รวม 7 หนังสายเขียว พลังใบ ต้อนรับนโยบาย “ปลดล็อค” กัญชา
สายเขียวได้เฮกันเป็นที่เรียบร้อย หลังจากที่การ “ปลดล็อก” กัญชา กัญชง เป็นที่เรียบร้อย เพื่อให้คนแบบเราๆ สามารถปลูกเพื่อใช้เองภายในครัวเรือนได้ โดยที่ต้องขออนุญาต เพียงแต่ต้องไปแจ้งผ่าน Application “ปลูกกัญ” ของทาง อ.ย. เอาไว้ก่อน โดยเริ่มกันไปแล้วในวันที่ 9 มิถุนายนที่ผ่านมา ซึ่งก็ตลกดีว่า เพิ่งปลดไปวันแรก หลายบ้านต้นโตพร้อมใช้กันเหลือเกินจริง 555
เพื่อให้สอดคล้องกับนโยบายสักหน่อย วันนี้เราจึงขอคัดสรรหนังสายเขียวอารมณ์ ที่จะพาคนดูเยิ้มไปพร้อมไปหนัง นั่งฮา นั่งยิ้มหวานไปทั้งเรื่อง โดยที่ไม่รู้ว่าเป็นเพราะหนังหรือเพราะอะไรกันแน่ ซึ่งหนังสายเขียวที่ว่า มันดันมีเยอะมากจริงๆ เพราะหลายๆ เมืองในอเมริกากก็ให้ถูกกฏหมายมาตั้งนานแล้ว ก็เลยมีแนวๆ ที่ว่าเยอะอยู่ ส่วนจะมีเรื่องอะไรกันบ้าง ไปดูกันเลย
Pineapple Express (2008) – วุ่นเเล้วตู จู่ๆก็โดนล่า
เดล เดตัน ชายสายเขียวที่มาบ้านของ โซล ซิลเวอร์ พ่อค้ายาในเมือง เพื่อมารับกัญชาเพิ่ม แต่ด้วยความที่ เดล เป็นลูกค้าประจำ โซล จึงเสนอกัญชาตัวใหม่เกรดพรีเมี่ยมที่มีชื่อว่า “Pineapple Express” มาให้ลอง ระหว่างออกเดินทางเขาแวะจอดรถเพื่อดื่มด่ำกับสินค้าตัวใหม่ แต่ก็เกิดเหตุไม่คาดคิดขึ้นมาเสียก่อน เมื่อ เดล นั้น กลายเป็นพยานในเหตุการณ์ฆาตกรรมที่คนร้ายดันเป็นตำรวจเลวขึ้นมา ด้วยความตื่นตระหนกตกใจเลยทำให้เขาพลาดทำกัญชาตัวแรร์นี้ตกเอาไว้ ทำให้ เดล ต้องรีบกลับไปบอก โซล ถึงความผิดพลาดครั้งนี้ และเตรียมหนีตายจากสถานการณ์สุดวายป่วง
หนังเรื่องนี้เหมาะกับคนที่ชอบแนวตลกร้ายแบบดาร์คๆ ที่ไม่ใช่ตลกโปกฮาในแบบเอาฮาล้วนๆ เพราะมุขส่วนมากเป็นตลกด้วยบทพููดและสถานการณ์ ที่อาจต้องเข้าใจวัฒนธรรมอเมริกันอยู๋สักหน่อย ถ้าชอบความวายป่วงอะไรแบบนี้จะสนุกมาก เพราะมันจะเป็นหนังแนวแบบ Superbad, Knocked up หรือหนังสไตล์ Judd Apatow ทั้งหลาย คิดว่าน่าจะชอบหนังเรื่องนี้กันได้ไม่ยากเลย
Harold & Kumar: Go to White Castle (2004) – ฮาโรลด์กับคูมาร์ คู่บ้าฮาป่วน
