รวมหนังเพลงคุณภาพที่คุณควรหามาดูด่วนๆเลย

หากให้พูดถึงภาพยนตร์ที่ได้รับความนิยมกลุ่มหนึ่ง หนังประเภทเพลงคือหนังที่ผู้คนมากมายให้ความสนใจ การเล่าเรื่องที่นำเสียงเพลงซาวด์ประกอบมานำเสนอ ผ่านเรื่องราวชีวิตรักมากมาย ประเด็นดราม่า หรือการต่อสู้วิ่งตามหาความฝันของตัวละคร รวมไปถึงการหยิบชีวิตจริงนักดนตรีมาเล่าผ่านแผ่นฟิล์ม .

ยุคสมัยก่อนการสร้างหนังเพลงๆดีเป็นเรื่องยากมากๆ เพราะการทำเพลงมาอยู่ในหนังก็ว่ายากแล้ว ไหนจะปัญหาเรื่องลิขสิทธิ์ แต่เวลานี้ยุคสมัยเปลี่ยนแปลงหนังเพลง กลายเป็นหมวดหนังที่มีค่ายหนังมากมายอยากทำมากไม่แพ้หนังฮีโร่ แต่ความยากของหนังเพลงคือการทำออกมาให้พิถีพิถันให้มากที่สุด ให้เข้าไปถึงใจผู้คน การร้อยเรียงเรื่องราวจึงออกมาน่าประทับใจ เมื่อพูดถึงหนังเพลงแล้ว โกดังหนังเลยรวบรวมหนังเพลงคุณภาพ มานำเสนอกันส่วนจะมีเรื่องไหนที่เข้าชาร์ตเราบ้างเลื่อนเมาท์ไปอ่านได้เลย

1.Once (2007)

ถ้าหากไม่มีหนังเรื่องนี้ บางที John Carney อาจไม่ได้ทำ Begin Again ให้ตราตรึงใจผู้ชมแน่ๆ หนังทุนสร้าง $150,000 ถ่ายทำที่ไอร์แลนด์แบบกล้องธรรมดา ไม่มีนักแสดงดังมาเล่น หนังไม่ดึงดูดใจผู้ชมทั่วไป แต่ความเป็นธรรมชาติในเนื้อเรื่อง ที่เป็นการพบกันของคนแปลกหน้า 2 คนที่พบกันเพราะเสียงเพลง ทำให้นักวิจารณ์หนังยกย่องผลงานเรื่องนี้มากๆ
เนื้อหาให้ความอบอุ่นแถมยังได้เพลงประกอบมาช่วยบรรเลงเรื่องราวได้น่ารัก ผ่านการแสดงของดาราโนเนม มาร์เคตา อีร์โกลวา และ เกล็น แฮนซาร์ด และในเวลาต่อมาทั้งคู่ก็คบหากัน ความพิเศษของหนังคือเพลง Falling Slowly ไปคว้ารางวัลออสการ์ สาขาเพลงประกอบหนังยอดเยี่ยมในปี 2008

2.Music and Lyrics (2007)

อเล็กซ์ เฟลทเชอร์ ราชาเพลงป็อพตกยุครุ่น ’80 ที่ต้องย่ำต๊อกเดินสายตามงานแฟร์และสวนสนุก นักดนตรีเจ้าเสน่ห์และเปี่ยมพรสวรรค์ได้รับโอกาสหวนคืนสู่วงการอีกครั้งเมื่อ คอร่า คอร์แมน ราชินีเพลงผู้โด่งดังเชื้อเชิญเขาให้แต่งเพลงและบันทึกเสียงร้องคู่กับเธอ แต่ปัญหาอย่างหนึ่งก็คือ อเล็กซ์ไม่ได้แต่งเพลงอะไรมาหลายปีแล้ว เขาไม่เคยจรดปากกาเขียนเนื้อร้อง แต่เขาจะต้องแต่งเพลงฮิตขึ้นมาให้ได้ภายในไม่กี่วัน และแล้วโซฟี ฟิชเชอร์ ก็ก้าวเข้ามา เธอเป็นคนดูแลต้นไม้สาวสวยที่มีความแปลกอยู่ในตัว ทว่ามีคำคมที่สามารถเข้ากับเสียงดนตรีของนักแต่งเพลงผู้กำลังตกที่นั่งลำบาก โซฟีซึ่งเพิ่งฟื้นตัวจากความสัมพันธ์เลวร้ายที่ผ่านมานั้นไม่อยากทำงานร่วมกับใครทั้งสิ้น โดยเฉพาะกับอเล็กซ์ผู้มุ่งมั่น ในขณะที่สัมพันธภาพของพวกเขาเริ่มจะคุกรุ่นทั้งบนและใต้เปียโน อเล็กซ์และโซฟีจะต้องเผชิญหน้ากับความกลัวของพวกเขา และเสียงเพลง ถ้าพวกเขาอยากตามหารักและความสำเร็จที่ทั้งคู่ควรได้รับให้เจอ

