ก่อนหน้านี้ Jared Leto เคยแสดงบท Joker ใน Suicide Squad เมื่อปี 2016 แต่บทดังกล่าวโดนวิจารณ์หนักหน่วงว่าเป็น Joker ที่แย่ที่สุด เนื่องจากลุคที่ไม่ได้สร้างความหวาดกลัวให้ผู้ชม แถมมีบทบาทโผล่ออกมาไม่ถึง 10 นาทีเลยด้วยซ้ำ ว่าง่ายๆคือโผล่มาทำไมก็ไม่รู้ ไม่ได้มีอิทธิพลกับหนังเลย การโดนด่าแหลกแบบเสียๆหายๆในตอนนั้น ทำให้ Jared Leto อยากจะสร้างหนังเดี่ยว Joker ในแบบฉบับของตัวเอง แต่ปัญหาคือ Warner ไม่เชื่อมือและมองว่าถ้าเกิดขึ้นจริงคงพังแน่

ทำให้ค่ายหนังตัดสินใจสร้าง Joker ขึ้นมาใหม่ และมอบหมายงานให้ Todd Phillips ผู้กำกับ The Hangover เข้ามาดูแลงานชิ้นนี้ พร้อมกับเลือก Joaquin Phoenix มารับบทนำ โดยเนื้อหาคือการพาไปรู้จักต้นกำเนิดตัวละครนี้แบบดำดิ่งที่สุดว่าทำไม ชายหนุ่มที่มีฝันอยากเป็นนักแสดงตลกถึงก้าวมาสู่การเป็นอาชญากรที่น่ากลัวที่สุดใน Gotham City แม้ว่าจะประสบความสำเร็จในวงกว้างมาก แต่หนังกลับสร้างความไม่พอใจให้กับ Jared Leto เนื่องจาก Warner Bros. สตูดิโอไปข้างหน้าข้ามตา ไม่มีการบอกกล่าวอะไรให้เขารับรู้แบบส่วนตัวและในที่สุดก็ได้ประกาศผ่านสื่อออกไปว่าจะไม่ขอยุ่งเกี่ยวกับบทนี้อีก และเขาก็ย้ายค่ายไปรับบท Morbius วายร้ายสายดาร์คให้ Spider Man ให้กับฝั่ง Sony Marvel แทน

ไม่มีใครคาดคิดว่าตัวร้ายที่คนบอกว่านี่คือ Joker ที่ห่วยแตกที่สุดในประวัติศาสตร์ จะกลับมาเชิดชายขึ้นจออีกครั้ง และเป็น Zack Snyder ตัดสินใจไปเกลี้ยกล่อมพูดคุยกับ Jared เพื่อให้ร็อคสตาร์รายนี้กลับมารับบทนี้อีกครั้งใน Zack Snyder’s Justice League และการออกมาแค่ฉากเดียวในหนังก็สร้างความประทับใจให้ผู้ชมมากๆ โดยเบื้องหลังของความสำเร็จในครั้งนี้เกิดจาก Zack ได้โน้มน้าวพระเอกดังเป็นเวลาร่วมๆ 2 ปี

“Zack คุยกับ Jared 2-3 ครั้งถึงเรื่องนี้ตั้งแต่ Suicide Squad เขาบอกฉันว่า ‘ผมไม่รู้เหมือนกัน’ จนสุดท้ายเขาก็บอกว่าสำเร็จแล้ว” Deborah Snyder ภรรยาของ Zack Snyder กล่าว