8 หนังคุณภาพ ที่ซุกซ่อนอยู่ใน HBO GO

เวลานี้ตลาดคอนเทนต์หนังกำลังแข่งขันกันสูงมาก เพราะแต่ละค่ายต่างทยอยปล่อยงานดีๆไม่ว่าจะเป็นหนังหรือซีรีส์ที่ค่ายตัวเองถือครองลิขสิทธิ์เอาไว้มาดึงดูดเอาใจผู้ชม แถมยังออกแพคเก็ตที่อยู่ในราคาที่จับต้องได้ จนคนดูมากมายต่างเลือกกันไม่ไหวว่า เราจะจ่ายเงินเพื่อดูหนังจากสตรีมมื่งเจ้าไหนดีกันแน่ แม้ว่าผู้ชมส่วนใหญ่จะเทใจไปกับสตรีมมิ่งแบรนด์ดังมากมาย แต่เราก็เชื่อว่า HBO GO คือหนึ่งตัวเลือกที่ตอบโจทย์ผู้ชมชาวไทยในเวลานี้อีกค่าย

ซีรีส์ Game Of Throne ที่เป็นแบรนด์ชูโรงของหนัง แถมยังเป็นคอนเทนต์หนังเจ้าใหญ่ที่มักจะได้สิทธิ์อัพเดตปล่อยหนังใหม่ก่อนชาวบ้าน แถมในไทย ค่าบริการก็ค่อนข้างจับต้องได้ ด้วยราคา 149 บาท แถมยังมีหนังและซีรีส์คุณภาพจากทาง Warner Bros. และลิขสิทธิ์หนังเด็ดหลายๆเรื่องอีกเพียบ พอเข้าไปใช้บริการและพบว่าที่นี้มีหนังคุณภาพมากมายให้เลือกดูไม่หวาดไม่ไหว เราเลยหยิบหนังดีๆที่ซุกซ่อนจากคอนเทนต์เจ้านี้มาแบ่งปันเพื่อว่าแฟนหนังจะได้หามาดูในยามที่เราต้องกักตัวอยู่บ้านอีกสักพัก

Terminator 2 (1991)

หลังจาก 11 ปีที่ ซาร่าห์ คอนเนอร์ ได้เอาชีวิตรอดจากการตามล่าของหุ่นสังหาร T-800 มาได้ ก็ต้องเลี้ยงดูความหวังของโลกใบนี้ นั่นก็คือ จอห์น คอนเนอร์ ลูกชายคนเดียวของเธอเพียงลำพัง แต่แล้วเธอก็ต้องแยกจากกับจอห์น เพราะถูกจับเข้าโรงพยาบาลประสาท หลังจากที่พยายามทำลายโรงงานผลิตคอมพิวเตอร์ที่จะนำมาสู่สกายเน็ต องค์กรที่จะผลิตจักรกลสังหารในอนาคตจนโลกต้องล่มสลาย ทำให้ จอห์น เองต้องเติบโตมากับครอบครัวพ่อแม่บุญธรรมแทน ขณะเดียวกันในโลกอนาคต ทาง สกายเน็ต ก็ยังคงหวังที่ฆ่า จอห์น ในอดีตอีกครั้งอีกครั้ง เพื่อยับยั้งผู้นำฝ่ายมนุษย์ จึงส่งหุ่นสังหารรุ่นใหม่ T-1000 ที่สามารถเปลี่ยนรูปร่างกายภาพได้ ซึ่งเมื่อทางฝ่ายต่อต้านนำโดยจอห์นในอนาคตล่วงรู้จึงแก้ไขโปรแกรมให้กับหุ่น T-800 และส่งมาคุ้มครองตัวเองและแม่ในอดีตเช่นกัน