3.Begin Again (2013)

แดน โปรดิวเซอร์ตกอับ เพราะไม่เคยรู้เอนจอยกับศิลปินและแนวเพลงใหม่ๆ อีกแล้ว วันหนึ่งเขาได้บังเอิญมาพบกับ เกรต้า สาวที่มีเสียงไพเราะ กับแนวเพลงในแบบที่เขาตามหา แดน จึงชวนเธอให้ได้มามีโอกาสมาทำงานร่วมกัน ซึ่งในขณะนั้น เกรต้า เองก็เพิ่งเลิกรากับแฟนหนุ่มที่มาทำตามฝันด้วยกัน แต่ด้วยความโด่งดังของอีกฝ่าย ประกอบความสัมพันธ์ที่เปลี่ยนแปลงไป เลยทำให้ เกรต้า แยกออกมาพอดี และได้ลองตัดสินใจร่วมงานกับแดน จนก่อให้เกิดเป็นความสัมพันธ์ที่ชวนประทับใจ

สำหรับ Begin Again เป็นหนังที่เหมาะมากๆ กับคนที่หลงใหลในเสียงเพลง โดยเฉพาะกับแนวป๊อปที่ฟังสบายความหมายดีๆ ที่พอเอาไปประกอบกับการเล่าเรื่องฟีลกู๊ดที่ดูสนุก เรียบง่าย มันเลยออกมาเป็นหนังที่อบอุ่นหัวใจ และพาเอาใจพองโตไปได้ง่ายมากๆ อีกทั้งด้วยความแมสของมันก็ทำให้ตัวหนังเข้าใจง่าย ไม่ต้องตีความเยอะ มีหลากหลายรูปแบบความสัมพันธ์ที่น่าจะชวนคนดูอินไปกับมันได้อยู่ นับว่าเป็นหนังเพลงน่ารักๆ อีกเรื่อง ที่หากใครชอบงานของ John Carney อย่าง Once และ Sing Street แต่มองว่ามันดูยากไปหน่อย ในส่วนของ Begin Again ก็น่าจะตอบโจทย์ได้เป็นอย่างดีจากความแมสของมัน

4.Sing Street (2016)

1 ในผลงานคุณภาพจาก John Carney ผู้กำกับจาก Begin Again เรื่องราวของ คอสโมเด็กผู้ชายคน1 ย้ายโรงเรียนจากฝรั่งเศสมาไอร์แลนด์ เจอสภาพแวดล้อมใหม่ที่แตกต่าง ไหนจะต้องเจอเพื่อนนักเรียนที่ทำตัวใหญ่ เด็กเนิร์ด ครูเจ้าระเบียบที่มีกฏแปลกประหลาด ในสังคมชายล้วน นอกจากชีวิตในโรงเรียนก็พบเจอปัญหาทั้งเรื่องครอบครัวที่พ่อแม่กำลังแยกทาง เรียกว่าชีวิตเหมือนจะไม่พบแสงสว่าง กระทั่งมาพบหญิงสาวแสนสวยลุคนางแบบอย่าง ราฟีน่า กลายเป็นแรงบันดาลใจให้เด็กหนุ่มอยากจีบเธออย่างจริงจัง และทำวงดนตรีขึ้นมาเพื่อโน้มน้าวให้นางในฝันมาเล่นเอ็มวี และเรื่องราวการต่อสู้ของคอสโม่ก็เริ่มขึ้นทันที

