Fast Five (2011)

เร็ว.. แรงทะลุนรก

Fast Five Poster
9/10

คะแนน
โกดังหนัง

ผสมผสานหนังปล้นกับหนังรถซิ่ง สู่ภาคที่มันส์ที่สุดของหนังชุดนี้ รวมทีมดาราระดับจัดเต็ม เนื้อเรื่องเข้มข้น และฉากแอคชั่นเดือดระอุ จนบราซิลต้องลุกเป็นไฟ

หมวดหมู่ : Action Adventure Crime
สัญชาติ : American
กำกับโดย : Justin Lin
ความยาว : 2 ชั่วโมง 10 นาที
นักแสดงนำ : Vin Diesel, Paul Walker, Dwayne Johnson

คำคมจากภาพยนตร์

“The most Important thing in life will always be the people in this room right here, right now.”
“สิ่งสำคัญที่สุดในชีวิตตลอดไปก็คือ ผู้คนที่อยู่ห้องนี้ตอนนี้”

เรื่องย่อ

ไบรอัน และ มีอา ได้ช่วย ดอมินิค โทเร็ตโต ให้พ้นจากการจับกุม โดยมีภารกิจครั้งใหญ่ในเมือง ริโอ เดอ จาเนโร ในประเทศบราซิล ทำให้พวกเขาต้องรวบรวมทีมนักซิ่งมากฝีมืออีกครั้ง ทั้งหน้าใหม่และหน้าเก่า เพื่อปฏิบัติการปล้นครั้งใหญ่ ที่ดันไปพัวพันกับมาเฟียตัวเบ้งในพื้นที่เข้า หลังจากได้พบกับเบาะแสที่ซ่อนเงินจำนวนมหาศาล ในขณะเดียวกัน ทางการสหรัฐก็ส่ง ฮ็อบส์ นายตำรวจร่างยักษ์มาเพื่อติดตามจับกุมพวกเขาด้วย ทำให้ภารกิจครั้งนี้พวกเขาต้องรับศึกในรอบด้าน

หนังเรื่องนี้เหมาะกับใคร

สำหรับ Fast Five คงไม่ต้องสาธยายอะไรมาก ถ้าหากใครที่เป็นแฟนหนังชุดนี้อยู่แล้ว ก็น่าจะชื่นชอบในภาคนี้ไม่ต่างกัน ด้วยความครบรสในแบบพอดี ไม่เว่อร์ทะลุหลักฟิสิกส์เกินไปแบบในภาคหลังๆ ประกอบกับเรื่องราวสุดเข้มข้นแล้ว ก็ต้องยกให้ภาคนี้เป็นภาคที่ต้องดูอย่างไม่ต้องสงสัย แต่หากใครที่แค่ผ่านไปผ่านมาไม่ได้ตามหนังชุดนี้มาก่อน ก็อยากแนะนำให้ไปเก็บภาค 4 สักครั้งก่อนมาต่อกันที่ภาคนี้ เพราะเรารับรองได้เลยว่า คุณจะเก็บหนังภาคนี้เข้าไปในลิสท์หนังแอคชั่นในดวงใจอีกเรื่องได้อย่างแน่นอน โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับคนที่ชอบหนังปล้นซิ่งแบบ The Italian Job แล้ว นี่คือแนวเดียวกันที่ยกระดับเล่นใหญ่กว่าเยอะ

  • สายหนังตระกูลรถซิ่ง
  • สายหนังFast&Furious
  • สายหนังแอคชั่นมันส์ระห่ำ

รีวิว / สรุปเนื้อหา

ใครจะไปรู้ ว่าการที่ค่ายตัดสินใจเอา The Fast and the Furious: Tokyo Drift มาลงฉายในลงแทนที่จะปล่อยตรงลงแผ่นแบบที่ตั้งใจเอาไว้ ไปพร้อมๆ กับการใส่ Vin Diesel เข้ามาในช่วง End Credit ท้ายเรืองนั้น มันจะนำมาสู่แฟรนไชส์อันทรงคุณค่าที่สร้างรายได้เป็นกอบเป็นกำได้ขนาดนี้ มาจนถึง Fast Five ที่หนังก็ยังคงได้ผู้กำกับคนเดิม แต่เพิ่มเติมคือเป็นภาคที่แฟนๆ (รวมถึงเราเอง) ยกให้เป็นภาคที่สนุกที่สุดเท่าที่ดูมาแล้ว ด้วยความที่หนังฉีกตัวเองไปเป็นหนังจารกรรมสุดเท่ พร้อมการวางแผนปล้น สู่ภารกิจจริงสุดมันส์ ที่มาเร่งอะดรีให้สูบฉีดตลอดเรื่องได้อย่างเต็มพิกัด 

