![LoveAboutTime_00](https://kodungmovie.com/wp-content/uploads/2022/01/TemplateKDN-OG-for-website.001-5.jpeg)
6 เหตุผลทำไมใครๆ ก็รักหนังที่ชื่อ About Time
หากจะพูดถึงหนังฟีลกู้ดชั้นดีสักเรื่อง เชื่อว่าหลายๆ คนน่าจะพูดถึงชื่อ About Time มาในลิสท์ของตัวเองแน่ๆ ด้วยความที่หนังมีองค์ประกอบหลายๆ อย่าง ทั้งความโรแมนติค ทั้งความสัมพันธ์ครอบครัว ที่กลั่นกรองออกมาได้ดูง่าย ย่อยง่าย แถมยังได้ข้อคิดต่างๆ ที่ตกผลึกออกมาได้อยู่เยอะ อีกทั้งในแง่ความบันเทิงของการหยิบเอาเรื่องของการย้อนเวลามาใช้ ก็ยิ่งทำให้หนังมีลูกเล่นที่น่าสนใจชวนติดตามมากขึ้นไปอีก แม้ว่าเวลาจะผ่านมาหลายปี หนังก็ยังอยู่ในใจมาโดยเสมอ
โดย About Time เป็นเรื่องราวของ ทิม เลค ชายหนุ่มแสนธรรมดา ที่ในวัย 21 ได้ค้นพบว่าตัวเองมีพันธุกรรมหนึ่ง ที่ผู้ชายในตระกูลนี้จะสามารถย้อนเวลาได้ โดยข้อจำกัดก็คือสามารถย้อนไปในการแก้ไขชีวิตตัวเองได้ แต่ไม่สามารถไปเปลี่ยนแปลงประวัติศาสตร์หรืออะไรได้ เขาเลยมีความตั้งใจจะเอาพลังที่ว่านี้ไปใช้ในการจีบสาวที่เป็นเรื่องยากสำหรับเขา จนกระทั่งวันหนึ่ง เขาก็ได้พบกับ สาวสวยที่ชื่อ แมรี่ เขาได้ใช้พลังการย้อนเวลาวนกลับไปจนจีบเธอติด พร้อมทั้งแก้ไขสิ่งต่างๆ ในชีวิต แต่แล้ววันหนึ่งเขาก็ต้องพบว่าพลังที่เขามีนั้น กลับส่งผลกระทบกับชีวิตเขามากกว่าที่คิด และในบางครั้งมันก็ไม่ได้ใช้แก้ได้ทุกปัญหาเสมอไป
เล่ามาขนาดนี้แล้ว #โกดังหนัง จึงอยากลองชวนมาดูกันดีกว่าว่าเหตุใด About Time ถึงกลายเป็นหนังที่ใครๆ ก็รัก แล้วลองมาบอกเรากันหน่อยว่า คุณรักหนังเรื่องนี้เพราะอะไร?
Richard Curtis ผู้กำกับสายฟีลกู้ดกับแนวที่เขาถนัดที่สุด
![](https://kodungmovie.com/wp-content/uploads/2022/01/TemplateKDNAlbum_อัลบั้มด้านใน_About-Time.001-1024x1024.jpeg)
จะเรียกว่าเป็น บิดาแห่งวงการ Rom-Com ก็คงไม่ผิดนัก สำหรับ Richard Curtis ผู้ที่สร้างหนังรักในตำนานหลายเรื่องมากๆ ทั้งการเขียนบทหนังรักสุดคลาสสิคอย่าง Four Weddings and a Funeral, Notting Hill, Bridget Jones’s Diary และอื่นๆ อีกมากมาย รวมถึงยังนั่งแท่นกำกับหนังรักหลากรสอย่าง Love Actually ที่หลายๆ คนก็ยังหยิบมาดูกันบ่อยครั้งในช่วงคริสมาสต์ด้วย
จนมาถึงหนังอย่าง About Time ที่เขาทั้งเขียนบทและกำกับเอง ก็ยังคงความเฉียบเอาไว้ได้ทั้งตัวบทเอง ที่ใส่กิมมิคการย้อนเวลาเข้ามาอย่างสร้างสรรค์ แต่เนื้อแท้และหัวใจสำคัญก็ยังคงอยู่ที่เรื่องความรักทั้งแบบหนุ่มสาวและครอบครัว รวมถึงยังรู้จุดขยี้แบบจัดหนักให้น้ำตาร่วง พร้อมทั้งดูจบด้วยความรู้สึกหัวใจพองโต และได้ข้อคิดดีๆ ฝังหัวกลับไปด้วย นับเป็นอีกหนัง Masterpiece ในงานกำกับแนวนี้ของเขามากๆ
