รวม 7 หนังที่คนเราไม่เท่ากัน ผ่านระบบชนชั้นที่เสียดสีได้บาดใจ

ดูเหมือนว่าช่วงที่ผ่านมานั้น สถานะทางสังคมของผู้คนดูท่าจะแยกห่างกันขึ้นเรื่อยๆ คนรวยก็ยิ่งรวยล้นฟ้าแม้ว่าจะเป็นเพียงแค่ 1% ในโลก แต่ก็ถือครองทรัพย์สินอาจจะมากกว่า 99% ที่เหลือด้วยซ้ำ ในขณะที่คนจนก็จนแล้วจนอีก เพราะการเข้าถึงสิ่งต่างๆ ได้ก็ยิ่งน้อยลง การมีสิทธิและปากเสียงในสังคมก็ยิ่งน้อยตาม จนไม่แปลกใจนักหากจะมีหนังที่เสียดสีในเรื่องของชนชั้นออกมาอยู่เรื่อยๆ เพราะมันกลายเป็นเรื่องที่เราเห็นได้เป็นปกติในสังคมไปแล้ว แม้ว่ามันจะดูไม่สมเหตุสมผลก็ตาม

ซึ่งหนังแนวนี้หลายๆ เรื่องมักที่จะฉีกจากรูปแบบเดิมๆ เพื่อสะท้อนภาพความเหลื่อมล้ำให้เห็นชัดขึ้น ด้วยการโยนธีมต่างๆ เข้าไป เช่น ระบบลิฟท์แบ่งชนชั้น ระบบรถไฟแบ่งชนชั้น หรือระบบแบ่งชนชั้นตามเมือง แต่ในบางเรื่องก็หยิบเอาเรื่องปกติในสังคมนี่แหละ เพราะชีวิตจริงมันก็ชัดพออยู่แล้ว ถ้าหากอยากจะดูหนังประเภทนี้เพื่อขยี้ความจนให้หนักขึ้นไปอีก เราก็ได้รวบรวมกันมาให้แล้ว ลองหาดูกันได้เลย

1. Parasite (2019)

เรื่องราวของครอบครัวชนชั้นล่างของกรุงโซล ที่ต้องเผชิญกับความยากลำบาก แต่วันนึง คิมกีวู ลูกชายคนเล็กของบ้านก็ได้มีโอกาสได้เข้าไปเป็นครูสอนภาษาอังกฤษ ให้กับบ้านของครอบครัวเศรษฐีหลังหนึ่ง หลังจากได้รับเงินค่าสอนก้อนแรกมาเป็นจำนวนมาก จึงเกิดความที่คิดที่ว่า สถานที่แห่งนี้น่าจะเป็นบ่อเงินให้กับครอบครัวได้ไม่ยาก จึงชักชวนบรรดาสมาชิกในครอบครัวทยอยเข้ามาทำงานในบ้านหลังนี้ เพื่อสร้างรายได้ที่มากขึ้นจากสภาพชีวิตที่เป็นอยู่ พวกเขาจึงกลายเป็นเสมือนสิ่งแปลกปลอมที่คอยสูบเงินในบ้านเหมือนอย่าง ปรสิต นั่นเอง

ไม่มีเหตุผลที่จะไม่แนะนำหนังเรื่องนี้กับใคร เพราะคิดว่าหนังน่าจะเหมาะกับทุกคนที่ยังอยู่ในประเทศที่มีความเหลื่อมล้ำสูงเช่นนี้ คิดว่าตอนดูแต่ละคนน่าจะสนุกและอินกับประเด็นของหนังได้ไม่ยาก ยิ่งเราสนใจประเด็นสังคมมากแค่ไหนก็จะยิ่งเห็นภาพของความเหลื่อมล้ำได้ชัดเจนยิ่งขึ้นและสามารถสนุกไปกับหนังได้อย่างเต็มที่เลย นอกจากนี้เรายังได้เห็นการพัฒนาของอุตสาหกรรมหนังเกาหลีที่ไปได้ไกลจนถึงเวทีออสการ์แบบนี้ คงเป็นอนาคตที่น่าจับตามองไม่น้อย 