สำหรับ Sing Street มีความคล้าย Suck Seed พอสมควร แต่หนังไปหนักประเด็นความฝันมากกว่าจะไปอิงเรื่องความรักหรือเล่นดนตรีโชว์ผู้หญิง พระเอกอยากทำอะไรที่รู้สึกระบายความรู้สึกตัวเอง เพราะแวดล้อมที่เขาเจอมันไม่มีความสุข หนังย้ำเตือนให้เราได้ค้นหาความจริงว่าชีวิตควรทำตามฝันมากกว่าจะไปจำกัดกรอบตัวเองว่าต้องทนเพราะทำจนทำให้ชีวิตไม่มีความสุข เมื่อดูจบคุณจะมีความสุขกับสิ่งที่หนังสื่อสารมากๆเหมือนที่เรารู้สึก 

5.La La Land (2016)

มีอา สาวที่พยายามจะวิ่งเข้าสู่วงการดาราให้ได้ และ เซบาสเตียน นักดนตรีแจ๊ซในคลับ ทั้งคู่คือคู่รักที่พวกเขามีความใฝ่ฝันที่จะวิ่งเข้าสู่ความประสบความสำเร็จ แต่แล้วบททดสอบของการเป็นคู่รักก็มาถึง การตกงาน ในเมืองแห่งชื่อเสียงที่เปรียบดั่งเป็น นครแห่งดารา พวกเขาจะฟันฝ่าอุปสรรคทั้งหลาย ประคองความสัมพันธ์ของคู่รักนี้ไปได้ไกลแค่ไหน

สำหรับ La La Land เป็นภาพยนตร์ที่ควรคู่แก่การดูเป็นอย่างยิ่ง เนื้อหานำวัฒนธรรมยุคเก่าและยุคใหม่มาประยุกต์เข้าไว้ด้วยกัน ทำให้เรื่องราวที่ถ่ายทอดออกมามันได้ทั้งความรัก ความฝัน ความเป็นจริง ผ่านการนำเสนอในรูปแบบมิวสิคัล คนที่ชอบหนังที่มีกลิ่นอายดนตรีแบบแจ๊สจะได้ลิ้มรสชาติที่มีเอกลักษณ์ไม่เหมือนใคร หนังขับเคลื่อนไปอย่างสุนทรีย์ทุกอย่างไหลลื่นไปหมด เราคิดว่าคนชอบหนังเพลง ชอบความคลาสสิกน่าจะรักผลงานเรื่องนี้

6.Oasis Supersonic (2016)

“โอเอซิส” วงดนตรีสองหนุ่มพี่น้องจากแมนเชสเตอร์ผู้แสนเกรียนกวนบาทา ยะโส และเรื่องเล่าวงในที่หาดูจากไหนอื่นไม่ได้ของเด็กหนุ่มห่ามระห่ำผู้ถูกขับดันด้วยความข้นแค้น, ความเบื่อหน่าย และบาดแผลเจ็บปวดเยาว์วัยให้ลุกขึ้นสร้างสรรค์สิ่งสวยงาม จากวันที่วงประเดิมแสดงในชั้นใต้ดินของคลับบอร์ดวอล์คเมื่อปี 1991 จนถึงวันที่พวกเขาผงาดขึ้นยืนเบื้องหน้าฝูงชน 250,000 คนที่เน็บเวิร์ธในอีกเพียง 5 ปีต่อมา และได้รับการประทับตราเป็น วงดนตรีที่ยิ่งใหญ่ที่สุดแห่งอังกฤษนับจากเดอะบีเทิลส์
สำหรับ Oasis Supersonic คือหนังสารคดีที่เหมาะสำหรับกลุ่มคนที่ถวิลหาการฟังเพลงได้อินกับวงดนตรีที่เราชอบ โดยเฉพาะเพลงร็อคในยุค 90 ที่มีความ Classic เนื้อเพลงเมโลดี้ดนตรีมีความร่วมสมัย โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนที่เป็นแฟนเพลง Noel, Liam Gallagher ผลงานพวกเขาขึ้นหึ่งไปแล้ว เมื่อมีหนังที่เป็นเรื่องราวของพวกเขาออกมาแฟนเพลงจะได้ติดอิ่มไปกับที่มาที่ไปของวงดนตรีหัวขบถจากเมืองแมนเชสเตอร์ เราได้เห็นภาพฟุตเทจหายากที่เชื่อเถอะคุณไม่มีทางหามันเจอใน Internet แต่ภาพเหล่านั้ถูกร้อยเรียงออกมาได้ดีกว่าที่ใครหลายคนคิด แถมยังได้ฟังที่มาที่ไปเพลงฮิต และได้ฟังเพลงเพราะๆเต็มสารคดีโดยที่ไม่เสียอรรถรสอีกด้วย

