รวม 7 หนังของเจ้าพ่อหักมุม M.Night Shayamalan
หากจะพูดถึงผู้กำกับสายหนังสยองขวัญหักมุมที่เป็นตำนานอีกคนในวงการภาพยนตร์ ก็คงหนีไม่พ้นชื่อของ M. Night Shayamalan หรือที่แฟนหนังหลายคนเรียกว่าเฮียมาโนชนั่นเอง ต้องบอกว่าในช่วงเวลาหนึ่งในยุค 90s ปลายๆ ถึง 2000 ต้นๆ นับว่าเป็นยุคทองของเขาเลยทีเดียว เพราะหนังที่ออกมาแต่ละเรื่อง อย่าง The Sixth Sense, The Unbreakable หรือ Signs ก็ได้รับคำชมมาตลอด ก่อนที่จะเป๋ๆ ไปพักใหญ่ ส่วนหนึ่งก็เพราะผู้คนคาดหวังกับการหักมุม หรืออะไรใหม่ๆ ในหนังเขาด้วย ทั้งๆ ที่บางเรื่องก็ออกมาโอเคอยู่ ยกเว้นแนวแฟนตาซีของเขา ที่หลายคนน่าจะสาปส่งกันไปเลย
ซึ่งในยุคหลังๆ นี้ก็เรียกได้ว่าเขาค่อนข้าง Comeback ได้พอสมควรเลย เพราะหนังของเขาเริ่มมีความหลอน สยองในแบบเดิมๆ พร้อมกับเนื้อเรื่องที่ถือว่ามีความแปลกใหม่ อย่างล่าสุดก็มี Knock at the Cabin (2023) ที่เล่าเรื่องของคู่เกย์ที่อาศัยอยู่กับลูกสาวของพวกเขา ที่ได้ออกเดินทางไปพักร้อนที่กระท่อมกลางป่า แต่กลับต้องพบกับกลุ่มคนปริศนา 4 คน ที่มาให้พวกเขาเลือกทำบางอย่างที่น่าลำบากใจ เพื่อช่วยโลกไม่ให้พินาศ ซึ่งหนังก็ดัดแปลงมาจากนิยายรางวัล ที่น่าจะเน้นเรื่องจิตวิทยาไม่น้อยเลย เอาเป็นว่าก่อนจะไปดูเรื่องนี้ มาทบทวนงานเก่าๆ ของพี่แกกันหน่อยดีกว่า
1. The Sixth Sense (1999) – ซิกซ์เซ้นส์…สัมผัสสยอง
มัลคอล์ม โครว์ จิตแพทย์เด็กชื่อดังที่เพิ่งได้รางวัลกลับมา จึงตั้งใจที่จะฉลองกับภรรยาที่บ้าน แต่แล้วเหตุการณ์ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น เมื่อ วินเซนต์ คนร้ายที่เป็นคนไข้ของตัวเองบุกรุกเข้ามาบ้าน จนถูกยิงได้รับบาดเจ็บ หลังจากเหตุการณ์นั้น 1 ปี เขาได้พบกับ โคล เซียร์ คนไข้เด็กที่ทำให้เขากลับมานึกถึงความผิดพลาดที่เกิดขึ้นกับวินเซนต์อีกครั้ง เขาจึงมีความตั้งใจที่จะช่วยรักษาโคลให้ได้ แต่เมื่อยิ่งเขารู้จักโคลมากเท่าไร เข้ากลับสัมผัสได้ถึงอะไรบางอย่างที่แปลกประหลาดจากเด็กคนนี้
