่าง Gattaca อยู่มาก
เกร็ดจากหนังเรื่องนี้
- โลกอนาคตในหนังคือปี 2169
- Justin Timberlake อายุมากกว่า Olivia Wilde ที่เล่นเป็นแม่ของเขาในเรื่องถึง 3 ปี
- ชื่อดั้งเดิมของหนังตอนที่ถ่ายมีชื่อว่า “Now” และ “I’m.mortal