ฮาโรลด์ และคูมาร์ ที่เป็นทั้งรูมเมทและเพื่อนซี้ต่างสัญชาติ ทั้งคู่ต่างหลงใหลในรสของกัญชาด้วยกัน คืนวันศุกร์คืนหนึ่งหลังจากที่ทั้งคู่พี้ยากันได้ที่แล้ว อยู่ๆ ก็เห็นโฆษณาถึงร้านเบอร์เกอร์แห่งหนึ่งที่มีชื่อว่า White Castle พวกเขาจึงตัดสินออกเดินทางเพื่อที่จะไปตามอาหารที่ฝันเอาไว้ แต่ระหว่างทางกลับต้องพบกับอุปสรรคและเรื่องราวมากมาย จนบางทีพวกเขาก็ชักเริ่มไม่แน่ใจแล้วว่า พวกเขาจะไปถึงจุดหมายที่ตั้งใจไว้หรือไม่
หนังที่น่าจะเหมาะกับคนที่ชอบการดูหนังตลกติดเรท เพราะหนังเต็มไปด้วยคำหยาบคาย ฉากยาเสพติด ฉากเซ็กส์ ต่างๆ นานา ที่ทำออกมาได้คุ้มค่ากับเรท R ซะเหลือเกิน ซึ่งถ้าก้าวข้ามความตลกใสๆ มาได้ นี่คือหนังตลกอีกเรื่องที่อยากแนะนำ เพราะมันอุดมไปด้วยมุขระดับฮาก๊ากเยอะมาก ซึ่งคนที่ชอบหนังฮาแบบเสื่อมๆ สไตล์ Dude, Where’s my car? (ซึ่งมุขก็ถูกเอามาใช้อีกทีในเรื่องนี้ด้วย) หรือ Road Trip ก็น่าจะสนุกไปกับหนังเรื่องนี้กันได้ไม่ยาก
Friday (1995) – ฟรายเดย์
เคร็ก โจนส์ ชายหนุ่มที่เพิ่งโดนไล่ออกมาจากการขโมยของภายในร้านที่ตัวเองทำงานอยู่ ในวันศุกร์หลังจากนั้น เขาจึงเลือกใช้เวลาทั้งวันไปกับเพื่อนสนิทอย่าง สโม้กกี้ เพื่อที่จะหนีพ่อของเขาที่จะมาคอยเร่งรัดให้เขาหางานใหม่ในทันทีอีกด้วย ซึ่งในตอนนั้น สโม้กกี้ ก็กำลังมีปัญหาใหญ่พอดี เมื่อเขาดันดูดกัญชาที่ควรจะต้องเอามาขาย จากดีลเลอร์โรคจิตอย่าง Big Worm ไปจนหมด ทำให้เขาและเคร็ก จึงต้องพยายามหาเงินจำนวนนี้มาคืนแก๊งนักเลงให้ทันก่อนสิ้นวันศุกร์ ไม่เช่นนั้นแล้วนี่คงจะเป็นวันศุกร์สุดท้ายของพวกเขาเป็นแน่
หนังหมาะกับคนที่ชอบหนังผิวสี เพลงฮิปฮอปในยุค 90s หรือเป็นแฟนคลับของ Ice Cube มาตั้งแต่สมัยนั้น ก็น่าจะรู้จักและชอบหนังเรื่องนี้อย่างแน่นอน เพราะหนังมีครบองค์ประกอบ ทั้งความตลกแบบสไตล์หนังผิวสี เรื่องวุ่นที่เขียนบทมาสนุกดี พร้อมกับดาราผิวสีดังๆ ในยุคนั้น ถ้าชอบหนังสไตล์ Ice Cube แบบ Are We There Yet, Are We Done Yet หรือหนังตระกูล Friday ภาคอื่นๆ ในยุคหลังๆ แล้ว คิดว่าน่าจะต้องไปตามหามาดูแน่ๆ แต่หนังอาจจะหาดูยากสักหน่อยในไทย
The Gentlemen (2019) – สุภาพบุรุษมหาหากัญ