หนังที่ทำให้เราได้รู้สึกสนุกสนานไปกับสไตล์แอ็คชั่นที่เร้าใจ ผ่านการเล่าเรื่องโดย James Cameron ที่มาพร้อมกับไอเดียไซไฟที่แปลกแหวกธรรมเนียมไปหมดทุกอย่าง ใช้ประเด็นการย้อนเวลามาเป็นตัวชูโรง และเล่าเรื่องให้เข้าใจแบบง่ายๆ ไม่ต้องไปคิดอะไรมาก เน้นฉากแอ็คชั่นที่เร้าใจเล่นใหญ่พังทุกอย่างที่ขว้างหน้า แถมยังใช้ตัวร้ายใส่ชุดตำรวจไล่ล่าไล่ฆ่าคนที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับตัวละครหลักอีก จุดเป็นหนังสุดคลาสสิกที่อยู่เหนือกาลเวลา และทำให้ อาร์โนลด์ ชวาซเนกเกอร์ ขึ้นแท่นดาราชั้นนำในเวลาต่อมา

Booksmart (2019)

หนังจะว่าด้วยเรื่องราวของ เอมี่  และมอลลี่ สองเพื่อนรักที่กำลังจะสิ้นสุดชีวิตไฮสคูล และเข้ามหาวิทยาลัย แต่ทว่าทั้งสองสาวดันเกิดมานึกขึ้นได้ว่า ตลอดช่วงเวลาในวัยเรียนของพวกเธอนั้น แทบจะอยู่แต่ในกรอบของรความเป็นเด็กเนิร์ด เด็กดี ที่ไม่เคยแหกกฎของครอบครัว หรือโรงเรียนเลยแม้แต่ครั้งเดียว ทั้งสองเลยคิดว่าจะใช้ช่วงเวลาคืนสุดท้ายของความเป็นเด็ก ม.ปลาย เพื่อทำการแหกกฎที่เคยเชื่อฟัง และใช้ชีวิตวัยรุ่นให้สุดเหวี่ยงกับปาร์ตี้ ก่อนที่จะไม่มีโอกาสได้ใช้มันอีก


แม้ว่าหนังจะไม่ได้เข้าฉายในบ้านเรา แต่คะแนนคำวิจารณ์ต่างๆจากต่างประเทศยกย่องว่านี่คือหนังคุณภาพ โทนเรื่องคือ  Coming-of-Age  ใส่ประเด็นการที่เด็กสาว 2 คนได้ค้นหาชีวิตที่แท้จริงว่าเราต้องการอะไรกันแน่ เพราะโลกความเป็นจริงกว้างมากไม่ได้อยู่แค่กรอบการเรียนหนังสือเท่านั้น ชีวิตคือการได้ลองหาอะไรใหม่ๆ พล็อตมีความตลกที่ถูกปมเปกับประเด็นดราม่าที่ทรงพลังมอบรอยยิ้มและเสียงหัวเราะได้มากเลยละ บทหนังเข้าใจวัยรุ่นยุคใหม่แถมยังมีประเด็น  LGBTQ+ มาเติมเต็ม ไม่แปลกใจเลยที่แม้แต่ Taylor Swift ยังชอบหนังเรื่องนี

Once (2007)

Once คือเรื่องราวเปี่ยมแรงบันดาลใจของสองชีวิตที่โคจรมาพบกันบนถนนเมืองดับลินอันสับสนวุ่นวาย คนหนึ่งคือนักดนตรีข้างถนนที่ไม่กล้าร้องเพลงของตัวเอง อีกคนหนึ่งคือสาวเชคลูกหนึ่งที่พยายามหาทางปรับตัวเข้ากับเมืองใหม่ที่ไม่คุ้นเคย ในระยะเวลาสั้นๆที่ได้รู้จักกัน ทั้งคู่ต่างค้นพบพรสวรรค์ในตัวกันและกัน และช่วยผลักดันให้ฝันของอีกฝ่ายเป็นจริง หนังได้รับการยกย่องว่าอัดแน่นไปด้วยแรงบันดาลใจ โดยมีกลิ่นอายหนังเพลงคลาสสิคในอดีต ผสมกับโลกไร้ขนบของหนุ่มสาวชาวดับลิน 


