รวมรีวิวทุกตอนของกรุฝันร้าย ใน Guillermo Del Toro’s Cabinet of Curiousities

เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมานั้น ก็ได้มีซีรีส์ชุดหนึ่งใน Netflix ชื่อว่า Guillermo del Toro’s Cabinet of Curiosities ที่ได้ผู้กำกับชื่อดังอย่าง Guillermo del Toro’s เจ้าพ่อแห่งฝันร้าย และการดีไซน์ตัวประหลาด มาเป็น Producer และมาเป็นป๋าดันให้กับผู้กำกับหน้าใหม่ๆ เพื่อทำหนังที่เขาคิดเรื่องสั้นขึ้นมา ซึ่งแต่ละตอนก็จะมีเนื้อหาและธีมที่แตกต่างกันออกไป จนแต่ละตอนก็มีความน่าสนใจในตัวเอง

ซึ่งการฉายในช่วงที่ผ่านมานั้น ก็ออกมาทั้งสิ้น 8 ตอน โดยออกเป็นวันละ 2 ตอนตั้งแต่วันที่ 25 มาจนถึงวันที่ 29 ตุลาคม และโดยภาพรวมนั้นก็บอกได้เลยว่า แต่ละตอนทำออกมาได้สนุก มีเสน่ห์ ชวนสยองมาก อีกทั้งยังมีงานโปรดักชั่นและ CG ดีๆ ที่เสริมความสยองให้มากขึ้น เพราะถึงบางตอนเนื้อเรื่องจะไม่มีอะไรมาก แต่ว่าตัวประหลาดในเรื่องก็ยังทำออกมาได้ฝันร้ายจนติดตาได้อยู่ดี และเราก็ได้รวมรีวิวของทุกตอนมาให้แล้ว เผื่อใครที่เวลาน้อยๆ อยากเลือกดูแค่บางตอน จะได้ประกอบการตัดสินใจได้เลย

1. Lot 36 – ระดับความสยอง 6 กะโหลก

อดีตทหารผ่านศึกที่เป็นพวกเหยียดเชื้อชาติ ได้ประมูลห้องเก็บของหมายเลข 36 จากชายแก่แปลกๆ ที่ตายไปแล้ว เพื่อหวังว่าจะได้เข้าไปรวบรวมทรัพย์สินเก่าๆ ในนั้น และเอาไปใช้หนี้ได้ แต่แล้วเขาก็ได้พบว่าในห้องนี้มีอะไรแปลกๆ ซ่อนอยู่ภายใน

สำหรับในตอนแรกที่หลายคนอาจจะมองว่ามันไม่มีอะไรนั้น แต่จริงๆ หนังกลับสร้างบรรยากาศได้ดี ชวนอยากรู้มากๆ ว่าเจ้าของห้องคนเก่าเข้าไปทำอะไรในห้องบ่อยๆ กันแน่ ซึ่งหนังเองก็ค่อยๆ โยนเบาะแสเข้ามาเรื่อยๆ ให้เราคาดเดาว่า มันมีอะไรอยู่ภายใน ซึ่งในช่วงท้ายๆ ก็ต้องยอมรับว่าสิ่งนั้น มันช่างทำได้สยอง และปรากฏกายมาได้น่ากลัวมากจริงๆ เสียดายก็แค่ที่ประเด็นตัวละครอาจจไม่ได้เอามาใช้สักเท่าไร 

2. Graveyard Rats  – ระดับความสยอง 7 กะโหลก

โจรกระจอกรายหนึ่งที่ชอบหากินจากการขโมยของจากโลงศพ เพื่อเอาของที่มีค่าไปขายต่อ โดยต้องแข่งกับบรรดาหนูที่จะลากศพจากโลงไปกิน วันหนึ่งเขาได้พบว่าจะมีศพใหม่ของผู้มีฐานะเข้ามา เขาจึงเฝ้ารอในคืนนั้นที่ศพจะถูกฝัง แล้วก็ได้เห็นศพถูกลากไปต่อหน้าต่อตา จนพยายามตามเข้าไปรู ก่อนที่จะพบความสยองที่สุดในชีวิต

อีกตอนที่คนกลัวหนูจะต้องกรีดร้อง เพราะมันมีหนูเยอะมากๆ ในตอนนี้ แถมยังสร้างความขยะแขยงจากกการไต่ตัว ไต่ศพ จนชวนสยองมากๆ รวมถึงบรรยากาศในรูที่ตัวละครเข้าไปก็เต็มไปด้วยสิ่งแปลกๆ โดยในตอนมันจะค่อยๆ ปูให้เห็นถึงนิสัยเห็นแก่ตัว และความโลภของตัวละครหลัก ก่อนที่จะโยนเขาไปสู่สถานการณ์ที่เลวร้าย ก่อนที่จะไต่ไปสู่ความระทึกแบบเต็มตัวในรูหนูนั้น

