รวม 7 หนังบทแบบเดิมๆ ของ Paul Rudd สู่ฮีโร่มนุษย์มด Ant-Manรวม 7 หนังบทแบบเดิมๆ 

Paul Rudd เป็นดาราอีกคนที่แอดมินได้รู้จักเขาเยอะๆ ในช่วงที่หนังสไตล์ชีวิตชายวัยกลางคนที่ไม่รู้จักโตของผู้กำกับ Judd Apatow อย่าง The 40 Year Old Virgin, Knocked Up หรือ This is 40 อะไรแถวๆ นี้ (ส่วนก่อนหน้าก็จะมี Friends) เพราะแทบทุกเรื่องเราก็จะได้เห็นดาราคู่ใจอย่าง Paul Rudd มาโดยเสมอ ซึ่งจริงๆ แม้ว่าเขาจะเป็นดาราที่โลดแล่นในวงการมานาน แต่หลายๆ คนก็เหมือนจะรู้จักเขาอย่างจริงจังในบท Scott Lang ใน Ant-Man (2015) มากที่สุด

ซึ่งสัปดาห์นี้เพื่อต้อนรับหนัง Marvel ที่หลายคนรอคอยอย่าง Ant-Man and the Wasp: Quantumania เผื่อว่าใครอยากดูหนังเรื่องก่อนๆ ของพระเอก Paul Rudd กันบ้างแล้ว List นี้ก็เรียกได้ว่าพยายามคัดมาให้แล้วเลย มีอยู่ 7 ตั้งแต่ช่วงหน้าใสไปจนถึงหน้าปัจจุบัน ถ้าชอบเรื่องไหนอย่าลืมมาคุยกันได้ใต้เมนท์เลย

Clueless (1995)

แชร์ ฮอโรวิตส์ เด็กสาววัย 16 ที่มีพ่อเป็นทนายฐานะร่ำรวยในย่านเบเวอร์ลี ฮิลล์ เธอมักไปไหนมาไหนกับเพื่อนสนิทอย่าง ดิออน สาวอีกคนที่มีไลฟ์สไตล์คนรวยเหมือนกัน แต่ด้วยความเรียนไม่เอาไหนของทั้งคู่ เลยถูกพ่อบังคับให้ทำเกรดให้ดีขึ้น เพื่อให้พ่อของเธอพอใจ และให้พวกเธอไม่กลายเป็นเพียงวัยรุ่นสวยใสแต่ไม่มีสมองในแบบที่คนอื่นเห็นด้วย

อีกหนังแนววัยรุ่นยุค 90s อย่างแท้จริง หรือหากจะให้พูดชัดๆ มันก็คือยุคที่มาก่อน Y2K นั่นเอง โดยตัวเอกในเรื่องก็จะเป็นแนวสวยใสวัยรุ่นสไตล์ MTV ที่รับบทโดย Alicia Silverstone ที่ดังมากในช่วงนั้น พร้อมได้พระเอกหน้าใสอย่าง Paul Rudd มา แม้ว่าหนังเองจะค่อนข้างมีสูตรสำเร็จ และประเด็นที่ไม่ได้ลึกมากนัก แต่มันก็เป็นบันทึกวัยรุ่นยุค 90s ชั้นดี ที่สะท้อนเรื่องการดูแลลูกหลานทั้งในครอบครัว และในโรงเรียนได้ไม่ยาก คิดแล้วก็เหมือนเป็น Mean Girls ของยุค 90s ก็อาจจะไม่ผิดนัก

Friends (2002 – 2004)

เรเชล กรีน สาวสวยไฮโซที่หนีออกมาจากงานแต่งตัวเอง พร้อมกับโดนที่บ้านตัดญาติขาดมิตร จนมาหวังพึ่งพา มอนิกา เกลเลอร์ เชฟสาว จนได้กลายมาเป็นรูมเมทกัน โดยมีรอสส์ เกลเลอร์ พี่ชายของมอนิกา ที่คงสถานะพ่อหม้ายเพิ่งเลิกกับแฟนแต่แอบชอบ เรเชล มาตั้งแต่สมัยเป็นวัยรุ่น จนเกิดเป็นเรื่องวุ่นๆ ตามมาพร้อมกับผองเพื่อนอย่าง โจอี้ ทริบบีอานี่ นักแสดงที่ไม่ดังสักที, แซนด์เลอร์ บิง นักธุรกิจที่ไม่มีใครรู้ว่าเขาทำงานอะไรกันแน่, ฟีบี บุฟเฟย์ หมอนวดที่หลงใหลในการเล่นดนตรี