7.A Star Is Born (2018)

แจ็คสัน เมน ศิลปินเพลงแนวคันทรีร็อคที่ประสบความสำเร็จ เขาได้บังเอิญไปพบกับ แอลลี่ นักร้องมือสมัครเล่นที่ไม่มั่นใจในความสามารถ และรูปลักษณ์ของตัวเอง ในบาร์แห่งหนึ่ง ซึ่ง แจ็คสัน ก็ได้เห็นถึงความสามารถที่มากล้นของเธอ จึงพยายามปลุกปั้นให้เธอมีความกล้าและออกไปให้คนภายนอกเห็นในฐานะนักดนตรี ด้วยเวลาไม่นานทั้งคู่ก็ได้ตกหลุมรักกัน แต่แล้วปัญหาในชีวิตคู่ก็ต้องเกิดขึ้น เมื่อชีวิตของ แอลลี่ กลับมีแต่พุ่งขึ้นสู่การเป็นนักร้องที่มีชื่อเสียง สวนทางกับ แจ็คสัน ที่ความดังค่อยๆ ดับลงไปตามกาลเวลา

สำหรับ A Star is Born จะเหมาะกับคนที่ชอบหนังรัก ดราม่า ที่มีเพลงเพราะๆ มาเป็นส่วนประกอบไปด้วย แต่ต้องบอกก่อนว่ามันใช่หนังรักในเชิงฟีลกู้ดสักเท่าไร แต่ยังค่อนไปทางหดหู่จนชวนเศร้าใจด้วยซ้ำ ด้วยความที่มันพูดถึงชีวิตของคน ก็แน่นอนว่ามันก็จะมีความสุข เศร้า เหงา ทุกข์ในแบบครบรสอยู่แล้ว ซึ่งหากใครที่เป็นแฟนๆ ผลงานของคู่พระนางในเรื่องนี้ก็จะได้เห็นมุมร้องเพลงของ Bradley Cooper สลับกับมุมการแสดงดราม่าเข้มข้นของ Lady Gaga ได้อย่างน่าประทับใจไปด้วย ใครที่ชอบหนังเพลงอย่าง Begin Again, Once ที่หม่นๆ กว่าแล้ว ก็อยากแนะนำ A Star is Born เอาไว้ในอ้อมใจ 

8.Teen Spirit (2018)

เรื่องราวชองนักล่าฝันวัย 17 ปี “ไวโอเลต วาเลนสกี” สาวน้อยเชื้อสายโปแลนด์ อาศัยอยู่บนเกาะเล็กๆ ที่มีชื่อว่า Isle of Wight ทางตอนใต้ของประเทศอังกฤษ กับแม่ผู้เคร่งศาสนา เมื่อครอบครัวเธอแตกแยกและภาระทางการเงินที่ถาโถมเข้ามาทำให้เธอต้องทำงานตัวเป็นเกลียว ทั้งเลี้ยงสัตว์ เสิร์ฟอาหาร และทำตามความฝันในการเป็นนักร้องด้วยการรับจ้างร้องเพลงในไนต์คลับเล็กๆ จนกระทั่งเธอได้ตัดสินใจไปออดิชั่นในรายการ Teen Spirit รายการประกวดร้องเพลงชื่อดังและได้พบกับผู้ที่จะผลักดันเธออย่าง “วลาด บรัคโควิช” อดีตนักร้องโอเปร่าที่ตอนนี้กลายเป็นตาแก่หมดหวัง อาศัยกินเหล้าและนอนในรถไปวันๆ หนทางการล่าฝันของเธอจะต้องพบเจอกับกับอุปสรรคอย่างไรบ้างและเธอจะบรรลุเป้าหมายในการเป็นนักร้องตามที่ฝันไว้หรือไม่เราให้ไปลุ้นต่อกันในหนังเองดีกว่า

