KoreanDisasterMovie_00

8 หนังมหันตภัยจากเกาหลี ที่ชวนลุ้นจนลืมหายใจ!

เกาหลีเป็นอีกชาติที่เริ่มมีการทำหนังที่หลากหลายแนวมากขึ้น โดยสไตล์ภัยพิบัติก็เป็นหนึ่งในนั้น แถมหลายๆ เรื่องก็ทำออกมาได้สนุก ชวนลุ้นได้ไม่แพ้หนัง Hollywood เลย อีกทั้งการใส่สไตล์แบบเกาหลีลงไปนั้นก็ยิ่งเพิ่มความดราม่าขยี้น้ำตาไปกับชะตากรรมของตัวละครได้มากขึ้นไปอีก

ซึ่งในสัปดาห์นี้ก็มีหนังเกาหลีสไตล์ภัยพิบัติที่น่าสนใจมาก อย่าง Sinkhole ที่ว่าด้วยเรื่องของภัยพิบัติพื้นถล่มจนตึกร่วงลงไปในหลุมก็ยิ่งดูเป็นความแปลกใหม่ที่ไม่มีใครทำมาก่อน ทำให้มันน่าสนใจมาก อีกทั้งยังมีดาราที่คุ้นหน้าคุ้นตาอยู่ไม่น้อย จนหลายๆ คนที่ได้ดูก็อาจจะติดใจกันไม่ยาก ซึ่งอยากหาดูหนังสไตล์ภัยพิบัติแบบเกาหลีอีก วันนี้ โกดังหนัง ก็มีมาแนะนำกันอีกเพียบ!

Sinkhole (2021)

KoreanDisasterMovie_01

ดงวอน ชายวัยกลางคนที่เก็บหอมรอมริบมากว่า 11 ปีจากการทำงานในออฟฟิศ ก็ได้ฤกษ์ที่จะซื้อห้องขนาดใหญ่ในอพาร์ทเมนท์แห่งหนึ่งเพื่อครอบครัวสักที จนกระทั่งวันหนึ่งที่เขาได้ชวนบรรดาลูกน้องที่ทำงานให้มาฉลองขึ้นบ้านใหม่เขา จนเหลือบางคนที่นอนค้างอยู่ด้วย ในเช้าวันถัดมากลับเกิดเหตุไม่คาดคิด เมื่อพื้นที่อยู่ข้างใต้อพาร์ทเมนท์แห่งนี้ กลับถล่มกลายเป็นหลุมลึกขนาดใหญ่ จนอาคารร่วงลงไปทั้งหลัง จนทำให้ผู้ที่อยู่ในนั้นต่างต้องหาทางเอาชีวิตรอดกลับออกไปให้ได้

อีกหนังเกาหลีที่เล่นไม่ใหญ่ แต่ใหม่มาก เพราะที่ผ่านมาก็ยังไม่เคยเห็นหนังเรื่องไหนที่บ้าขนาดเอาทั้งตึกตกลงไปในหลุมแบบนี้มาก่อน แต่โทนหนังก็ไม่ตึงเครียดจนเกินไป เพราะหากใครเห็นปกก็น่าจะรู้อยู่แล้ว ว่าหนังมีดาราสายฮาอยู่เยอะมาก จนมันกลายเป็นโทนเอาชีวิตรอด แต่ก็มีอารมณ์ขันไปด้วย โดยเฉพาะพี่กวางซูที่เล่นได้เป็นตัวเองและชวนฮาซะเหลือเกิน อีกทั้งแต่ละตัวละครก็ดูมีไหวพริบในการเอาตัวรอดจนน่าเอาใจช่วยซะด้วย หากใครสนใจก็สามารถดูกันได้ที่โรงภาพยนตร์เลย

Exit (2019)

ยงนัม อดีตนักปีนเขาสุดฮอต แต่กลับต้องมาเผชิญกับชีวิตต๊อกต๋อย จนกระทั่งวันหนึ่งที่เขาและครอบครัวนั้นได้จัดงานครบรอบวันเกิด 70 ปีของแม่ ก็เกิดเหตุผู้ก่อการร้ายปล่อยแก๊สพิษในเมืองพอดี จนทำให้เขาต้องงัดทักษะการปีนเขาในการเอาชีวิตรอด รวมถึงช่วยครอบครัว และรักแรกของเขาให้ปลอดภัยและรอดพ้นจากหายนะครั้งนี้ให้ได้