ใน Friends นั้น ถึง Paul Rudd จะไม่ใช่ตัวเอก แต่การปรากฏตัวของเขาในบทของไมค์ แฮนนิกัน ก็นับว่าเป็นอะไรที่แฟนๆ ต่างชอบมาก เพราะตัวละครนี้เป็นคนรักของตัวละคร อย่าง ฟีบี ที่แม้ว่าเธอจะเป็นสาวแปลกๆ แต่สุดท้ายก็ได้พบรักสักที ซึ่งการออกมาของเขาก็มีสูงถึง 19 ตอนเลยทีเดียว แถมฉากแต่งงานของทั้งคู่ก็นับว่าเป็นอีกซีนที่น่าประทับใจของซีรีส์ชุดนี้เป็นอย่างมาก 

The 40-Year-Old Virgin (2005)

แอนดี้ สติทเชอร์ ชายพนักงานห้างขายเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ดูเป็นเหมือนเป็นคนธรรมดาทั่วๆ ไป ติดอยู่ที่เรื่องเดียวคือ แม้ว่าอายุเขาจะปาเข้าไป 40 แล้ว แต่เขาก็ยังไม่เคยเปิดซิงสักที จนกลุ่มเพื่อนๆ ที่ทำงานของเขา ต่างก็ตั้งมั่นกันอย่างเต็มที่ว่าพวกเขานั้นจะพยายามให้ แอนดี้ มีเซ็กส์ครั้งแรกให้ได้ จนกระทั่งแอนดี้ได้พบกับ ทริช แม่ลูกสามวัย 40 ปี ที่อาจจะทำให้มุมมองเรื่องเพศของเขาเปลี่ยนไป

หนังมันสนุกแบบระเบิดระเบ้อ จนเป็นหนังโคตรฮิตในปีนั้น ผู้คนชื่นชมทั้งในด้านการแสดงของ Steve Carell ที่ปกติจะพบได้บ่อยครั้งในหนังของ Paul Rudd ที่มักเล่นด้วยกันอยู่เสมอ อีกทั้งตัวหนังเองยังเต็มไปด้วยความฮาไส้แตก อีกทั้งยังสอดแทรกไปด้วยสาระและประเด็นต่างๆ ที่น่าสนใจในช่วงท้ายๆ จนทำให้รู้สึกว่าหนังมันค่อนข้างครบรสมากๆ ในหลายๆ ด้าน เป็นหนังตลกในตำนานอีกเรื่องที่คิดว่าไม่ควรพลาดกันเลย

Ghostbusters: Afterlife (2021)

เมื่อแม่เลี้ยงเดี่ยว เพิ่งได้รับมรดกตกทอดจากพ่อของเธอเป็นบ้านย่านชานเมืองที่ห่างไกลจากผู้คน จนเมื่อลูกทั้งสองของเธอมาถึง ก็ได้พบว่าสถานที่แห่งนี้เกี่ยวข้องกับสมาชิกของเหล่า Ghostbusters ยุคบุกเบิก ที่กำลังจะค้นพบว่าเหล่าภูติผีปีศาจ ก็เตรียมที่จะหลุดออกมาอีกครั้ง ทำให้พวกเขาต้องสานต่องานเพื่อช่วยโลกใบนี้จากแผนร้ายของเหล่าปีศาจ

อีกงานภาคต่อที่ทั้งเตรียมปูทางสู่ Generation ใหม่ แต่ในขณะเดียวกันก็คารวะต้นฉบับที่มีอยู่ไปด้วย จนออกมาเป็นงานที่แฟนคลับเดิมก็รัก แถมยังได้ใจแฟนหนังใหม่ๆ ไปพร้อมๆ กัน ตัวหนังเองค่อนข้างเล่าเรื่องแบบค่อยเป็นค่อยไป แล้วค่อยมาขมวดเซอร์ไพร์ซให้แฟนๆ มีน้ำตาซึมกันในช่วงท้ายได้อย่างลงตัว ตัว Paul Rudd เองก็รับบทอาจารย์มาดหนวดเฟิ้ม ในเรื่องที่เป็นคนคอยให้คำแนะนำกับพวกเด็กๆ แม้บทจะไม่มาก ก็หวังว่าภาคหน้าอาจเพิ่มอะไรให้เยอะกว่านี้

This is 40 (2012)

พีท และเด็บบี้ คู่รักที่แต่งงานกันมาหลายปี พร้อมกับมีลูกด้วยกันถึง 2 คน ก็ได้เผชิญกับสิ่งที่หลายชีวิตคู่ต้องเผชิญก็คือความเบื่อหน่าย และความคุ้นชินกับชีวิต เพราะอยู่ด้วยกันมานาน ทำให้พวกเขาจึงพยายามหาทางที่ฝ่าวิกฤตวัยกลางคนช่วง 40 เพื่อรักษาครอบครัว และความสุขในทุกด้าน เพื่อให้ยังเป็นคนที่มีพลังในการใช้ชีวิตอยู่