Teen Spirit ถือว่าหนังนักล่าฝันวัยรุ่นสูตรสำเร็จ ที่ไม่ได้มีมิติหรือเรื่องราวหักมุมอะไรมากนักเป็นหนังที่ดูได้เรื่อยๆ ตื่นเต้นกับภาพโทนหม่นๆ ตามที่ถ่ายทอดออกมาตามอารมณ์ของตัวละครเอก Violet Valenski สาวน้อยบ้านนาฝั่งอังกฤษและสีสันแบบนีออนสุดฮิต เมื่อเป็นฉากเกี่ยวกับดนตรีและชีวิตในเมืองแต่สิ่งหนึ่งที่ไม่พูดถึงไม่ได้เลยคือ ”เพลงประกอบ” หนังจั่วหัวมาเป็นเรื่องดนตรีขนาดนี้เพลงประกอบก็ไม่ได้ทำให้ผิดหวังแม้แต่น้อย เพราะได้ทีมงานจากหนังเรื่อง La La Land มาเป็นผู้ควบคุมดูแล โดยการนำเพลงดังหลากหลายเพลงมามิกซ์ใหม่ให้เข้ากับธีมหนัง และได้ศิลปินแถวหน้าของวงการอย่าง อะรีอานา กรานเด, เคที เพอร์รี, Grimes, Major Lazer ฯลฯ เข้ามามีส่วนร่วมในการทำดนตรีถ้าใครอยากฟังเสียงเพราะๆ จากสาวแอล แฟนนิ่ง ก็ไม่ควรพลาดเรื่องนี้ เพลิดเพลินไปกับเสียงดนตรี และหน้าสวยๆ ของเธอ

9.Bohemian Rhapsody (2018)

ฟารุค บัลซารา ที่เติบโตมากับครอบครัวเชื้อสายเปอร์เซียในอังกฤษที่เคร่งครัด และวันหนึ่งด้วยความบังเอิญ เขาได้กลายมาเป็นนักร้องนำที่ต่อมาเรียกตัวเองว่า ‘Queen’ พร้อมอีก 3 สมาชิกของวง ไบรอัน เมย์, โรเจอร์ เทย์เลอร์ และจอห์น ดีคอน ซึ่งฟารุคได้เปลี่ยนชื่อเป็น เฟรดดี เมอร์คูรี ในภายหลัง และพบเจอกับความสำเร็จที่ทำให้เขาได้รับยกย่องให้เป็นหนึ่งในศิลปินที่สำคัญสุดในประวัติศาสตร์

สำหรับ Bohemian Rhapsody คือหนังกึ่งชีวประวัติแนวดนตรีที่น่าสนใจอีกเรื่องหนึ่ง การหยิบเรื่องราวของ Freddie Mercury นักร้องนำวง Queen มาเล่าในหลากหลายแง่มุมกว่าจะเป็นร็อคสตาร์ไม่ได้ง่ายเลยกว่าจะได้รับการยอมรับ และวิธีการทำเพลงพิสูจน์ให้เห็นถึงความคิดสร้างสรรค์ที่เข้าขั้นมหัศจรรย์ หนังเรื่องนี้กลมกล่อม อาจจะไม่ได้เจาะลึกโฟกัสแง่มุมเชิงลึกมากนัก แต่การได้ฟังเพลงร็อคบนแผ่นฟิล์มไม่ใช่เรื่องง่ายๆ และหนังเรื่องนี้ทำออกมาถูกใจผู้คนมากมาย โดยเฉพาะแฟนเพลงวง Queen คนชอบฟังเพลงร็อคย้อนยุคจะได้เต็มอิ่มจุใจไปเลย

