Avengers: Infinity War (2018)

มหาสงครามล้างจักรวาล

Avengers: Infinity War Poster
10/10

คะแนน
โกดังหนัง

สุดยอดหนัง Superhero ของยุคนี้ ภาคต้นของการปิดจักรวาลสุดยิ่งใหญ่ สนุก มันส์ ลุ้น แถมปล่อยทิ้งให้คนดูรอจนจะขาดใจตายถึง 1 ปี

หมวดหมู่ : Action Adventure Sci-Fi
สัญชาติ : American
กำกับโดย : Anthony Russo, Joe Russo
ความยาว : 2 ชั่วโมง 29 นาที
นักแสดงนำ : Robert Downey Jr., Chris Hemsworth, Mark Ruffalo

คำคมจากภาพยนตร์

“You may think this is suffering. No this is Salvation.”
“พวกแกอาจคิดว่านี่คือการทรมาน แต่ไม่ใช่ นี่เป็นทางรอดต่างหาก”

เรื่องย่อ

เมื่อ ธานอส สุดยอดมหาวายร้ายแห่งกาแลคซี่ มีแผนที่จะรวบรวมอัญมณีให้ครบ เพื่อดำเนินการลดจำนวนประชากรทั้งจักรวาลลงไปครึ่งหนึ่ง เพื่อให้เกิดความสมดุลกับธรรมชาติ และไม่ต้องอดกันตาย เหล่าทีม Avengers บางส่วน จากที่เคยแตกหักกันไปในภาคก่อน จึงต้องมารวมตัวกันอีกครั้ง เพื่อต่อกรกับบอสใหญ่ในครั้งนี้

หนังเรื่องนี้เหมาะกับใคร

สำหรับ Avengers: Infinity War แน่นอนว่าก็ต้องเหมาะกับแฟนๆ หนังค่าย Marvel ที่ผ่านการติดตามการมาอย่างเหนียวแน่นอนตลอด 10 ปี เพราะถ้าไม่ได้ดูเรื่องอื่นๆ มาก่อน รับได้ว่ามีความงงกับบรรดาตัวละครที่มากมาย ประกอบกับงงกับเรื่องราวไปด้วยอย่างแน่นอน เพราะทุกเรื่องที่ผ่านมานั้น มันคือการปูเรื่องเพื่อมาสู่ในภาคนี้นั่นเอง แต่แม้ว่าเราจะให้ 10/10 แต่เชื่อว่าก็ยังมีอีกหลายๆ คนที่ยังไม่ชอบ ด้วยเหตุผลต่างๆ นานา ทั้งมองว่ามันอืดบ้าง มันกระจายบทไม่ดีบ้าง แต่หากมองแค่ประสบการณ์ส่วนตัวแล้ว Avengers: Infinity War นับเป็นหนังอีกเรื่องที่ดูแล้วฟินมากจริงๆ เอาเป็นว่าใครตาม Marvel Cinematic มาโดยตลอดก็คงไม่พลาดอยู่แล้วแหละ

  • สายหนังแอคชั่นซุปเปอร์ฮีโร่
  • สายหนังแอคชั่นบล็อกบัสเตอร์
  • สายหนังภาคต่อ

รีวิว / สรุปเนื้อหา

หลังจากที่แฟนๆ Marvel Cinematic หรือเรียกกันว่าแฟนหนัง Marvel นั้น เริ่มต้นติดตามตัวจักรวาลของหนังมาตั้งแต่ปี 2008 ของ Iron Man 1 เรียกได้ว่าเป็นการปูเรื่องราวทั้งหมด ผ่านหนังในค่ายอีกหลายเรื่องมากว่า 10 ปี ในที่สุดก็ได้มาถึงจุดสิ้นสุดของของมหากาพย์ Infinity Saga กันเสียที ซึ่งด้วยความ Epic และเรื่องราวที่มากมายของมัน เลยทำให้หนังต้องถูกแบ่งออกมาเป็น 2 ภาค โดยมี Infinity War เป็นภาคต้น ก่อนที่จะทิ้งช่วง 1 ปีให้ไปจบที่ภาค Endgame ซึ่งในภาคนี้ก็เรียกได้ว่าเป็นการเปิดภาคจบได้คุ้มการรอคอยมากๆ ผ่านตัวละครมากมายที่เรารู้จักพวกเขากันมาตลอดก่อนหน้านี้ เป็นความเล่นใหญ่ที่สมศักดิ์ศรีจริงๆ 