หากมองว่าภาค 4 หรือ Fast & Furious ในปี 2009 นั้น คือการหยิบเอาเรื่องราวมาเริ่มใหม่อีกครั้งแล้ว ใน Fast Five ก็คงเป็นการสานต่อที่งดงาม จากการพาเอาตัวละคร จากหลากหลายภาคที่เราคุ้นหน้าคุ้นตากันดีตบเท้าเข้ามาร่วมทีมกันได้อย่างสนุกสนาน และสร้างธีมความเป็นหนังปล้นแบบแฟมิลี่ ที่เพิ่มในเรื่องความรักพวกพ้อง และมิตรภาพในแบบที่ตายแทนกันได้ ให้มาเป็นแก่นหลักของเรื่องที่ช่วยให้คนดูผูกพันกับพวกเขา และพร้อมเอาใจช่วยพวกเขามากขึ้น แม้ว่าพวกเขาจะอยู่ในสถานะที่เป็นโจรก็ตาม ซึ่งในภาคนี้ก็เรียกได้ว่ามีการกระจายบทได้เป็นอย่างดี แม้แต่ตัวละครหน้าใหม่อย่าง จีเซล หรือ เอเลน่า ก็สามารถมีพื้นที่หรือฉากน่าจดจำมากมายในเรื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งมันทำให้ Gal Gadot ปังมาถึงทุกวันนี้เลย

ด้วยการความเป็นหนังปล้นมาผสานกับหนังรถซิ่งได้อย่างลงตัว ที่แม้ว่ามันอาจจะไม่ได้เป็นส่วนผสมใหม่ เพราะก็มีหนังอย่าง The Italian Job ที่ทำมาแล้ว แต่ก็ต้องยอมรับว่า ฉากต่างๆ ที่หนังสร้างสรรค์ออกมา ใช่การไล่ล่าในพื้นต่างระดับในบราซิล หรือแม้แต่ฉากรถลากตู้เซฟ ก็เป็นอีกหนึ่งฉากแอคชั่นในโลกภาพยนตร์ที่ทำออกมาได้ มันส์ เดือดระอุ เป็นอย่างยิ่ง และไม่เลอะเทอะจนเกินไปเหมือนอย่างในภาคหลังๆ จากนี้ ที่ความขี้โม้มันไต่ระดับจนแทบจะไปอวกาศได้แล้ว เลยทำให้ภาคนี้กลายเป็นภาคที่เรารักที่สุด จากความลงตัวในทุกๆ ด้านของมันที่สุดแล้วนั่นเอง

เกร็ดจากหนังเรื่องนี้

  • ไม่มีฉากไหนในหนังที่มีการพูดถึงชื่อของตัวละคร Gisele ของ Gal Gadot ตลอดทั้งเรื่องเลย (เออ ทำไมนะ…)
  • ปัญหาภายในหนังที่เป็นศึกระหว่าง The Rock กับ Vin Diesel (ที่ออกมาเป็นกระแสข่าวอยู่ช่วงนึงนั้น) เริ่มก่อตัวขึ้นจากการถ่ายทำเพียงไม่กี่สัปดาห์ จากการแซะกันไปมาของแต่ละฝ่าย โดยมี Tyrese Gibson มาร่วมวงด้วยในเวลาต่อมา
  • ก่อนหน้านี้บทบาทของ Hobbs นั้นเกือบตกเป็นของ Tommy Lee Jones (ถ้าเป็นเช่นนี้ก็นึกภาพไม่ออกจริงว่าจะออกมายังไง) แต่ทว่าดันมีแฟนหนังคนหนึ่งนามว่า Jan Kelly เคยบอกเอาไว้ว่าอยากเห็น The Rock กับ Vin Diesel มาร่วมจอกัน น่าจะเป็นอะไรที่น่าสนใจมากๆ ซึ่งหนังก็ได้เช่นนั้นโดยที่เธอก็คงไม่ทันคิดว่าทั้งคู่จะออกมาทะเลาะกันใหญ่โตขนาดนี้ 55+