10.Rocketman (2019)

เรื่องราวอันสุดมหัศจรรย์ในช่วงเวลาหลายปีที่ เอลตัน จอห์น แจ้งเกิดในวงการ ภาพยนตร์เรื่องนี้ติดตามการเดินทางสุดมหัศจรรย์พันลึกของการเปลี่ยนแปลงจาก เรจินัลด์ ดไวท์ นักเปียโนอัจฉริยะ ไปสู่การเป็นซูเปอร์สตาร์ของโลก เอลตัน จอห์น เรื่องราวที่ให้แรงบันดาลใจเรื่องนี้ ซึ่งใช้บทเพลงของ เอลตัน จอห์น ที่คนทั้งโลกรักที่สุด กับบทบาทการแสดงโดยนักแสดงดาวรุ่ง ทารอน เอเจอร์ตัน บอกเล่าเรื่องราวที่ทุกคนสามารถอินไปด้วยได้ ว่าเด็กผู้ชายจากเมืองเล็ก ๆ ได้กลายมาเป็นหนึ่งในบุคคลที่ทุกคนชื่นชอบและมีชื่อเสียงโด่งดังมากที่สุดในวัฒนธรรมร่วมสมัยได้อย่างไร

สำหรับ Rocketman เป็นหนังที่สร้างความเพลิดเพลินให้ผู้ชมได้มหาศาล บทเพลงของท่านเซอร์ เอลตัน จอห์น ช่วยเล่าเรื่องราวชีวประวัติได้อย่างสนุกสนานในแบบมิวสิคัลการร้อยเรียงเรื่องราวเต็มทำให้เรารู้สึกว่าไม่ว่าจะเป็นเพศชายหรือหญิง, LGBT ก็สามารถดูเรื่องนี้และเข้าใจตัวตนที่แท้จริงของป๋าเอลตัน

11.Yesterday (2019)

แจ็ค มาลิค นักร้องนักแต่งเพลงจากเมืองเล็กๆ ตั้งอยู่ริมทะเลในอังกฤษ ต้องต่อสู้เพื่อความสำเร็จในชีวิตนักดนตรี แม้ว่าความหวังจะดูเลือนลาง แต่แล้วในคืนหนึ่งเกิดไฟดับทั่วโลก แจ็คประสบอุบัติเหตุถูกรถเมล์ชนและตื่นขึ้นมาและพบว่ามีเพียงเขาเท่านั้นที่รู้จักเดอะบีเทิลส์ ปัญหาวุ่นวายและซับซ้อนในชีวิตจึงเกิดขึ้น เมื่อแจ็คเริ่มเล่นเพลงของ เดอะ บีเทิลส์ให้ผู้คนมากมายที่ไม่เคยได้ฟังมาก่อน ทำให้ชื่อเสียงของเขาโด่งดังมากขึ้น แม้ว่าการงานกำลังรุ่ง แต่เรื่องความรักของเขากับ เอลลี่ เพื่อนรักตั้งแต่วัยเยาว์ ดูเหมือนจะไม่เข้าทาง สุดท้ายก็คงต้องเลือกว่าจะกลับไปอยู่เส้นทางสายดนตรี หรือสานฝันกับสาวที่เขารักกันแน่

สำหรับ Yesterday คือการหยิบช่วงเวลาของนักต่อสู้เพื่อสิทธิเสรีภาพของคนผิวสีออกมาเล่าในมุมสว่างให้ความรู้สึกเป็นธรรม จากการกฏขี่ข่มเหงของกลุ่มคนที่เห็นต่างทั้งเรื่องสีผิว และสิทธิมนุษยชนที่ในยุคก่อนแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง หลายๆแง่มุมค่อนข้างสะเทือนใจกับการกระทำที่ไม่เป็นธรรมของทางการที่อยากจัดการกลุ่มคนที่เห็นต่างที่เรียกร้องความยุติธรรม หนังชำแหละเนื้อหาได้ตรงไปตรงมา