แม้ว่าก่อนหน้าจะมีหนังหมอกมรณะอย่าง Just a Breath Away ของฝรั่งเศสที่ชวนลุ้นกันไปแล้ว ของเกาหลีก็ทำ Exit ขึ้นมาเหมือนกัน แต่ก็มีโทนเป็นแนว Survival-Romantic-Comedy ที่ทำออกมาได้อย่างลงตัว ไม่ว่าจะเป็นจังหวะชวนลุ้นก็ทำออกมาได้สนุกมากๆ จากความน่ากลัวของหมอกมรณะ ในโมเมนท์โรแมนติกที่ดูน่ารักไม่ได้หวานเลี่ยนจนเกินไป และในขณะเดียวกันก็มีความตลกในแบบที่ฮาลั่นได้เหมือนกัน ที่สำคัญไปกว่านั้น ยุนอา คือส่วนที่ดีมากๆ ของหนังจริงๆ

Ashfall (2019)

เมื่อภูเขาไฟเพ็กตู ในเกาหลีดันเกิดระเบิดครั้งใหญ่จนทำให้แผ่นดินไหวสะเทือนไปทั้งแผ่นดินเกาหลี ผู้เชี่ยวชาญด้านวัตถุระเบิดเกาหลีใต้ต้องออกโรง โดยการไปร่วมมือกับเจ้าหน้าที่พิเศษเกาหลีเหนือที่ดูเหมือนไม่น่าไว้วางใจ เพื่อร่วมกันไปทำภารกิจระเบิดฐานภูเขาไฟเพื่อไม่ให้เกิดเหตุรุนแรงขึ้น ในขณะเดียวกันพวกเขาต่างก็ไม่เชื่อใจกันเองในการทำภารกิจครั้งนี้ ทั้งๆ ที่ชะตากรรมของคนในประเทศเกาหลีเหนือและใต้นั้นอยู่ในมือพวกเขาสองคนแล้ว

หนังภัยพิบัติจากภูเขาไฟระเบิดที่ดูไปเหมือนกลายเป็นหนังแอคชั่นกึ่งๆ สายลับมากกว่า เพราะฉากแนวเมืองถล่มแผ่นดินทลายก็มีแค่ไม่กี่ฉากเท่านั้น และส่วนมากจะเป็นแนวบู๊ๆ แบบไล่ยิงกันบ้าง เตะต่อยกันบ้าง แต่โดยรวมแล้วก็ยังถือว่าออกมาสนุก ฉากถล่มใหญ่ๆ ในตอนต้นก็ทำออกมาได้ตื่นตาตื่นใจแม้ว่างานด้าน CG อาจจะดูลอยๆ ไปนิด ส่วนที่อาจจะยังไม่ใช้ไม่คุ้มนักก็คือดาราอย่าง แบซูจี กับเฮียมาดงซ็อก ที่ออกมาน้อยและแทบไม่มีอะไรน่าจดจำ ส่วนที่เหลือก็นับว่าดูเพลินได้อยู่มาก

Pandora (2016)

แจฮยอก หนุ่มวิศวกรที่ขี้ขลาดและเห็นแก่ตัวเขาได้ทำงานในโรงไฟฟ้านิวเคลียร์แห่งหนึ่งมาหลายปี แต่กลับไม่มีความผูกพันกับที่นี่เลย เนื่องจากพ่อและพี่ชายของเขาเสียชีวิตจากรังสีรั่วไหลในที่ทำงานนี้ วันหนึ่งที่เกาหลีได้เกิดภัยพิบัติแผ่นดินไหว 6.1 ริกเตอร์จนทำให้โรงงานไฟฟ้าเกิดรายรั่วแตก จนเตาปฏิกรณ์ได้ระเบิดออกมาทำให้รังสีเล็ดรอดและแพร่กระจายไปทั่ว ความหวังของทุกคนจึงอยู่ที่อาสาสมัครที่จะต้องเสี่ยงตายเข้าไปแก้สถานการณ์นี้แม้ว่ามันจะต้องแลกด้วยชีวิตก็ตาม

นับเป็นหนังเกาหลีเรื่องแรกที่ลงใน Netflix ช่วงนั้นที่ไม่ว่าใครหลายคนได้ดูต่างก็ชื่นชอบกันมาก ส่วนหนึ่งเพราะมันเป็นหนังมหันตภัยที่มีอะไรชวนลุ้นเยอะ มีเหตุการณ์บีบคั้นหัวใจ มีพัฒนาการของตัวละคร และพอมันใส่ความเมโลดราม่าแบบเกาหลีเข้าไป ก็เป็นอะไรที่ชวนซึ้งและขยี้น้ำตาคนดูได้เป็นอย่างดี นับเป็นอีกหนังสไตล์ภัยพิบัติแบบเกาหลี๊เกาหลีที่ดูเพลินมากๆ อีกเรื่องนึงเลย และไม่แปลกใจที่ Netflix เริ่มใส่หนังหรือซีรี่ส์เกาหลีมามากจนเป็นแบบทุกวันนี้

