หนัง LGBTQ+ คุณภาพที่ควรหามาดูมาชมสักครั้งในชีวิต

เดือนมิถุนายน เดือนแห่ง Pride Month เดือนของชาว LGBTQ+ กลุ่มคนที่มีความรักที่ไม่จำกัดแค่เพศชายหรือหญิง ในเดือนนี้เรานั่งดูหนังกลุ่มนี้เยอะมาก ไม่ว่าจะเป็นหนังเลสเบี้ยน, หนังเกย์ชายรักชาย, หนังสาวประเภทสอง เพื่อซึมซับหลากหลายแง่มุม กลยุทธ์วิธีการเล่าเรื่องการนำเสนอ ประเด็นที่แท้จริง การดำเนินชีวิตในสังคมที่บ้างครั้ง อารมณ์ความรู้สึกนึกคิดกลับโดนต่อต้าน หรือต้องปกปิดความรู้สึกตัวเองเอาไว้ บางเรื่องนั้นเรียบง่าย แต่เข้าขั้นทรงพลังมีคุณภาพสูงการันตีรางวัลจากนักวิจารณ์เสียงชื่นชมจนกลายเป็นงานคุณภาพที่ถูกพูดถึงเรื่อยมา

ประเด็น LGBTQ+ เป็นเรื่องละเอียดอ่อน การนำมาเล่าเรื่องผ่านมุมมองภาพยนตร์ ในแต่ละเรื่องมีประเด็นที่ซัดเข้าถึงหัวอกผู้คนกลุ่มนี้ เพราะอย่าลืมว่าสื่อภาพยนตร์เป็นสื่อกลางที่เชื่อมเข้าหาคนดู ส่วนจะมีเรื่องไหนติดโผเราบ้างลองมาดูมาอ่านกันได้เลยจ้า

Happy Together 

ไหลเยี่ยฟา และ โหเป่าหวัง คู่รักชายหนุ่ม 2 คนเดินทางมายังประเทศอาร์เจนตินา เพื่อหวังจะได้ดู “น้ำตกอีกวาซู ด้วยกัน แต่นับวันที่อยู่ด้วยกันความสัมพันธ์ระหว่างทั้งคู่ก็ยิ่งแย่ลง กลายเป็นความสัมพันธ์ที่ทั้งรัก ทั้งเกลียด ทั้งอุ่นใจ และทำให้เสียน้ำตา แม้จะมีช่วงที่ต้องห่างเหินกันไป แต่ทั้งคู่ก็มีเหตุให้ต้องโคจรกลับมาพบเจอกันเสมอ และลึกๆ ในใจของแต่ละฝ่ายต่างรู้ดีว่าความสัมพันธ์แบบนี้เป็นความรักที่มีแต่พวกเขาเท่านั้นที่เข้าใจ เพราะ “โลกนี้รักใครไม่ได้นอกจากเขา” แต่มันจะเป็นเช่นนั้นตลอดไปได้จริงหรือ ในเมื่อมี “ใครอีกคน” กำลังเข้ามาทำให้ความรู้สึกที่แต่ละคนเคยมีไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป…

ผลงานหว่องต่อความรักที่หลากหลายทางเพศ รักต่างเพศในต่างแดน คู่รักที่ต้องการไปดูน้ำตกอีกวาซูซักครั้ง การเดินทางของความรักที่ทั้งรัก ทั้งร้าย แต่เป็นความส้มพันธ์ที่รักใครไม่ได้นอกจากเขา โหเป่าหวัง ที่เอาแต่ใจและรู้ว่ายังไงก็มีไหล่ให้เค้าซบ และไหลเยี่ยฟาที่เป็นไหล่อันอบอุ่นคอยดูแลมาตลอด จึงเป็นรูปแบบความรักที่แค่พออ่านแล้วก็รู้สึกว่าความสัมพันธ์นี้น่าจะเจ็บปวด แม้ว่าวันที่อยู่ด้วยกันจะทำร้ายจิตใจมากแค่ไหน แต่กลับเสียน้ำตาแทบขาดใจวันที่เค้าจากไป ตัวหนังหว่องยังคงน่าประทับใจในด้านเทคนิคการเล่า และที่ขาดไม่ได้ในงานหว่องคือการใช้สีในเรื่อง เช่นสีโทนหนังอุ่น แสงแดด ฤดูร้อนในวันที่ดี  โทนเย็นที่แค่มองผ่านๆยังรู้สึกเหงาเข้าไปที่ขั้วหัวใจ แต่ถึงตอนจบการเดินทางของไหลเยี่ยฟามสยังไทเป กลับทำให้รู้สึกว่าได้ปลดล็อคความรู้สึกของไหลเยี่ยฟาที่อยู่ลึกสุดใจอย่างบอกไม่ถูก