เราคงต้องบอกว่าเนื้อหาหนังช่างอบอุ่นดูเป็นธรรมชาติมาก  ผ่านการแสดงของดาราโนเนม มาร์เคตา อีร์โกลวา และ เกล็น แฮนซาร์ด และในเวลาต่อมาทั้งคู่ก็คบหากัน ความพิเศษของหนังคือเพลง Falling Slowly ไปคว้ารางวัลออสการ์ สาขาเพลงประกอบหนังยอดเยี่ยมในปี 2008 เราคงต้องบอกว่าถ้าหากไม่มีหนังเรื่องนี้ บางที John Carney อาจไม่ได้ทำ Begin Again ให้ตราตรึงใจผู้ชมแน่ๆ หนังทุนสร้าง $150,000 ถ่ายทำที่ไอร์แลนด์แบบกล้องธรรมดา ไม่มีนักแสดงชื่อดังมาเล่น หนังไม่ดึงดูดใจผู้ชมทั่วไป แต่ความเป็นธรรมชาติในเนื้อเรื่อง กลับดึงดูดใจนักวิจารณ์มากมายที่ยกย่องผลงานหนังเรื่องนี้มากๆ

Vanilla Sky (2001)

เดวิด เอมส์ ชายหนุ่มที่ดูจะเพียบพร้อมไปซะทุกเรื่อง เขารูปหล่อ ร่ำรวย และมีเสน่ห์น่าหลงใหล หนุ่มโสดระดับผู้บริหารสำนักพิมพ์นิวยอร์กซิตี้ ผู้นี้นิยมชีวิตอิสระเสรี สนุกโลดแล่นไปวัน ๆ แต่ดูเหมือนเขาจะขาดบางอย่างไปนั้นคือความรัก และได้ไปพบกับ โซเฟีย  ผู้เป็นเสมือนหญิงสาวในฝัน ความรักของเขาเกิดขึ้นอย่างง่าย ๆ และรวดเร็ว แต่เปี่ยมไปด้วยความรู้สึก แต่เดวิดก็ต้องสูญเสียเธอไป เพราะความผิดพลาดเพียงเล็กน้อย เขาถูกผลักให้เข้าสู่การเผชิญโลกในวังวนของเสน่ห์หา ความขบขัน เงือนงำ ความรัก เซ็กซ์ และความฝัน เขากำลังค้นหาตัวตนที่แท้จริงของตนเองและได้ค้นพบว่า มหัศจรรย์แห่งรักนั้นล้ำค่า แต่ไม่อาจยั่งยืน

ผลงานหนังสเปนที่ออกฉายในปี 1997 ทำให้ ทอม ครูซ ชอบมากถึงขั้นขอซื้อลิขสิทธิ์หนัง Open Your Eyes มารีเมคเลย เนื้อหาเป็นหนังเป็นสไตล์ทริลเลอร์โรแมนติกที่หักมุมพอสมควรยากจะไปคาดเดาอะไรได้เลย ตัวหนังมีความหมกมุ่นพอสมควรโดยเฉพาะตัวละครที่ยึดติดกับความรักรูปร่างจนปล่อยวางอะไรไม่ได้เลยและก็ฝันแบบนั้นไปเรื่อยๆจนกลายเป็นเรื่องที่เลวร้าย หนังจึงเหมือนเป็นการตั้งคำถามเราจะหลงระเริงกับความฝันแบบนี้ต่อไปหรือจะยอมรับเพื่อตื่นขึ้นมาพบความจริงกันแน่

Scream (1996)