งานระดับ Masterpiece ของผู้กำกับเชื้อสาย India ที่มีชื่อว่า M. Night Shyamalan (แต่งานช่วงหลังๆ แผ่วลงมาเยอะ) ที่ทำเอาคนเกือบทั้งโลกเหวอมาแล้วในตอนที่มันออกฉาย ซึ่งจุดเด่นของหนังเลยจริงๆ แล้วมันไม่ใช่หนังสยองขวัญเลย และออกจะเป็นในแนวดราม่า ลึกลับเสียมากกว่า เพราะกว่าตัวหนังจะเริ่มเข้าเรื่องก็ปูตัวละครกันมายาวนานแล้ว แต่มันค่อยๆ เล่นกับความรู้สึกอยากรู้ของคนดูมากกว่า ว่ามันเกิดอะไรขึ้น แล้วเมื่อคนดูกำลังตามอย่างเพลินๆ เพื่อรอลุ้นถึงบทสรุป จนแทบไม่ได้สังเกตอะไรมากเท่าไร หนังก็ซัดหมัดน็อคมาเข้าหน้า ให้ร้อง WTF กันได้เลยทีเดียว
2. The Unbreakable (2000) – เฉียดชะตา…สยอง
เดวิด ดันน์ ชายที่ใช้ชีวิตแสนธรรมดา แต่ตัวเขากลับมีความไม่ธรรมดา เพราะตลอดชีวิตที่ผ่านมานั้น เขาแทบไม่ได้รับภัยอันตรายใดๆ ในชีวิต แต่มีเหตุการณ์หนึ่งที่เป็นที่ดึงดูดความสนใจของผู้คนมาก นั่นก็คือการรอดจากอุบัติเหตุรถไฟตกรางโดยที่ร่างกายปราศจากรอยขีดข่วนใดๆ จนทำให้ เอไลจาห์ ชายที่ได้รับฉายาว่า กลาสแมน เพราะมีกระดูกเปราะบาง และแตกหักมาโดยตลอดชีวิต ออกตามหา เดวิด เพราะเชื่อว่าเขามีความเป็นซุปเปอร์ฮีโร่ ในแบบคอมมิคที่เขาติดตามมาโดยตลอด
เหมาะกับคนที่ทนกับหนังสายเนิบนาบเน้นการพูดคุยได้ เพราะทั้งเรื่องแทบจะเป็นอย่างนั้น กับการค่อยๆ กระเทาะเปลือกตัวละคร ในการค้นหาตัวเอง และยอมรับความสามารถ พลังของตัวเอง ซึ่งในส่วนนี้เป็นสิ่งที่หนังทำออกมาได้โดดเด่นมีน้ำหนักและน่าเชื่อถือมาก ซึ่งแน่นอนว่ามันไม่ได้เหมาะกับทุกๆ คน เพราะคนที่ดูหนังเรื่องนี้แล้วคอพับหลับไปหลายตลบมันก็มี แต่คนที่ชอบมันในฐานะหนังซุปเปอร์ฮีโร่ในฉบับคนธรรมดาสักเรื่องก็น่าจะหลงรักมันได้ไม่ยาก
3. Signs (2002) – สัญญาณสยองโลก
แกรแฮม เฮสส์ บาทหลวงที่สูญเสียภรรยาไปจากอุบัติเหตุรถยนต์ จนทำให้เขาสูญสิ้นศรัทธาที่มีต่อพระเจ้า เขานั้นได้มาอยู่กับน้องชาย พร้อมทั้งลูกชาย และลูกสาว ที่บ้านในฟาร์มไร่ข้าวโพดห่างไกลผู้คนแห่งหนึ่ง จนกระทั่งเริ่มมีเหตุการณ์ประหลาดคลืบคลานเข้ามาในชีวิตพวกเขา เสมือนเป็นสัญญาณว่ามีบางอย่างกำลังจะมาเยือน
อีกหนังของ M. Night ที่กระแสค่อนข้างแตก ทั้งฝั่งที่มองว่าหนังสนุกในแง่ปริศนา ลึกลับชวนติดตาม และการตีความสัญลักษณ์ต่างๆ ในเรื่องให้น่าค้นหา แต่ในขณะที่อีกฝั่งกลับมองว่าหนังเนิบนาบจนชวนหลับ แทบไม่มีอะไรให้ลุ้น แถมยังจบแบบอิหยังวะอีก แต่ส่วนตัวแอดมินก็ยังมองว่ามันเป็นหนังที่ค่อนข้างน่าค้นหาเลยทีเดียว อีกทั้งหลายๆ ฉากก็ทำมาได้ชวนสยองจริงๆ แม้ว่าจะไม่ได้เห็นอะไรรุนแรงเลยก็ตาม นับว่าเป็นความชาญฉลาดของผู้กำกับมากๆ ที่ถ่ายทอดมาได้สนุกแบบนี้จากทุนที่ไม่สูงนัก