3 ดาราชั้นดี ที่เคมีแต่ละคนเข้ากันแบบสุดๆ
![](https://kodungmovie.com/wp-content/uploads/2022/01/TemplateKDNAlbum_อัลบั้มด้านใน_About-Time.002-1024x1024.jpeg)
หนังทำให้ดาราอย่าง Domhnall Gleeson เล่นเป็นตัวแทนผู้ชายธรรมดาที่ดูมีเสน่ห์มากๆ แม้ว่าเขาจะดูเฉิ่มๆ เนิร์ดๆ ในช่วงแรก แต่กลับทำให้เขาดูเป็นผู้ชายที่อบอุ่นได้เป็นอย่างดี และเหมาะกับบทนี้แบบสุดๆ ในด้านความรักกับสาวสวยอย่าง Rachel McAdams ก็เป็นคนที่ทำให้คนดูยิ้มตามเธอได้อยุ่ทุกครั้ง อีกทั้งยังมีความน่ารักแบบปรอทแตก ที่เคมีตอนทั้งสองคนอยู่ด้วยกันก็ดูเป็นคู่รักที่ดูเข้ากันดี
ซึ่งไม่ได้มีแค่เพียงเคมีคู่รักเท่านั้น แต่เคมีของ Domhnall Gleeson กับ Bill Nighy นี่แหละ ที่มีคู่สำคัญ ที่ทำให้เราเห็นถึงความสัมพันธ์ของพ่อ-ลูกในช่วงเวลาสั้นๆ แต่กลับกินใจเหลือเกิน และการแสดงของทั้งสองนั้น ก็สื่อออกมาให้เรารู้สึกเช่นนั้น จนอดเสียน้ำตาไม่ได้ เพราะทั้งคู่ช่างดูเหมือนพ่อ ลูกกันจริงๆ เหลือเกิ๊น
กิมมิคการย้อนเวลา แต่เข้าใจแบบง่ายๆ เพราะไม่ใช่ไซไฟ
![](https://kodungmovie.com/wp-content/uploads/2022/01/TemplateKDNAlbum_อัลบั้มด้านใน_About-Time.003-1024x1024.jpeg)
จริงๆ ก็ไม่ใช่ว่าจะใหม่นักกับการที่หยิบเอากิมมิคเรื่องการข้ามเวลามาใช้กับหนังรัก เพราะหนังอย่าง The Time Traveler’s Wife ก็เคยใช้มาแล้ว แถมยังมีดาราอย่าง Rachel McAdams เหมือนกันอีกด้วย เพียงแต่ว่าโทนมันกลับต่างกันมาก เพราะเรื่องที่ว่ามีมุมเศร้าๆ กับการพยายามให้ข้อมูลกับการย้อนเวลาอยู่ไม่น้อย แต่ในมุมของ About Time นั้น กลับมีความสดใสและเรียบง่ายกว่ามาก
เพราะ About Time นั้นแม้ว่าจะเล่นกับเรื่องของเวลา แต่ไม่ได้ไปลงดีเทลอะไรกับมันเลย นอกจากการที่ได้เห็นว่าตัวเอกย้อนเวลาไปกับอะไรบ้าง ไปพร้อมๆ กับกฏหลวมๆ ทำให้หลายๆ คนที่ปวดหัวกับทฤษฎีเวลาทั้งหลายก็สามารถดูเข้าใจง่าย และไม่ต้องไปนั่งคิดถึงความสมเหตุสมผลเลย ใช้เพียงแค่อารมณ์ในการรับรู้เรื่องราวล้วนๆ โดยที่มันไม่ได้มีอะไรขัดใจเลย
ไม่ได้มีแค่ความรักหนุ่มสาว แต่ยาวไปถึงความสัมพันธ์ครอบครัว
![](https://kodungmovie.com/wp-content/uploads/2022/01/TemplateKDNAlbum_อัลบั้มด้านใน_About-Time.004-1024x1024.jpeg)
แม้ปกหนังหรือการโปรโมทจะไปในทางโรแมนติกจ๋าๆ รวมถึงเรื่องราวก็ยังเป็นของ ทิม ที่ใช้พลังการย้อนเวลาเพื่อ แมรี่ สาวสวยที่เขาแอบชอบ ซึ่งในพาร์ทความรักของทั้งคู่นั้นก็เรียกได้ว่าทำออกมาได้เป็นอย่างดีเลย ทั้งความอบอุ่น ความฟินต่างๆ นานา