3. The Autopsy – ระดับความสยอง 8 กะโหลก

เจ้าหน้าที่สืบสวนและเพื่อนเก่านักนิติเวช ต้องมาร่วมมือกันสืบสวนศพแปลกๆ ที่มีลักษณะไม่เหมือนกับศพทั่วๆ ไป ก่อนที่จะพบว่ามีชายปริศนาคนหนึ่งที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ ซึ่งเป็นนักเดินทางที่เปลี่ยนชื่อตัวเองไปเรื่อย พร้อมกับพกวัตถุประหลาดที่ได้มาจากดาวหาง จนทำให้นักสืบและหมอต่างต้องเผชิญกับสิ่งเหนือธรรมชาติที่พวกเขาไม่เคยคิดมาก่อน

ตอนที่ดีทั้งเนื้อเรื่อง บรรยากาศ และความเฉียบคมในช่วงท้ายของเรื่อง เพราะเรื่องราวก็ชวนติดตามว่าชายปริศนานั้นเป็นใครกันแน่ หนังก็ค่อยๆ เปิดเผยเบาะแสมาให้เดากันไปเรื่อยๆ พร้อมกับการเฉลยที่น่าสนุก โดยเฉพาะในตอนท้ายๆ ที่เป็นการต่อสู้กันของ 2 ตัวละครที่ทำออกมาได้เฉียบและน่าสนใจมากๆ จนบอกได้เลยว่าจะเป็นอีกตอนที่หลายๆ คนชอบอย่างแน่นอน

4. The Outside – ระดับความสยอง 4 กะโหลก

เรื่องราวของสาวรายหนึ่งที่เป็นโรคหวาดระแวง ไม่มั่นใจในตัวเอง จนเข้ากับสังคมไม่ค่อยได้ จนกระทั่งเธอได้ไปเจอครีมยี่ห้อหนึ่งที่โฆษณาเอาไว้ถึงการเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดี แต่ทว่าครีมตัวนี้มันดันทำให้เธอแพ้อย่างรุนแรง และมีอาการหลอนตามมา แต่เธอก็ยังเชื่อว่ามันคือการรักษา

อีกตอนที่สะท้อนเรื่องความสวยความงาม และการเป็นที่ยอมรับในสังคมได้เป็นอย่างดี และมนุษย์เราก็พยายามทำทุกอย่างเพื่อให้ไปถึงจุดนั้น ด้วยความเชื่ออันแรงกล้า จนไม่สนสิ่งอื่นๆ รอบตัวในชีวิต ซึ่งมันก็ทำออกมาได้ดูหลอนๆ และออกแนวๆ ฟุ้งๆ กาวๆ อยู่ไม่น้อย จนอาจจะมียืดๆ งงๆ ไปบ้างในช่วงกลางๆ และท้ายๆ ของเรื่อง

5. Pickman’s Model – ระดับความสยอง 5 กระโหลก

นักเรียนศิลปะรายหนึ่ง ได้พบกับผลงานที่น่าสนใจ และเปี่ยมไปด้วยพลังจากชายปริศนา ซึ่งหลังจากที่เขาได้ดื่มด่ำไปกับภาพเหล่านั้น ก็ทำให้เขานั้นเข้าไปสู่โลกแห่งความหลอน จนทำให้นับวันเขาเริ่มแยกมันออกจากความจริงได้ยากขึ้นเรื่อยๆ

ส่วนตัวรู้สึกว่าเป็นตอนที่ดูยาก ไม่ต่างจากการเสพงานศิลป์ เพราะมันก็ค่อนข้างมีความอาร์ทอยู่พอสมควร อีกทั้งตัวเรื่องเองก็ดูมีความสลับซับซ้อนอยู่ไม่น้อย จนทำให้ต้องอาศัยการตั้งใจดูอยู่ไม่น้อยไม่งั้นก็จะหลุดจากเรื่องไปได้ง่ายมากๆ ส่วนที่น่าสนใจก็คือบรรดาสัตว์ประหลาดสุดสยอง ที่ทำออกมาได้ดีและชวนสยองจริงๆ ส่วนที่เหลือยังแอบรู้สึกว่ามันหนืดและเนือยไปหน่อย แม้ว่าจะเป็นการหยิบเอาเรื่องสั้นจาก HP Lovecraft มาทำก็ตาม