4. The Village (2004) – หมู่บ้านสาปสยอง
ไอวี่ สาวน้อยตาบอดที่อาศัยอยู่ในหมู่บ้านเล็กๆ แห่งหนึ่งของชนบท ซึ่งหมู่บ้านก็มีกฏในการไม่ให้พูดถึง “สิ่งที่ไม่ควรพูดถึง” และตราบใดที่ทุกคนไม่ละเมิดกฏ สิ่งนี้ที่อยู่ในป่าก็จะไม่สามารถทำอะไรผู้คนได้ โดยในหมู่บ้านจะมีระฆังอันนึงที่เอาไว้แจ้งเตือน หากเมื่อใดที่ระฆังดังพวกเขาจะต้องหนีเข้าไปในบ้าน และสิ่งนั้นก็จะมาทำสัญลักษณ์เอาไว้ จนกระทั่งวันหนึ่ง ลูเซียส ชายที่อาสาออกเดินทางไปข้างนอกหมู่บ้านเพื่อหายามารักษา จนทำให้เขาถูกบางอย่างทำร้ายและได้รับบาดเจ็บกลับมา จนไอวี่จึงเป็นคนต่อไปที่อาสาออกไปแทน
ผลงานเรื่องที่ 4 หลังจาก Sixth Sense ของผู้กำกับ M. Night Shyamalan ที่ยังคงสร้างความลึกลับ บรรยากาศชวนหลอน และการหักมุมแบบตีลังกากลับหัวอีกครั้ง แม้ว่าคะแนนจะออกมาย่ำแย่ แต่ส่วนตัวก็ยังมองว่าหนังดูสนุก และตอนจบก็เป็นอะไรที่น่าจดจำ (แต่ถ้าเอามาดูตอนนี้คิดว่าน่าจะเดาทางกันได้แน่ๆ) ส่วนของแง่คิดในหนัง ในเรื่องการฝังความเชื่อ และชุดความคิดให้กับคนในหมู่บ้านก็ทำออกมาได้น่าสนใจ ในด้านดาราก็มีดาราดังๆ ในยุคนี้ในหนังพอสมควรเลย
5. The Happening (2008) – วิบัติการณ์สยองโลก
เอลเลียต มัวร์ ครูวิทยาศาสตร์ในโรงเรียนแห่งหนึ่ง ที่ได้รับคำสั่งให้ยุติการสอน เนื่องจากเกิดเหตุประหลาดที่ทำให้จู่ๆ ผู้คนก็ต่างพากันฆ่าตัวตายกันยกใหญ่ ทำให้เขาจึงต้องตัดสินใจกลับไปรับ อัลม่า ภรรยาของเขา เพื่อรีบเดินทางไปกับ จูเลี่ยน เพื่อนซี้ของเขา โดยมีปลายทางเป็นนอกเมือง แต่ในระหว่างทางนั้น ดูเหมือนการฆ่าตัวตายจะทวีวงกว้างขึ้นไปเรื่อยๆ จนทำให้พวกเขาต้องรีบหาทางหนีออกไปจากสถานการณ์นี้ก่อนที่จะสายเกินไป
เป็นหนังของ M. Night Shyamalan ที่ค่อนข้างมีความเฉพาะในตัวเองอยู่เหมือนกัน ทั้งในเรื่องบทที่ไม่เหมือนใคร กับฉากฆ่าตัวตายแบบสุดสยอง ก็ช่วยให้หนังมีโทนสยอง+ระทึกขวัญได้ไม่ยาก จริงอยู่ที่หนังอาจจะมีข้อเสียในเรื่องของความสัมพันธ์ของตัวละคร ประกอบกับตอนจบที่ดูง่ายดาย เลยทำให้คอหนังส่วนมากอาจจะไม่โอเคกับส่วนนี้เท่าไรนัก ซึ่งด้วยความใหม่ก็ทำให้หาหนังมาเปรียบเทียบได้ยาก เอาเป็นว่าถ้าชอบหนัง M. Night ที่ไม่ได้ดีมากในช่วงหลังๆ ก็สามารถลองชมกันได้เลย