ตลอด 2 ชั่วโมงครึ่งของหนังนั้นเต็มไปด้วยความเต็มอิ่ม และอิ่มเอมเป็นอย่างมาก กับการในเห็น Superheroes หลายตัวที่ชอบมาตลอดของค่าย ได้มาร่วมจอกัน ได้ทำภารกิจร่วมกัน และต่อสู้ไปด้วยกันอย่างสนุก อีกทั้งในด้านเนื้อหาของเรื่องนั้น ก็เต็มไปด้วยความน่าติดตาม เพราะตั้งแต่เปิดฉากมาต้นเรื่อง หนังก็แทบไม่พูดพร่ำทำเพลงอะไรแล้วยัดฉากแอคชั่นใส่เข้ามาเลย ต่อเนื่องจากนั้นหนังก็ดูเหมือนจะใส่ฉากไคลแม็กซ์เข้ามาได้ไม่หยุดกับทุกตัวละคร จนทำให้ในทุกๆ ฉากของหนัง ดูแทบจะเป็นฉากไคลแม็กซ์ทั้งหมดเลยด้วยซ้ำ จากความน่าสนใจที่อัดแน่นอนตลอดเวลา

ซึ่งฉากต่อสู้ ฉากเมืองถล่มต่างๆ ก็เรียกได้ว่าทำออกมาได้ดีมากๆ มี CG ที่เนียนตาอยู่ตลอดทั้งเรื่อง จนทำให้ฉากแอคชั่นมีความน่าสนใจสุดๆ อีกทั้งในเรื่องก็จัดฉากใหญ่มาเยอะมาก มีการจับ Combination ในการต่อสู้ได้อย่างสนุกดี กับบรรดาตัวร้ายที่ทำออกมาได้ดูสมน้ำสมเนื้อ แต่ที่จะไม่พูดไม่ได้เลยในภาคนี้ก็คือฉากจบของหนัง ที่เสมือนพาเราขึ้นไปจุดสูงสุดของรถไฟเหาะ แต่มันดันค้างเติ่งอยู่แบบนั้นด้วยความสิ้นหวัง ทำให้มันกระตุ้นความอยากดูต่อได้อย่างถึงที่สุด แม้ว่าการรอคอยนั้นจะอยูที่ประมาณ 1 ปีเต็มๆ เลยก็ตาม นับเป็นช่วงเวลาที่ทรมานคนดูมากเลยจริงๆ

เกร็ดจากหนังเรื่องนี้

  • Tom Halland ถูกห้ามไม่ให้อ่านบทของหนังเรื่องนี้ก่อน หลังจากที่เขาเปิดเผยเนื้อหาใน Spider-Man: Homecoming มากจนเกินไป จุดสุดท้ายต้องรับฉายาว่าเป็นตัวสปอยล์เนื้อหาของวงการ ในณะที่ Mark Ruffalo ก็ไม่ต่างกันจนต้องได้บทปลอมๆ ไปอยู่เสมอ
  • ชื่อของ Thanos มาจากชื่อย่อในภาษากรีกว่า Thanatos ที่หมายถึง ความตาย
  • ตอนหนังออกฉาย ค่าย Marvel ถึงกับออก #ThanosDemandsYourSilence เพื่อเป็นการป้องกันคนที่ได้ดูหนังเรื่องนี้วันแรกๆ ออกมาสปอยล์ให้คนที่ยังไม่ได้ดู