Train to Busan (2016)

ซอกวู ผู้จัดการกองทุนที่ไม่ค่อยเวลาให้กับลูกสาวอย่าง ซูอา เท่าไรนัก วันหนึ่งพวกเขาก็ได้ขึ้นรถไฟสายหนึ่งเพื่อเดินทางไปหาภรรยาเก่าที่เมืองปูซาน แต่เมื่อรถไฟได้ออกจากสถานีไม่ทันไร ก็เกิดเหตุการณ์ที่มีผู้โดยสารติดเชื้อขึ้นมาบนขบวนด้วย และแพร่เชื้ออย่างรวดเร็วจนกลายเป็นฝูงซอมบี้ขึ้นมาทันที ซอกวู จึงต้องร่วมมือกับผู้โดยสารคนอื่นที่รอดชีวิต ในการเอาตัวรอดไปกับเหตุการณ์นรกนี้ไปให้ได้

หนังที่เหมาะมากๆ สำหรับคอหนังสายซอมบี้พันธุ์ดุ หรือหนังมหันตภัยจากเชื้อไวรัส ที่คราวนี้มาในสไตล์เกาหลี ที่ดันกลายเป็นส่วนผสมที่ลงตัวได้อย่างน่าสนใจ ทั้งความดุดิบ และการผสมดราม่าเรียกน้ำตาในแบบของเกาหลี ก็ทำให้หนังเรื่องนี้ดูมีอะไรที่มากกว่าหนังซอมบี้ตามฉบับ Hollywood ที่ได้ดูมาโดยตลอดอยู่มาก อีกทั้งการออกแบบซอมบี้ก็สร้างความแปลกใหม่และดูมีเอกลักษณ์เป็นของตัวเองได้เป็นดี จนนับว่าเป็นอีกหนึ่งหนังซอมบี้ Masterpiece จากเกาหลีได้เลย

The Tower (2012)

ในระหว่างการจัดเลี้ยงฉลองคริสมาสต์ในตึกแฝดสุดหรูกลางกรุงโซล ก็ได้เกิดเหตุเพลิงไหม้เล็กๆ ขึ้นในห้องครัว จน อีแดโฮ เจ้าหน้าที่ดูแลตึกก็เห็นถึงความผิดปกตินี้ แต่ว่าทว่า โจ เจ้าของตึกกลับตัดสินใจจัดงานฉลองใหญ่ครั้งนี้ต่อไป รวมถึงมีการจัดเล่นใหญ่ให้มีเฮลิคอปเตอร์มาโรยหิมะปลอมในระหว่างงานเลี้ยง แต่เครื่องกลับเสียหลักจนพุ่งชนตึกซะเอง ก่อให้เกิดเหตุระเบิดและไฟไหม้ตามมา และระบบดับเพลิงก็ไม่สามารถทำงานได้ตามปกติ ทำให้ผู้คนที่อยู่ในงานต่างต้องพยายามเอาชีวิตรอดจากเหตุการณ์นี้

หนังแนวภัยพิบัติอีกเรื่องจากเกาหลีที่รู้สึกว่าดูสนุกมากๆ เลย จากการที่ผู้กำกับนั้นได้เอาหนังอย่าง The Tower Inferno (1974) มาผสมกับจินตนาการในวัยเด็กของตัวเองที่เคยเห็นไฟไหม้บนตึกสูงมาทำเป็น The Tower นี้ จนทำให้มันมีกลิ่นอายของหนังแนวเอาชีวิตรอดแบบ Hollywood อยู่หลายๆ เรื่อง อย่าง Poseidon, Daylight, Valcano และอื่นๆ ที่ทำออกมาได้ดีไม่แพ้กัน ไม่ว่าจะเป็นความลุ้นระทึก การปลุกด้านมืดของตัวละคร และความเสียสละแบบขยี้น้ำตา ทำให้แม้ว่าผลงานก่อนที่เป็นหนังสัตว์ประหลาดของผู้กำกับ Ji-hoon Kim อย่าง Sector 7 จากถูกสับยับ แต่เรื่องนี้ก็นับว่าแก้มือได้ดี จนนับเป็นอีกหนังเอาตัวรอดจากเกาหลีที่ไม่ควรพลาดจริงๆ