2. The Platform (2020)

โกเรง ชายที่อาสาตัวเองมาเข้าคุกด้วยเหตุผลบางอย่าง โดยคุกแห่งนี้ที่มีลักษณะเป็นหลุมลึก 333 ชั้น โดยแต่ละชั้นจะมีนักโทษ 2 คน และในแต่ละวันก็จะมีอาหารที่ถูกส่งจากชั้นบนสุดไปจนถึงชั้นล่างสุด โดยจะแวะจอดในทุกๆ ชั้น ชั้นละ 2 นาทีเพื่อให้แต่ละชั้นได้มีโอกาสเลือกหยิบอาหารไปกิน โดยชั้นบนจะได้กินก่อน จนทำให้ชั้นล่างๆ แทบจะไม่เหลืออะไรให้กินแล้ว โกเรง จึงตัดสินใจที่จะทำลายระบบนี้ เพื่อให้อาหารไปถึงอย่างเท่าเทียมกัน

ความเจ็บแสบของหนังก็คือ มันเอาธีมเรื่องการเป็นคุกแบ่งอาหารมาใช้เพ่อให้เห็นภาพกันได้แบบชัด เพราะจะเห็นได้ว่า จากชั้นบนนั้นอาหารมันมีมาในปริมาณที่สูงมาก และหากแบ่งดีๆ มันก็จะมากพอสำหรับทุกๆ คนในแต่ละชั้น แต่ความเป็นจริงมันไม่ใช่แบบนั้น เพราะว่าเมื่อคนได้มีโอกาสอยู่ชั้นสูงแล้ว ก็พยายามจะกอบโกยเข้าตัวเองให้ได้มากที่สุด แม้ว่าในบางวันตัวเองจะต้องไปลองอยู่ในชั้นล่างๆ บ้างก็ตาม ก็ไม่ต่างจากระบบทุนนิยมทุกวันนี้ ที่นายทุนก็กอบโกยทุกอย่างจนแทบจะคุมทรัพยากรทั้งหมดไป ในขณะที่คนที่ยังอดอยาก ไม่มีจะกินก็ยังมีอยู่เต็มไปหมด มันจึงเป็นหนังที่เสียดสีระบบชนชั้นได้เห็นภาพชัดมากๆ และไม่ควรพลาดกันเลย

3. Snowpiercer (2013)

เรื่องราววันโลกแตกที่มนุษย์ผู้รอดชีวิตกลุ่มสุดท้ายบนโลกต้องมาร่วมอาศัยชายคารถไฟคันเดียวกัน วิถีชีวิตแต่ละกลุ่มถูกแบ่งออกเป็นชนชั้น พวกเศษเดนจะได้อยู่ท้ายขบวนต้องทนอยู่สภาพความโหดร้าย ทารุณ และคุณภาพชีวิตที่ย่ำแย่ ต่างจากพวกหัวขบวน ที่พวกเขาเองก็ไม่รู้มาก่อนว่ามีอะไรกันแน่ แต่เชื่อมั่นว่าจะต้องดีกว่าสิ่งที่พวกเขาเป็นอยู่นี้ คาแรกเตอร์เคอร์ติสของคริส อีแวนส์ ก็คือแกนนำที่พร้อมจะปลดแอกความเป็นอยู่ ด้วยการวางแผนแหกขบวนรถไฟ เพื่อมุ่งหน้าไปยังหัวขบวนและเปลี่ยนแปลงชีวิตคนท้ายขบวนให้ดีกว่า

สำหรับ Snowpiercer เป็นหนังที่น่าจะเหมาะกับทุกคนที่ยังอยู่ในประเทศที่มีความเหลื่อมล้ำสูงเช่นนี้ คิดว่าตอนดูแต่ละคนน่าจะสนุกและอินกับประเด็นของหนังได้ไม่ยาก ยิ่งเราสนใจประเด็นสังคมมากแค่ไหนก็จะยิ่งเห็นภาพของความเหลื่อมล้ำได้ชัดเจนยิ่งขึ้นและสามารถสนุกไปกับหนังได้อย่างเต็มที่เลย หนังกัดจิกเสียดสีความไม่เท่าเทียมในสังคมได้แบบเจ็บแสบ มันคืองานสำคัญที่ทำให้ บงจุนโฮ ได้รับการจับตามองในอุตสาหกรรมหนัง