เมื่อ มิคกี้ เจ้าพ่อกัญชาผู้ทรงอิทธิพลในอังกฤษ เกิดอยากจะวางมือจากวงการ เลยจะขายกิจการทิ้งหมด นั่นเลยเป็นจุดเริ่มต้นของความวายป่วง เมื่อบรรดาคนอื่นในวงการ ต่างก็ต้องการขึ้นแทนในตำแหน่งนี้ จนกลายเป็นชนวนความแตกหักอันแสนวุ่นวาย ระหว่างบรรดาแก๊งยาเสพติดในเมือง ไปจนถึงชนชั้นสูงในอังกฤษ ให้ต้องมาเชือดเฉือนกัน เพื่อกุมความเป็นใหญ่ของอาณาจักรกัญชาแห่งนี้
หนังที่มีความเฉพาะตัวอยู่มาก และต้องการคนที่ค่อนข้างเข้าใจสไตล์มันในระดับหนึ่ง เพราะนี่คือหนังของผู้กำกับที่ยียวนกวนบาทาอีกคนหนึ่งในวงการอย่าง Guy Ritchie ที่หลายๆ คนน่าจะชอบในผลงานเก่าๆ ของเขามาก และข่าวดีก็คือเรื่องนี้มันมาสไตล์เดิม ที่พูดน้อยต่อยหนัก เน้นเชือดเฉือนกันด้วยวาจามากว่าฉากแอคชั่น ทำให้ถ้าใครชอบหนังอย่าง Lock, Stock and Two Smoking Barrels หรือ Snatch ของเขาแล้ว เรื่องนี้จะทำให้คุณกลับไปรู้สึกถึงบรรยากาศเก่าๆ แบบนั้นได้เลย
Savage (2012) คนเดือดท้าชนคนเถื่อน
เบน และ ฌอน เพื่อนสนิทสองคนที่ร่วมกันทำธุรกิจผลิตและค้ายาเสพติดด้วยกัน ด้วยความที่พวกเขาพัฒนาการปลูกกัญชาพันธุ์ดี จนทำรายได้ในท้องถิ่นได้อย่างมหาศาล จนทำให้เป็นที่จับตาของ เอลีน่า มาเฟียหญิงตัวเอ้ชาวเม็กซิกัน ที่ใช้อิทธิพลของเธอขู่บังคับในการเข้าซื้อกิจการของพวกเขา แต่แน่นอนว่าการเจรจากลับไม่ได้เป็นไปด้วยดี แถมแก๊งมาเฟียเองก็ยังเลยเถิดถึงขนาดลักพาตัว โอ ผู้หญิงคนเดียวที่ เบนและฌอนรักไป ทำให้พวกเขาจึงต้องระเบิดความเถื่อนในการทำทุกวิถีทางในการพาคนรักกลับมา
สำหรับ Savages นั้นเป็นหนังที่ใช้ Rate R ได้คุ้มค่า ตามเรื่องที่หมิ่นเหม่ทางศีลธรรม หลายๆ เรื่อง ไม่ว่าจะเป็นยาเสพติด ความสัมพันธ์ 1 หญิง 2 ชาย (อาจจะแค่ในไทย) อิทธิพลแก๊งมาเฟีย การฆ่ากันตาย บลาๆ ก็ทำให้มันเหมาะกับคอหนังที่ชอบสไตล์อาชญากรรม มาเฟีย ยาเสพติดแบบถึงพริกถึงขิง หรือสไตล์เรื่องเข้มๆ ก็น่าจะชอบกันได้ไม่ยาก ไม่ต่างจากสไตล์นี้ในเรื่องอื่นๆ อย่าง Contraband หรือ Smokin Aces ก็พอมีฟิลลิ่งแบบนี้อยู่หน่อยๆ
Dazed and Confused (1993) – ปาร์ตี้เกรียนๆ ของวันเกรียนๆ