ความรักเป็นสิ่งสวยงามเสมอ ไม่ได้มีชายหรือหญิง มีความหลากหลายทางเพศเพิ่มมากขึ้น คุณไม่ต้องกำจัดความเลยก็ได้ว่าคุณคือเพศอะไร ชาย หญิง และคุณไม่ต้องจำกัดความเลยก็ได้ว่าคุณกำลังตกหลุมรักเพศอะไร เพียงแค่คุณรักใครซักคนและต้องการดูแลเค้าให้ดีที่สุด มากพอแล้วสำหรับความรัก

Milk

ฮาร์วี่ มิลค์ นักต่อสู้เพื่อสิทธิชาวรักร่วมเพศ และเป็นชายที่ประกาศตัวว่าเป็นรักร่วมเพศคนแรกที่ได้รับเลือกให้เป็นเทศมนตรีของซานฟรานซิสโก การต่อสู้เพื่อสิทธิของชาวรักร่วมเพศของมิลค์ได้พลิกโฉมหน้าประวัติศาสตร์ครั้งสำคัญของอเมริกา การกล้าหาญเปิดเผยตัวเองว่าเป็นอะไรในยุคที่สังคมยุคก่อนกีดกัน เมื่อเข้าสู่เส้นทางการเมืองเขาก็โดนแดน ไวท์ คู่แข่งทางการเมืองที่เกลียดเกย์เข้าไส้ และถูกฆ่ายิงตาย เหตุการณ์ในครั้งนั้นกลายเป็นชนวนเหตุทำให้ผู้คนในสังคมตื่นตัว ผู้คนลุกขึ้นมาเรียกร้องให้ลงโทษไวท์ ผู้ที่มีตำแหน่งทางการเมือง จนเกิดเป็นการจราจลครั้งใหญ่ในซานฟรานซิสโก ที่เรียกว่า White Night Riots แม้ว่าจะจากไปแล้ว แต่ ฮาร์วี่ มิลค์ คือคนที่ชาว LGBTQ นับถือมาจนถึงปัจจุบัน

หนังที่ว่าด้วยเรื่องราวของนักการเมืองบุคคสาธารณะที่กล้าหาญเลือกจะยืนหยัดต่อสู้และไม่อายความรู้สึกตัวเอง เขาชื่อว่าLGBT รักเพศเดียวกันมันไม่ได้ผิดอะไร และคนเราก็สามารถใช้ชีวิตร่วมกับคนอื่นได้ มันกลายเป็นการขับเคลื่อนเพื่อให้สังคมมีความหลากหลาย เมื่อต่อสู้แล้วก็ต้องพบเจอก็ต้องเจอกดขี่จากคนรอบข้างผู้คนที่เห็นต่าง การลงสมัครทางการเมือง ความคิดเดียวแค่ต้องการเปลี่ยนแปลงให้กลุ่มคน LGBT ได้มีโอกาสอยู่ร่วมกันโดยไม่ต้องปิดบังสถานภาพทางสังคมอีกต่อ มันกลายเป็นหนังที่เนื้อหาจริงใจมากเรื่องหนึ่ง

Beginners

โอลิเวอร์ ศิลปินหนุ่มที่ต้องพบจุดเปลี่ยนสำคัญในชีวิต หลังจากพ่อบังเกิดเกล้าตัวเองเปิดตัวว่าเป็นเกย์ ในตอนที่ตัวเองมีอายุ 75 ปี พร้อมกับเปิดตัวแฟนหนุ่มชื่อแอนดี้ หลังจากที่แม่ของเขาเสียชีวิตและใช้ชีวิตแบบอยากที่จะเป็น หนังจึงพูดถึงเรื่องราว 2 แง่มุมที่เขาได้ใช้ชีวิตอยู่กับพ่อรับรู้ตัวต้นที่แท้จริงในช่วงบั้นปลายของเขา และการพบเจอหญิงสาวที่กลายมาเป็นคนรักอย่าง แอนนา

หนังน่าสนใจตรงที่ว่าเนื้อหามันมาจากผู้กำกับจริงๆที่เขามีพ่อเป็นเกย์มาเปิดตัวในตอนที่แม่เขาเสียชีวิตไป เนื้อหาเลยเปรียบเสมือนการไปดูความสัมพันธ์ของเขากับพ่อเป็นพ่อ ที่โอลิเวอร์ต้องปรับตัวไม่ว่ารับมือกับพ่อตัวเองที่มีแฟนหนุ่มที่ใช้ชีวิตอย่างสนุกแตกต่างกับช่วงเวลาเดิมๆ ทั้งที่ความจริงแล้วเขาก็ทำตัวไม่ถูกเหมือนกันเมื่อรู้ว่าตัวเองเป็นเกย์ เปิดตัวแบบออกนอกหน้า หรือการที่เขาเองเก็บตัวไม่พบปะเจอใครจนกระทั่งมาเจอหญิงสาวทำให้เกิดความรู้สึกและอยากสานสัมพันธ์กัน หนังปะติดปะต่อเรื่องราวได้ดีทั้งในมุม