6. Dream in the Witch House – ระดับความสยอง 7 กะโหลก

เด็กหนุ่มที่พี่สาวตายไปต่อหน้าตา กลับมาปรากฏเป็นวิญญาณให้เขาเห็นพร้อมกับถูกลากลงไปในอีกมิติหนึ่ง จนทำให้เมื่อโตมาเขาจึงสนใจในเรื่องโลกหลังความตายเป็นอย่างมาก เพื่อหวังว่าจะช่วยเธอกลับมาจากโลกนั้นได้ แต่ยิ่งถลำลึกลงไปก็ยิ่งพบกับความหลอนที่คลืบคลานเข้ามา

แม้ว่าจะเป็นตอนที่คะแนนใน imdb น้อย แต่ส่วนตัวกลับชอบนะ เพราะโครงเรื่องมันเข้าใจง่ายดี เกี่ยวกับคนที่อยากจะไปช่วยคนที่ตัวเองรัก แต่แล้วด้วยการที่มันฝืนกฏธรรมชาติ มันก็เลยนำพาไปสู่ความสยอง (จริงๆ ก็ตามสูตรแหละ) แต่มันทำออกมาได้น่าติดตาม ตัวแม่มดจากอีกโลกกับสมุนหนูหน้าคนก็ทำมาหลอนๆ ดี ยิ่งตอนไล่ล่ากันก็ยิ่งสนุก ใครชอบแบบดูง่ายๆ เพลินๆ แนะนำตอนนี้ไว้เลย

7. The Viewing – ระดับความสยอง 4 กะโหลก

เศรษฐีแก่รายหนึ่ง ที่จัดงานหนึ่งชื่อว่า Viewing ที่เป็นการรวมคนดังจากหลากหลายอาชีพ เพื่อมาร่วมพูดคุยกันในหัวข้อต่างๆ ภายในบ้านสุดประหลาดของเขา และยิ่งเมื่อแต่ละคนอยู่ไปเรื่อยๆ ก็ได้พบกับสิ่งที่เจ้าของบ้านเอามาโชว์ จนทำให้พวกเขาต้องพบกับความสยองที่สุดในชีวิต

อีกตอนที่ดูแล้วก็ยังไม่เข้าใจเท่าไรว่ามันจะสื่ออะไร เพราะในเรื่องนั้นเต็มไปด้วยบทสนทนานเต็มไปหมดของแต่ละตัวละคร และเท่าที่ดูก็ไม่ได้มีอะไรที่ชวนให้รู้สึกว่ามันเกี่ยวข้องกับเนื้อหาสักเท่าไร แถมยังเป็นตอนที่ยาวเกือบ 1 ชั่วโมงที่เต็มไปด้วยการพูดคุย เลยดูไปก็แทบจะหลับไป จะมีมาน่าสนใจก็เพียงช่วงท้ายๆ เท่านั้น ที่ปลุกให้ตื่นขึ้นมาได้สักหน่อย

8. The Murmuring – ระดับความสยอง 7 กะโหลก

คู่รักนักปักษาวิทยาสองคนที่ตัดสินใจย้ายมาอยู่ในบ้านพักที่ห่างไกลผู้คน เพื่อมาเฝ้าดูพฤติกรรมของนกที่พวกเขาติดตามอยู่ กว่าจะมีคนมาส่งเสบียงอีกทีก็ปาไปอีกสัปดาห์ แต่แล้วภายในบ้านหลังนี้กลับเต็มไปด้วยอดีตที่ชวนสยองที่รอคอยพวกเขาอยู่

หนังผีตามสไตล์ผัวเมียในบ้านหลังเก่า ที่ฝั่งเมียไม่ชอบอยากทำการบ้านจนกลายเป็นปัญหาชีวิตคู่ภายในเรื่อง ในส่วนของผีค่อนข้างทำออกมาได้ดี แม้ว่าจะเป็นสูตรสำเร็จแต่ก็ยังไม่ความน่ากลัว ในพาร์ทเนื้อเรื่องก็ค่อยๆ ไต่ระดับแบบรถไฟเหาะไปเรื่อยๆ ช่วงแรกๆ อาจจะหนืดๆ สักหน่อย เพราะผีออกช้า แต่พอกลางคืนมาทีไร ก็เข้มขึ้นได้เรื่อยๆ ทุกที