4. District 9 (2009)

วิคัส เจ้าหน้าที่รายหนึ่งที่ได้รับมอบหมายให้ลงไปในพื้นที่เขตกักกันที่มีชื่อว่า District 9 ซึ่งเป็นสถานที่เอาเหล่าเอเลียนเคยอพยพลงมาที่โลกในประเทศแอฟริกา จนรัฐบาลต้องสร้างพื้นที่ให้พวกเขาอยู่มาตั้งแต่ปี 1982 จนฝังรากลึกเป็นส่วนหนึ่งของประเทศนี้ไปแล้ว แต่ด้วยสถานการณ์ที่ตึงเครียดของการปะทะกัน รัฐบาลจึงอยากย้ายพื้นที่แห่งนี้ไปที่อื่น แต่ วิคัส ก็ดันดวงซวยได้รับสารเคมีประหลาด จนต้องเอาชีวิตรอดออกมาให้ได้ในพื้นที่แห่งนี้

อีกหนังทุนต่ำที่สร้างปรากฏการณ์สร้างรายได้สูงในทั่วโลก และกลายมาเป็นหนังไซไฟเรื่องโปรดของใครหลายๆ คนตามมาอีก ด้วยความที่เรื่องมันเล่าง่ายๆ แต่เรียลๆ แถมยังสอดแทรกเรื่องของประเด็นชนชั้น สิทธิของคนชั้นล่างในสังคม ก็ยิ่งขับเน้นให้เรื่องมันเข้มข้นไปอีก อีกทั้งมันยังเป็นไซไฟแบบที่น่าติดตาม มีฉากแอคชั่น มีฉากชวนลุ้นระทึกอยู่ตลอด ทำให้มันได้ทั้งสาระและความบันเทิงแบบเน้นๆ จนใครที่ได้ดูแล้วต่างก็รอคอยและเรียกร้องภาคสองให้ออกมากันสักที

5. Triangle of Sadness (2022)

คาร์ล กับ ญาญ่า คู่รักวงการแฟชั่น ที่ความสัมพันธ์กำลังย่ำแย่ทะเลาะกันหนักหน่วงไม่เหมือนเก่า พวกเขาทั้งคู่ได้รับเชิญให้ลงเรือลำหรู ที่เต็มไปด้วยผู้โดยสารระดับไฮคลาสและทรงอิทธิพลมากมาย เมื่อเรือแล่นออกสู่ท้องทะเล ก็ดูเหมือนว่าพายุกำลังค่อย ๆ ก่อตัวขึ้น คลื่นลมทะเลทำให้คนทั้งลำเรือมีอาการเมาคลื่น และกระทบต่อมื้ออาหารค่ำ ทำให้กัปตันสั่งให้ปิดฉากโปรแกรมท่องเรือครั้งนี้ ก่อนที่พวกเขาทั้งคู่จะพบว่าถูกทิ้งเอาไว้บนเกาะร้างที่เต็มไปด้วยมหาเศรษฐีกับบริกรอีกหนึ่งคน และดูเหมือนว่าสถานการณ์ต่าง ๆ พลิกไปอีกขั้วทันที เพาะดูเหมือนว่าจะเป็นเพียงบริกรเพียงคนเดียวเท่านั้น ที่รู้จักวิธีจับปลาและเอาตัวรอดจากวิกฤตติดเกาะครั้งนี้

ไม่เคยคิดว่าความเหลื่อมล้ำช่องว่างความรวยความจน จะมีหนังเรื่องไหนเล่าเรื่องได้มันส์เข้าอกเข้าใจคนแบบเราๆได้ดีเท่าเรื่องนี้มาก่อน หนังรางวัลปาล์มทองคำ จากเทศกาลหนังเมืองคานส์ปีล่าสุด ที่ชำแหละพวกคนรวยคนมีเงิน ความจอมปลอมของผู้คนในกลุ่มไฮโซ คนชนชั้นกลางที่อยากจะถีบตัวเองไปในอยู่ในสังคมที่ใกล้เคียง หรือกลุ่มคนทั่วไปที่เจอวิกฤติใช้ความบ้าอำนาจตัวเองเป็นใหญ่ยึดครองตัวเองถ่มเหงคนอื่น หนังสามารถนำกลุ่มคนแปลกหน้าเหล่านี้มาเล่าได้สนุกสนาน ตลก บทพูดฮาๆ แล้วก็เสียดสีประเด็นออกมาได้เจ็บแสบ