ซิดนีย์ สาวแกร่งที่แม่ของเธอเพิ่งเสียชีวิต จนทำให้สภาพจิตใจเธอยังไม่ค่อยดีนัก แต่เศร้าได้ไม่ทันไร เธอก็ยังต้องเผชิญกับเรื่องราวที่เลวร้ายกว่านั้นอีก เมื่อบรรดาคนรอบๆ ตัวเธอ ล้วนกลายเป็นเหยื่อของฆาตกรโรคจิตที่สวมหน้ากาก Ghostface สุดหลอน และออกฆ่าคนเป็นว่าเล่น แต่ความยากของเธอก็คือในขณะที่ต้องเอาตัวรอด ก็ต้องคอยหาไปด้วยว่าใครกันแน่ที่เป็นคนสวมหน้ากากไล่ฆ่าคนรอบตัวเธอแบบนี้ เพราะมันอาจจะเป็นคนใกล้ตัวเธอมากกว่าที่คิดก็ได้

หนัง Slasher ที่เข้ามาฉีกทุกกฏของหนังแนวนี้ ผ่านความคิดทีสร้างสรรค์โดยผู้กำกับผู้ล่วงลับ Wes Craven ที่นำเรื่องสะเทือนขวัญการฆาตกรรมของแดนนี โรลลิน วางลูกเล่นนำใช้ตัวร้ายเป็นฆาตรกรปริศนาที่ไม่มีใครรู้ตัวจริง แต่มีหน้ากาก Ghostface ไล่ฆ่าคนไปเรื่อยๆ จนเกิดความแตกตื่นโกลาหลกันไปทั้งเมือง แถมยังสับหลอกคนดูด้วยการให้ผู้ชมคาดเดาใครคือคนร้ายตัวจริงและองค์ประกอบหนังพลิกผันได้ตลอดเวลา หนังกลายเป็นไอคอนในยุค 90 ไปเรียบร้อยแล้ว และมีภาคต่อตามมาถึง 3 ภาค

Bad Education (2020)

เรื่องราวของแฟรงก์ แทสโซน ผู้อำนวยการโรงเรียนมัธยมปลายรอสลีน สถานศึกษาชื่อดังที่ได้รับการจัดอันดับจาก The Wall Street Journal ว่าเป็นโรงเรียนรัฐบาลที่ดีที่สุด อันดับที่ 4 ของอเมริกา ใช้หน้าที่การงานของตัวเองยักยอกเงินภาษีที่รัฐบาลจัดสรรไว้ให้ หรือการติดสินบนรับเงินใต้โต๊ะจากผู้ปกครอง จนกลายเป็นหนึ่งในคดีฉ้อโกงสุดยิ่งใหญ่ที่เรียกได้ว่าสั่นสะเทือนทุกภาคส่วนของแวดวงการศึกษา

งานที่พลิกบทบาท ฮิวจ์ แจ็คแมน ชายหนุ่มหุ่นล้ำขวัญใจสาวๆจาก Wolverine กลายเป็นคนเลวคนฉ้อฉ ลที่อาศัยช่องโหว่ทางการศึกษาและตำแหน่งหน้าที่การงานมาหากินรับเงินใต้โต๊ะจากพ่อแม่ผู้ปกครองไปใช้จ่ายเกินไปเพื่อความสนุกส่วนตัว หนังทำให้เราเห็นว่าผู้คนมากมายมองการเข้าโรงเรียนดังคือความสำเร็จของลูกตัวเอง เพื่ออัพเกรดให้ลูกตัวเองแต่อีกด้านหนึ่งหนังค่อยๆเฉลยความไม่โปร่งใสออกมาทีละนิด ว่าง่ายๆคือเป็นประเด็นอาชญากรรมที่เลวทรามมากๆจนกลายเป็นเรื่องราวใหญ่โตจนจริงในนิวยอร์กมาแล้ว

The Girl with the Dragon Tattoo (2011)