หนังพล็อตง่ายๆ แต่เล่ามาได้สนุก โดนใจวัยกลางคนหลายคนที่กำลังประสบปัญหาเดียวกันอยู่มาก เพราะหนังมันทำให้เราเห็นถึงสัจธรรมของชีวิตจริงๆ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องความรักที่เริ่มชินชา การอยู่ด้วยกันแบบไม่มีเสน่ห์อีกต่อไป เช่น อีกคนแปรงฟัน ในขณะที่อีกคนมานั่งขี้ในห้องน้ำ อะไรแบบนี้ มันเลยเข้าถึงคนดูได้ง่าย บทของ Paul Rudd ก็ไม่ได้ต่างจากหนัง Judd Apatow เรื่องอื่นๆ แต่ก็เป็นหนังที่สนุกในการที่ดูจบแล้วมาย้อนดูชีวิตตัวเองไปด้วย

I Love You Man (2009)

ปีเตอร์ คลาเวน นายหน้าอสังหาที่ประสบความสำเร็จ และกำลังจะมีชีวิตคู่ที่ดีจากการได้แต่งงานกับโซอี้ สาวที่เขารัก แต่กลับเพิ่งรุ้สึกตัวว่าเขานั้นดันไม่มีเพื่อนสนิทพอที่จะเอามาเป็นเพื่อนเจ้าบ่าวได้เลย เขาเลยตัดสินใจนัดบอดหาเพื่อนหนุ่มซะเลย ซึ่งก็ทำให้เขาได้เจอกับ ซิดนีย์ หนุ่มผู้ดูเป็นมิตร จนกระทั่งสนิทกันมาเสมือนอยู่ด้วยกันมานาน แต่มันก็กลายเป็นความสัมพันธ์ร้าวฉาน 

หนังอีกเรื่องสไตล์ผู้ชายมีอายุคุยกัน ที่เริ่มจากประเด็นง่ายๆ อย่างความเป็นเพื่อนในวัยรุ่นน่ะมันง่าย แต่พอเป็นผู้ใหญ่ ทำไมมันหาเพื่อนแท้ได้ยากจัง ซึ่งหนังก็มันพาเราไปสำรวจความสัมพันธ์เพื่อนแบบผู้ใหญ่หัวใจเด็ก ที่ทำให้ตัวเอกต้องระส่ำระส่าย เพราะไม่เคยมีเพื่อนสนิทมาก่อน จนกระทบไปถึงความสัมพันธ์กับแฟนสาวของเขา หนังค่อนข้างมีประเด็นที่น่าสนใจ มุมชีวิตที่แปลกจากเรื่องอื่นๆ ที่รู้สึกว่า Paul Rudd ก็เหมาะกับบทแบบนี้นี่แหละ

The Perk of Being the Wall Flower (2012)

ชาร์ลี เด็กหนุ่มที่เพิ่งเข้ามาไฮสคูลเป็นปีแรก ด้วยความที่เขาเป็นคนที่ค่อนข้างเก็บตัวด้วยปมบางอย่างในจิตใจ เขาจึงไม่คิดอยากจะมีเพื่อนและหวังว่าจะให้ชีวิตวัยรุ่นของเขาผ่านไปอย่างเรียบง่ายไม่ต้องสนใจใคร แต่แล้ว ชาร์ลี ก็มีโอกาสได้มาพบกับ แซม และ แพททริค รุ่นพี่ปี 4 ที่ได้พาเขาให้มาสนุกกับการใช้ชีวิตในวัยนี้ได้อย่างเต็มที่ และหาประสบการณ์ต่างๆ จนทำให้เขาได้พบกับทั้งความรัก ความสนุก ความเศร้า และความผิดหวังที่จะทำให้เขาได้เติบโตต่อไปในอนาคต

ใครที่ชอบแนว Coming-of-Age หรือการเติบโตของวัยรุ่นนั้นน่าจะชอบในความครบรสของมันมากๆ ในโทนที่มาแบบนิ่งๆ เรียบๆ แต่สุดท้ายแล้วมันกลับบาดใจไปกับชีวิตแต่ละตัวละครซะเหลือเกิน รวมถึงบทพูดคมๆ มากมายที่หนังได้หยิบเอามาใส่ได้ชวนคิดมากๆ ถ้าใครชอบหนังรักที่มีมุมแปลกๆ หรือปมตัวละครดีๆ แต่ไม่ฟูมฟายแล้ว นี่ก็เป็นหนังวัยรุ่นอีกเรื่อง ที่มี Paul Rudd แบบเป็นตัวประกอบ แต่คุ้มค่าที่จะดูอยู่มากๆ (เพราะมีน้อง Emma มาชดเชย 555)