ย้อนไปในปี 1976 วันสุดท้ายของการเรียนที่โรงเรียนมัธยมแห่งหนึ่งในเท็กซัส ที่กลุ่มวัยรุ่นกลุ่มหนึ่ง กำลังจะใช้ชีวิตให้คุ้มค่า ผ่านการไปปาร์ตี้ กิจกรรมรับน้อง การเสพกัญชา และการแสดงออกถึงความอิสระเสรีในแบบที่ไม่มีใครห้ามพวกเขาได้ ซึ่งทั้งหมดจะเป็นเหตุการณ์เพียง 1 วันของพวกเขา ที่จะถ่ายทอด ความรู้สึกนึกคิด วัฒนธรรม และการเติบโต ผ่านทางตัวละครต่างๆ มากมาย ออกมาได้อย่างเต็มอิ่ม
สำหรับ Dazed and Confused เป็นหนังของคนที่ชอบสไตล์เล่าไปเรื่อยอันเป็นเอกลักษณ์ของผู้กำกับ Richard Linklater อยู่แล้ว โดยพล็อตหนังมันก็มีแค่ 1 วันของกลุ่มวันรุ่นที่กำลังจะปิดเทอม แล้วไปปาร์ตี้ ส่วนที่เหลือมันก็คือการแสดงออกด้วยพฤติกรรม และบทสนทนาที่สื่อถึงความนึกคิดของพวกเขาในวัยนั้น โดยที่ไม่ได้มีจุดพีคหรืออะไรมากมาย เพราะหนังก็ถ่ายทอดของมันไปเรื่อยๆ ดังนั้นถ้าหากคุณเป็นคนที่ชอบผลงาน Richard Linklater อย่างตระกูลเดินไปพูดไปอย่าง Bofore Sunset/Sunrsie/Midnight หรือ ชอบหนังวัยรุ่นแบบ Everybody wants some ของเขามาก่อนอยู่แล้ว นี่ก็คือหนังสไตล์เดียวกันแท้ๆ เลย
Ted (2012) – หมีไม่แอ๊บ แสบได้อีก
ในวัยเด็กนั้น จอห์น ผู้ที่ชีวิตไม่เคยมีเพื่อนมาก่อน ในวันเกิดเขาจึงอธิษฐานขอเพื่อนสักคน และพรนั้นก็กลายเป็นจริง เมื่อของขวัญตุ๊กตาหมีที่เขาได้มานั้น กลายมาเป็น เท็ด ที่มีชีวิตและจิตใจ ทั้งคู่เติบโตมาด้วยคำสัญญาที่จะไม่แยกจากกัน จนกระทั่งจอห์นอายุ 35 ปี เขาก็ได้พบรักกับ คอลลินส์ และได้มาคบกัน จนทำให้ความสัมพันธ์ที่เขาและเท็ดมีด้วยกันมาก็ต้องมาเริ่มสั่นคลอน เพราะ จอห์น ก็เริ่มคิดถึงอนาคตของตัวเองมากขึ้น
หนังอาจจะไม่เหมาะสำหรับคนที่กำลังมองหาหนังใสๆ ระหว่างคนกับตุ๊กตาหมี ตามที่เห็นหน้าปกแน่ๆ เพราะมันเองก็เป็นหนังที่แปะด้วยเรท R และอุดมไปด้วยมุข เสื่อม ถ่อย อยู่ตลอดทั้งเรื่อง จนลบภาพตุ๊กตาหมีที่แสนน่ารักกันไปเลย แต่สำหรับคนที่ต้องการหนังตลกติดเรทแบบเสื่อมๆ อยู่แล้ว หรือชอบงานตลกสไตล์ผู้ใหญ่หน่อย ผสมกับเรื่องมิตรภาพแบบผู้ชาย เหมือนอย่างหนังตระกูล The Hangover หรือชุด Jump Street แล้ว คิดว่า Ted น่าจะเป็นหนังสไตล์ที่คุณชอบได้เลย