Tangerine

ก่อนที่ The Florida Project จะโด่งดัง นี่คือผลงานแจ้งเกิดของ ฌอน เบเกอร์ ชายหนุ่มธรรมดาแต่สร้างสรรค์หนังผ่านโทรศัพท์ iPhone 5s ทั้งเรื่อง กับเรื่องราวของเพื่อนสาวประเภท 2 ซินดี้ กับ อเล็กซานดร้า กะเทยคู่ซี้ที่ต้องผนึกกำลังกันออกตามล่าชะนีสาวผู้บังอาจแย่งแฟนหนุ่มของซินดี้ไปครองระหว่างเธอถูกตำรวจจับไปติดคุก มันคือเรื่องราวขำขื่นที่ทั้งเจ็บทั้งแซ่บของคนตัวเล็กๆ ท่ามกลางบรรยากาศการเฉลิมฉลองคริสต์มาสอันแสนสุขของคนอื่นๆ

แม้ว่าหนังจะดูธรรมดาในสายตาคนทั่วไปไม่มีดาราดังมาแสดง แต่หนังเรื่องนี้พูดถึงกลุ่มคนชายขอบในอเมริกานั้นก็คือ สาวประเภท 2 คนประเภทที่ 3 ที่ต้องดิ้นรนเอาตัวรอดในสังคมที่เสื่อมโทรมไปทุกวัน การเป็นเพศที่ 3 โดนมองข้าม ทำให้พวกเขาต้องทำงานแลกกับเงินไม่กี่บาทเพื่อให้มีชีวิตอยู่รอดต่อไป มีข้าวกิน กินของถูก ต้องใช้บริการสาธารณะฟรี และยิ่งไม่ใช่สาวแท้มันยิ่งโดนริดรอนสิทธิ์ที่ตัวเองมีไปอีก เรียกว่ามันเป็นเรื่องราวที่ตรงไปตรงมาที่เกิดขึ้นในสังคม

Moonlight

เกิดเป็นคนผิวดำในครอบครัวจนๆ ว่ายากแล้ว ลองเป็นคนผิวดำ ยากจนและเป็นเกย์ด้วยสิ จะยากสักแค่ไหน จากบทละครเวที In Moonlight Black Boys Look Blue เล่าเรื่องราวชีวิตของ ชีรอน เด็กหนุ่มผิวดำคนหนึ่งที่ต้องดิ้นรนกับชีวิตที่เติบโตมาพร้อมกับการถูกรังแก สังคมอันธพาลและยาเสพติดในไมอามี่ ในขณะที่ความรู้สึกส่วนลึก เขาไม่แน่ใจว่าตนเองกำลังคิดเกินเลยกับเพื่อนสนิทที่รู้จักกันตั้งแต่เด็ก หนังนำเสนอ 3 ช่วงเวลา และใช้นักแสดง 3 คนมารับบทเดียวกันในแต่ละวัยที่หล่อหลอมประสบการณ์ชีวิตแต่ละมุมที่ไม่เหมือนกัน หนังมาใน โทนที่นุ่มนวล เขาไม่ได้เน้นประเด็นเรื่องผิวสีหรือเรื่องเกย์ให้โจ่งแจ้ง แต่กลับสนใจที่การเติบโตและการเลือกทางเดินชีวิตของมนุษย์ธรรมดาๆ คนหนึ่ง

หนังคุณภาพจากเวทีออสการ์ หนังธรรมดาที่เล่าถึงมุมมองการเติบโตของชายคนหนึ่งที่ต้องสัมผัสชีวิตความเจ็บปวดในช่วงแต่ละวัยของตัวเอง สีหน้าแววตาที่เศร้ากับปัญหามากมายที่เขาแบกรับเอาไว้มันเต็มไปด้วยความอ่อนแอมันยากที่จะพูดจะบอกใคร บรรยากาศเต็มไปด้วยความอึดอัดผ่านการเล่าเรื่องจากมุมกล้อง ที่พูดถึงสังคมที่ป่วยหนักในอเมริกา หนังเข้าอกเข้าใจกลุ่มคนผิวสีและกลุ่มคนเพศที่สาม ถ้าคนดูทั่วไปเจอเหตุการณ์แบบ ชีรอน จะเห็นอกเห็นใจและสัมผัสถึง Message ที่แท้จริงในหนังได้ไม่ยาก