Tunnel (2016)

หนุ่มเซลล์แมนขายรถคนหนึ่งที่กำลังเดินทางกลับบ้านไปฉลองวันเกิดลูกสาวร่วมกับครอบครัว ที่ในระหว่างทางก็ได้ขับรถลอดผ่านอุโมงค์แห่งหนึ่งจนความซวยได้บังเกิด เมื่ออุโมงค์นั้นดันถล่มลงมาปิดทางเข้าออก รวมถึงรถของเขาก็โดนซากอุโมงค์ทับ จนทำให้เขาติดอยู่ในซอกรถเพียงลำพัง เขาจึงต้องพยายามหาวิธีเอาตัวรอดไปจากสถานที่นี้จากสิ่งที่มีอยู่อย่าง เค้ก 1 ก้อน และน้ำสองขวด เพื่อยื้อชีวิตให้รอดตายก่อนที่เจ้าหน้าที่จะหาทางเข้ามาได้

อีกหนังภัยพิบัติที่เล่นน้อยแต่ได้มาก และชวนลุ้นไปกับการเอาตัวรอดของพระเอกซะเหลือเกิน ซึ่งด้วยความที่ตัวละครดูมีความจะเอาชีวิตรอดอยู่ตลอด และไม่ได้ทำอะไรที่โง่เขลานัก ก็ทำให้คนดูอยากเชียร์ให้เขารอดพ้นไปจากสถานการณ์ได้ รวมถึงการตัดสลับกับหน่วยกู้ภัยภายนอกก็ทำให้เราเห็นการทำงานที่ยากลำบากจนต้องเห็นใจทั้งสองฝ่าย และได้เห็นกระบวนการช่วยเหลือที่ทำออกมาได้ดูน่าสนใจ อีกทั้งในเหตุการณ์นี้ก็ยังทำให้เราเห็นภาพมุมกว้างไปถึงการทำงานของแต่ละหน่วยงาน ไปจนถึงเสียดสีรัฐบาลได้ดูเจ็บแสบไม่เบา

Haeundae (2009)

ชเวมันซิค หนุ่มที่เคยเผชิญหน้ากับมหันภัยคลื่นยักษ์ที่คร่าชีวิตผู้คนไปกว่า 300,000 ชีวิต แต่เขากลับรอดมาได้พร้อมกับความรู้สึกผิด ที่คนรอบข้างของเขาต้องตายจากไป รวมถึงพ่อของคนรักของเขาด้วย แม้ว่าเวลาจะผ่านไป 4 ปีเขาก็ยังไม่ให้อภัยตัวเองต่อเหตุการณ์ทีเ่กิดขึ้น แต่วันหนึ่งเขาก็กลับตัดสินใจเปิดใจตัวเองอีกครั้งและของ ยอนฮี คนรักของเขาแต่งงาน ซึ่งก็ตรงกับจังหวะที่ คิมฮี นักธรณีวิทยาพบว่ามีสัญญาณจะเกิดคลื่นยักษ์สึนามิขึ้นอย่างรุนแรงในแบบปี 2004 อีกครั้ง ทำให้แต่ละตัวละครต่างต้องเอาชีวิตรอดไปจากสถานการณ์สุดเลวร้ายนี้

อีกหนังเกาหลีที่อยู่ในช่วงลองผิดลองถูก และอาจจะยังไม่กลมกล่อมลงตัวเหมือนกับในยุคนี้ แต่ว่าก็เป็นที่ถูกใจใครหลายๆ คนอยู่เหมือนกัน ด้วยความที่หนังอาจจะไม่ได้เน้นฉากมหันตภัยมากนัก แต่กลับใส่ใจที่เรื่องราวความสัมพันธ์ของตัวละครมากกว่า ส่วนนึงเป็นเพราะเทคโนโลยีในสมัยนั้นของเกาหลีอาจจะยังไม่ดูสมจริงมากเท่าไร ทำให้พวกฉากเล่นใหญ่เลยยังดู CG ลอยๆ อยู่เหมือนกัน แต่โดยรวมๆ ก็ยังนับถือในความกล้าที่จะเล่นใหญ่และสร้างความแปลกใหม่ให้กับวงการหนังประเทศตัวเองอยู่ไม่น้อย ถ้ามีเวลาก็อยากให้ลองหาเก็บดูครับ