มิเกล บลอมวิสต์ นักข่าวสายแฉ ที่ดันไปเปิดโปงนักธุรกิจใหญ่ขึ้นมาจนต้องเสียอาชีพนี้ไป เลยออกมาเขียนหนังสือชีวประวัติให้กับ เฮนดริก วังเกอร์ ชายผู้ร่ำรวยแทน ซึ่งชายคนนี้ก็ได้ว่าจ้าง มิเกล ให้เข้ามาช่วยสืบเรื่องที่คาใจของเขามานานกว่า 40 ปี นั่นก็คือการหายตัวไปของหลานสาวของเขา ด้วยความซับซ้อนของเรื่องราว มิเกล จึงต้องใช้บริการ ลิสเบ็ธ ซาลันเดอร์ แฮ็กเกอร์สาวระดับเซียนที่มีบุคลิกกร้านโลกเข้ามาช่วยเหลือในการสืบสวนครั้งนี้ ก่อนที่จะนำไปสู่ความลับดำมืดและอันตรายที่เกินกว่าจะคาดคิด

ผลงานแนวสืบสวนสอบสวนที่ชวนคนดูลุ้นระทึกตั้งแต่ซีนแรกๆไปจนถึงฉากสุดท้าย ปมประเด็นหนังถูกวางออกมาได้ซับซ้อนไปซะหมด บรรยากาศหนังเล่าเรื่องได้ตื่นเต้นมีปริศนาซ่อนเอาไว้มากมาย หนังมีความดิบจากคาแรกเตอร์ตัวละคร หนังสื่อสารออกมาได้ละเมียดละไมตามแบบฉบับของผู้กำกับ  David Fincher

Constaintine (2005)

จอห์น คอนสแตนติน เป็นสุดยอดนักปราบผีผู้เคยผ่านนรกและหวนคืนมา เขาเกิดมาพร้อมกับพรสวรรค์ที่ตัวเองไม่ต้องการ กับความสามารถที่จะจำแนกเหล่าเทวดา และปีศาจลูกครึ่ง ที่ปลอมตัวมาเป็นมนุษย์เดินดิน เขาพยายามหนีให้พ้นจากความทุกข์ทรมาณ แต่แล้วกลับล้มเหลว และหนทางเดียวที่จะหลุดพ้นไปได้นั้นคือการ เดินหน้าไล่ปราบผีวิญญาณชั่วร้ายให้สิ้นซาก และเขาก็ต้องมาช่วย ตำรวจหญิงอย่าง ‘แองเจล่า’ไขคดีเพื่อพิสูจน์ว่าน้องสาวของเธอไม่ได้ฆ่าตัวตาย ซึ่งการร่วมมือกันครั้งนี้นำไปสู่การค้นพบหายนะครั้งใหญ่ที่กำลังจะเกิดขึ้นบนโลกมนุษย์

จริงๆเราต้องพูดว่าหนังเรื่องนี้ผู้มาก่อนกาลน่าจะเข้าท่ากว่า เพราะจริงๆแล้ว กลางยุค 2000 ค่ายหนังมากมายกำลังลองผิดลองถูกกับการดัดแปลงหนังจากคอมมิคมาสู่จอยักษ์ และการสวมบทบาทของคีอานู รีฟส์ ในเวลานั้นเท่ห์มาก ลำพังหน้าตาที่หล่อเหลาเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว พอมาไล่ล่าผีวิญญาณเป็นอะไรที่สุดยอดมาก ยิ่งซีนถือช็อตกันเด็ดมาก นอกจากเนื้อหาที่สนุกมีความดาร์คอยู่ในพล็อตแล้ว หนังก็ออกมาแบบงานภาพซีจีได้ล้ำหน้ามากได้เห็นสวรรค์ นรก แถมหนังก็ใส่เรื่องความเชื่อเรื่องศาสนาเรื่องนรกสวรรค์มาเล่าตีแผ่ให้ผู้ชม จนเกิดเป็นความแปลกใหม่ในโลกภาพยนตร์ยุคนั้นก็ว่าได้