แต่ทีเด็ดของหนังจริงๆ กลับไม่ได้อยู่แค่ตรงนั้น เพราะหนังได้พาเราไปสำรวจมุมมองครอบครัวได้เป็นอย่างดี อย่างความสัมพันธ์ของพ่อ-ลูกในเรื่อง ที่แม้จะย้อนเวลาได้ทั้งคู่ แต่สุดท้ายชีวิตก็ต้องดำเนินต่อไป และมีวันจากลา ซึ่งในส่วนนี้หนังทำออกมาเสมือนเป็นหมัดน็อคขยี้ 10 แรงมือ ที่เก่งมาจากไหนก็น้ำตาร่วงไปด้วยกันทั้งนั้น นับเป็นหนังที่มีความสมดุลทั้งเรื่องความรักแบบคู่รัก และครอบครัวได้ดีจริงๆ
เพลงประกอบความหมายดี อย่าง How Long Will I Love You
![](https://kodungmovie.com/wp-content/uploads/2022/01/TemplateKDNAlbum_อัลบั้มด้านใน_About-Time.005-1024x1024.jpeg)
หนังมีเพลงประกอบหลักอย่าง How Long will I Love You ของ Ellie Goulding ที่โด่งดังมากๆ และมีเนื้อหาดีๆ ว่าคนเราจะรักกัน จะอยู่ด้วยกันได้นานแค่ไหน ซึ่งเนื้อเพลงก็สื่อออกมาได้ดีมากๆ ว่า คนรักกันก็อยากจะอยู่ด้วยกันตลอดไปทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็น ดวงดาวยังอยู่บนฟ้า ฤดูกาลยังผันแปร หรือน้ำทะเลยังซัดเข้าหาด ก็ล้วนแต่เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแบบไม่มีวันเปลี่ยนแปลงทั้งนั้น
นี่ยังไม่รวมเพลงคลาสสิคอย่าง I Will Always Love You หรือเพลงดีๆ ในที่จัดเซต Soundtrack มาในเรื่องอีกมากมายอย่าง At the River, Lullaby, Mr. Brightside, All the Things She Said จนเรียกได้ว่า นอกจากดูหนังดีๆ แล้ว ยังได้ฟังเพลงเพราะๆ ที่เข้ากับหนังไปด้วยอย่างกลมกล่อมเลย
หนังที่เปลี่ยนความคิด และการใช้ชีวิตของคนดูไปตลอดกาล
![](https://kodungmovie.com/wp-content/uploads/2022/01/TemplateKDNAlbum_อัลบั้มด้านใน_About-Time.006-1024x1024.jpeg)
สุดท้ายแล้ว About Time สำหรับหลายๆ คนมันไม่ใช่หนังบันเทิงที่ดูแล้วจบไป แต่สิ่งต่างๆ ที่สอดแทรกเข้ามาอยู่ในหนังนั้น ก็ค่อยๆ ซึมซํบเข้ามาในใจและในสมองคนดูอยู่ด้วยตลอดเรื่อง เพราะเมื่อดูจบ มันทำให้เราอยากวิ่งกลับไปกอดทุกคนที่เรารัก อยากใช้เวลากับพวกเขาให้มากที่สุด เหมือนที่ทิมใช้เวลาอยู่กับพ่อของเขา
ไปจนถึงอยากที่จะใช้ชีวิตให้คุ้มค่า หาความสุขกับชีวิตให้ได้ในทุกๆ วันไม่ว่ามันจะเป็นเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ก็ตาม เราก็จะทำทุกวันให้ดีที่สุด เสมือนว่ามันเป็นวันสุดท้ายของชีวิต อย่างทิม ที่แม้ว่าจะสามารถย้อนเวลากลับไปได้ แต่เขาก็ขอใช้ชีวิตเสมือนไม่มีพลังพิเศษนี้ดีกว่า เพื่อป้องกันการสูญเสียสิ่งดีๆ ในชีวิตที่เราเลือกแล้วไปอีก