6. The Hunger Games (2012)

แคทนิส เอเวอร์ดีน หญิงแกร่งแห่งเขต 12 ที่ความซวยต้องมาเยือนในชีวิต เมื่อเทศกาล The Hunger Games ที่เมืองหลวงอย่าง พาเน็ม จัดขึ้น เพื่อให้แต่ละเขตส่งตัวแทน (เครื่องบรรณาการ) เขตละ 2 คนเข้ามาเพื่อแข่งขันในเกมล่าชีวิต ที่ให้ทุกคนฆ่ากันจนเหลือผู้ชนะแค่เพียงคนเดียว ซึ่งปีนี้คนที่ถูกสุ่มเลือกมาดันเป็นน้องสาวของเธอที่เพิ่งมีชื่อเข้ามาเป็นปีแรก จนทำให้เธอจึงต้องอาสามาเป็นผู้เข้าแข่งขันแทน ร่วมกับ พีต้า เมลลาร์ค เด็กหนุ่มจากเขตเดียวกันอีกคน จนทั้งคู่จึงต้องช่วยเหลือกันในการเอาชีวิตให้รอดจากเกมนี้ให้ได้ แม้ว่ากติกาจะให้เหลือผู้รอดชีวิตเพียงคนเดียวก็ตาม

สำหรับ The Hungers Games เป็นหนังที่เหมาะกับคนที่ชอบสายโลกดิสโทเปียแบบดาร์คๆ ได้ไม่ยาก ด้วยการสร้างโลกใหม่ขึ้นมาที่น่าสนใจ และมีอะไรให้น่าค้นหา รวมถึงเกมและกติกาของการโยนคนเข้าไปในสนามรบเพื่อให้ฆ่ากันเองก็เป็นอะไรที่แสนจะคลาสสิคและดึงคนดูได้อยู่ตลอด ไปจนถึงการที่หนังมีตัวเอกเป็นสาวแกร่งอย่าง แคตนิส ก็ยิ่งกลายเป็นตัวละครที่น่าเอาใจช่วย และน่าจดจำไปกันใหญ่ ดังนั้นใครชอบหนังวัยรุ่นเอาชีวิตรอดในโลกใหม่แบบดาร์คๆ แล้วไม่ควรพลาดเลย

7. The Golden Spoon (2022)

ซึงซอน เด็กนักเรียนมัธยมปลายที่บ้านยากจน แตดันได้ทุนเข้ามาเรียนในโรงเรียนเอกชนแห่งหนึ่ง จนทำให้เขาต้องกลายเป็นชนชั้นล่างของสังคมนั้นในทุกวันของชีวิต จนกระทั่งเขาได้พบกับหญิงชราปริศนาที่เอาช้อนทองมาขายให้กับเขา พร้อมทั้งบอกว่าหากเอาช้อนนี้ไปกินข้าวที่บ้านใครแล้ว จะได้สลับชีวิตกับคนๆ นั้นได้ เขาจึงตัดสินใจเอาช้อนทองนี้ไปกินข้าวที่บ้าน แทยง เพื่อนลูกเจ้าของธุรกิจใหญ่ของเขา จนทำให้ได้สลับชีวิตกัน

เกาหลีนี่นับเป็นอีกชาติที่ขยันทำเรื่องชนชั้นมากๆ เพราะในมุมของคนเกาหลีนั้น ก็คงเห็นความแตกต่างของชนชั้นอย่างชัดเจนอยู่ไม่น้อย มันเลยสะท้อนภาพของความเหลื่อมล้ำได้เป็นอย่างดี ซึ่งในเรื่องนี้ก็ไม่เพียงแค่เสียดสีประเด็นชนชั้นได้ดีแล้ว ก็ยังเล่าเรื่องได้สนุก มีจุดพลิกผัน ชวนลุ้นทุกตอน ไม่ใช่แค่การสลับตัวธรรมดา แต่มันยังมีลูกเล่นที่น่าสนใจ มีลูกล่อลูกชนทิ้งปมให้ชวนติดตามต่ออยู่เสมอ และได้แง่คิดที่ชวนกลับมาถามคนดูว่าแล้วถ้าเป็นตัวเองจะทำยังไงต่อ ใครชอบซีรีส์ดีๆ ดูได้ยาวๆ ขอแนะนำเลย