6. The Visit (2015) – เดอะ วิสิท
เบ้กก้า และไทเลอร์ 2 พี่น้องที่อยู่กับแม่เลี้ยงเดี่ยว ที่ไม่ถูกกับตายายมาตั้งแต่สมัยเด็กๆ เพราะเรื่องที่จะออกมาแต่งงาน จนทำให้เธอนั้นไม่ได้ติดต่อกับตา ยาย มาเป็นเวลานาน แต่ทางตา ยาย ก็ได้ติดต่อกลับมาว่าให้อภัยแล้วอยากจะเจอ แต่ทางแม่ก็ยังไม่อยากไป จนทำให้หลานๆ ทั้งสองจึงตัดสินใจไปด้วยตัวเอง และได้พบกับตายาย เมื่ออยู่ไปได้สักพักพวกเขาก็รู้สึกว่ามีอะไรแปลกๆ เกี่ยวกับตายายคู่นี้ จนไม่แน่ใจว่าสุดท้ายแล้วนี่คือ ตา ยาย ของพวกเขาจริงๆ หรือไม่ หรืออะไรที่ทำให้พวกเขาแปลกไป
อีกหนังที่เล่นกับพล็อตที่ไม่ได้หวือหวามาก เพราะหลายๆ คนก็น่าจะเดากันถูกในปลายทางของเรื่องราวอยู่แล้วว่ามันเกิดอะไรขึ้น มันจึงไม่ได้ชวนเหวออะไรขนาดนั้น แต่ที่ทำออกมาได้ดีก็คือจังหวะการเล่าเรื่อง การสร้างความหลอนภายในบ้านที่เด็กทั้งสองต้องเผชิญ มันเต็มไปด้วยบรรยากาศที่ไม่น่าไว้วางใจ ไปจนถึงช่วงท้ายๆ ที่ชวนลุ้นระทึกอยู่ไม่น้อยเลย ทำให้โดยรวมแม้ว่า The Visit จะไม่ใช่หนังพล็อตเจ๋ง แต่ความบันเทิงที่หนังมอบให้มาก็ถือว่าคุมโทนได้ในเวลาที่พอเหมาะพอดีเลย
7. Old (2021) – โอลด์
กาย และพริกก้า 2 สามีภรรยา และลูกๆ อีก 2 คน เดินทางมาท่องเที่ยวพักร้อนที่โรงแรมแห่งหนึ่ง ซึ่งทางโรงแรมก็ได้แนะนำถึงสถานที่พักผ่อนหาดส่วนตัว ที่อยู่อีกฝั่งหนึ่งของที่พัก ซึ่งก็มีแขกคนอื่นๆ เดินทางไปกับพวกเขาด้วย แต่แล้วพวกเขาก็ได้พบกับเรื่องประหลาด เมื่อชายหาดแห่งนี้ทำให้อายุของพวกเขาเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ทุกคนจึงต้องคิดหาวิธีออกมาจากที่นี่ ก่อนที่จะถูกเร่งเวลาชีวิตไปจนตาย
Old คือหนังที่พล็อตน่าสนใจมากอีกเรื่อง ที่ดัดแปลงมาจากนิยายภาพชื่อ Sandcastle ทำให้คนดูชวนอยากรู้ว่ามากว่ามันเกิดอะไรขึ้นที่เกาะแห่งนี้ อีกทั้งร่วมลุ้นว่าเหล่าตัวละครจะรอดไปได้อย่างไร ซึ่งตัวหนังเองก็ดำเนินไปได้อย่างน่าสนใจ มีเหตุการณ์แปลกๆ ใส่เข้ามาเรื่อยๆ จนน่าติดตาม อีกทั้งจังหวะที่เวลาเร่ง มันค่อนข้างที่จะบีบใจคนดูมากๆ เพราะมันเป็นอะไรที่หลีกหนีไม่ได้เลย แถมยังไม่ดูไม่ค่อยมีตัวเลือกในการรอดด้วย แม้ว่าคะแนนจะออกมาไม่ดีนัก แต่ส่วนตัวก็มองว่า OId เป็นหนังของ M.Night อีกเรื่องที่ทำออกมาสนุกเลยล่ะ