The Favourite

เรื่องราวในช่วงต้นของศตวรรษที่ 18 แม้สหราชอาณาจักรกำลังทำสงครามกับประเทศฝรั่งเศส แต่เศรษฐกิจในประเทศกลับเจริญรุ่งเรืองมากขึ้นเรื่อยๆ ภายใต้การปกครองของ สมเด็จพระราชินีแอนน์ มี เลดี้ซาร่าห์ เชอร์ชิลล์ สหายหญิงคนสนิทเป็นทั้งที่ปรึกษาและผู้อยู่เบื้องหลังการดูแลการปกครองทั้งหมด เพื่อทดแทนความไร้สมรรถภาพจากอาการเจ็บป่วยและอารมณ์สุดแปรปรวนของราชินีผู้อ่อนแอ แต่แล้วความสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นของทั้งสองกลับสั่นคลอน เพราะการมาเยือนของ อบิเกล มาแชม สาวใช้คนใหม่ที่วางแผนใช้เสน่ห์และเล่ห์เหลี่ยมสุดแพรวพราวพาตัวเองกลับไปอยู่ในสังคมชนชั้นสูงอีกครั้ง และเมื่อความขัดแย้งทางการเมืองดุเดือดมากยิ่งขึ้นจนซาร่าห์ง่วนอยู่กับการรับมือเหตุการณ์วุ่นวายทั้งหมด อบิเกลจึงใช้โอกาสนี้ตีสนิทพระราชินีแอนน์ หวังก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งคนโปรดคนใหม่ และเธอจะไม่ยอมให้ใครหน้าไหนมาขัดขวางความต้องการของตัวเอง

หนังที่มีเนื้อหากัดจิกเสียดสีสังคมผู้ดีจอมปลอมที่คิดว่าตัวเองเป็นคนดีชนชั้นสูง แกร่งแย่งชิงดีชิงเด่นกัน นี่คือหนังพีเรียดอังกฤษที่สะท้อนถึงสังคมผู้หญิงได้ดีไม่ว่าจะผ่านไปนานแค่ไหนความอิจฉาริษยาให้ร้ายกันมีทุกยุคทุกสมัย หนังเรื่องนี่คือภาพที่สะท้อนความจริงให้ผู้ชมได้เห็นถึงความเปราะบางของตัวละครที่หลายๆคนมีความอ่อนแออยู่ในจิตใจตัวเอง และแสดงความร้ายกาจในรูปแบบที่แตกต่างกันออกไป หนังจึงเหมาะกับคนที่ชอบดูอะไรที่เล่าให้เห็นความจริงในสังคมโดยใช้บทหนังและฝีมือการแสดงของดาราชั้นนำได้แบบมีชั้นเชิงไม่ผิดแปลกเลยที่เข้าชิงออสการ์ทั้งที่หนังมาแบบไม่มีใครคาดคิดเลยด้วยซ้ำ

Portrait of a Lady on Fire

มารียาน จิตรกรสาวถูกจ้างมาวาดรูปของ เอลูอิส ลูกสาวคนเล็กของบ้านผู้มีอันจะกิน เพื่อส่งไปนัดดูตัว หากฝ่ายชายชอบรูปของเธอพวกเธอจะได้แต่งเข้าตระกูลใหญ่ที่มิลาน แต่เอลูอิสไม่ต้องการจะแต่งงาน แม่ของเอลูอิส จึงบอกให้มารียานแสร้งเป็นคนที่ถูกจ้างให้มาเดินเล่นด้วย แล้วแอบจำใบหน้าของเอลูอิสกลับไปวาดรูปเหมือนตอนกลางคืน แต่บนเกาะอันห่างไกล ความสัมพันธ์ของ 2 หญิงสาว พัฒนาไปมากกว่าแค่เพื่อนคลายเหงา หรือ จิตรกรและแบบวาด

หนังอาร์ตที่ชูประเด็นหญิงรักหญิงได้อย่างละะมุนละไม มุมมองความรักที่โดนมองว่าไม่ถูกไม่ควร กลับถูกนำมาตีความได้มีชั้นเชิง ผ่านทางภาษาที่สละสลวยประดุจงานศิลปะชั้นดี เติมเต็มประเด็นเพศหญิงยุคเก่า เราว่าคนที่เป็น LGBT หรือหญิงรักหญิงจะชอบเรื่องนี้เพราะเนื้อหาไม่ฟูมฟายเลยสักนิดแม้ว่ามันอาจจะมีบทสรุปที่ไม่ได้สวยงามแบบที่หลายๆคนอยากจะให้เป็น