9 หนังของผู้กำกับไทยสายดาร์ค ก้องเกียรติ โขมศิริ
หากจะพูดถึงผู้กำกับสายดาร์คในไทยแล้ว คงต้องมีชื่อของ ก้องเกียรติ โขมศิริ ติดมาด้วยแน่นอน ด้วยสไตล์การทำหนังที่เข้ม ดาร์ค ถึงใจ แบบไม่ประนีประนอมต่อคนดู ก็ทำให้ถูกใจคอหนังสายนี้ที่แทบไม่ค่อยมีให้เห็นมากนัก เพราะผลงานส่วนมากของเขานั้น นอกจากการเขียนบทที่เข้มข้นน่าติดตาม และมีจุดพลิกผันที่น่าสนใจแล้ว สิ่งที่ขาดไม่ได้เลยก็คือการสะท้อนและเสียดสีสังคมอันเน่าเฟะทุกวันนี้ไปพร้อมๆ กัน
เนื่องจากตอนนี้มีซีรี่ส์ใหม่ที่เขากำกับกำลังลง #Netflix อย่าง Bangkok Breaking มาพอดี เราเลยอยากจะพาทุกคนไปย้อนรอยดูผลงานที่ผ่านมา รวมถึงผลงานล่าสุดของของเขากันดูว่า มีเรื่องอะไรที่คุณเคยดูและเข้าตาเป็นหนังที่ชื่นชอบกันบ้าง ลองมาดูกันเลย!
Bangkok Breaking (2021)
วันชัย หนุ่มต่างจังหวัดที่เพิ่งย้ายเข้ามาอยู่ในกรุงเทพ เพื่อตามหาพี่ที่ขอความช่วยเหลือเขาเอาไว้ ในวันมาถึงกลับเกิดเหตุที่ทำให้เขาเข้าไปพัวพันกับคดีอาชญกรรมที่เกิดขึ้น เขาจึงได้ร่วมมือกับ แคท นักข่าวสาวไฟแรงที่หวังจะเปิดโปงความลับของคดี แต่การสืบค้นของทั้งคู่ยิ่งพาให้พวกเขาดำดิ่งไปสู่โลกอาชญากรรมอันดำมืดในเมืองที่มีชื่อว่า กรุงเทพ
โดยรวมอาจจะผิดหวังไปสักหน่อยกับการที่โปรโมทเอาไว้สูงมากว่าจะตีแผ่และเสียดสีสังคมไทย แต่พอเอาเข้าจริงสเกลกลับเล็กกว่าที่คิดอยู่มาก เพราะมันมุ่งเป้าในเรื่องของการทุจริตของมูลนิธิเท่านั้น อีกทั้งในส่วนของตัวละครก็อาจจะเป็นโทนดำ ขาว ไปสักหน่อยเมื่อเทียบการทำงานระหว่างสองมูลนิธิที่เป็นคู่แข่งกัน จนแยกออกตัวดีตัวร้ายได้ตั้งแต่เริ่มเรื่อง ตลอดจนความดาร์คของหนังอาจจะมีไม่มากเท่าเรื่องอื่นๆ มันเลยออกมาอยู่ในระดับที่ดูเพลินๆ เรื่อยๆ มากกว่าจะเป็นซีรี่ส์ที่น่าจดจำ
ลองของ (2005)
กลุ่มวัยรุ่น 6 คน ที่เป็นเพื่อนรักกันมานานจากการเรียนโรงเรียนมัธยมที่ต่างจังหวัดมาด้วยกัน แต่ก็ต้องแยกย้ายกันเพราะเข้ามาหาโอกาสที่ดีในกรุงเทพ ในวันหนึ่งพวกเขาได้มีโอกาสได้กลับมาพบกันอีกครั้งที่บ้านเกิดของพวกเขา และได้มาพบกับ ครูพนอ อดีตครูที่เคยสอนพวกเขาตอนมัธยม ซึ่งยังเป็นแม่เลี้ยงของต๊ะ 1 ในกลุ่มวัยรุ่นด้วย แต่ยิ่งเมื่อพวกเขาอยู่นานเท่าไร ความลับในอดีตในเรื่องไสยศาสตร์สุดสยอง และเบื้องหลังอันดำมืดก็ค่อยๆ ผุดขึ้นมาเรื่อยๆ
อีกหนึ่งตำนานหนังไทยสุดโหดอีกเรื่อง ที่หยิบเอาเรื่องไสยศาสตร์ มาปรับใช้กับด้านมืดของจิตใจมนุษย์ที่เต็มไปด้วยกิเลส ตัณหาได้เป็นอย่างดี มันเลยออกมามีโทนที่ค่อนข้างมืดหม่นอยู่มาก อีกทั้งการทรมานกายและการตายของแต่ละตัวละครในเรื่องทำออกมาได้ดูโหดเหลือเกิน ไม่เพียงแต่มันจะถูกใจสายโหด Hardcore แล้ว บทของหนังที่ถูกเขียนโดยพี่โขมเองก็เรียกได้ว่าคิดมาดี มีจุดพลิกผันให้ชวนลุ้นชวนติดนับเป็นอีกงานที่ดังจนต้องมีภาคต่อตามมา และเพิ่งทำฉบับซีรี่ส์ออกมาด้วย แต่ก็ไม่สามารถทำได้ใกล้เคียงกับต้นฉบับเลย
ไชยา (2007)
เปี๊ยก เผ่า สะหม้อ เพื่อนซี้สเปี๊ยก เผ่า สะหม้อ เพื่อนซี้สามคนจากแดนใต้ที่อยู่ด้วยกันมานาน และมีเลือดนักสู้จากตำรามวยไชยาที่พ่อของเผ่าทิ้งเอาไว้ให้ พวกเขาจึงมีความฝันที่อยากเป็นนักมวยไชยาที่ยิ่งใหญ่ได้บ้าง จึงเดินทางเข้ามาในกรุงเทพเพื่อเริ่มต้นความฝันนั้น แต่เส้นทางของพวกเขากลับเต็มไปด้วยอุปสรรค ตั้งแต่เริ่มเพราะมีเพียงแค่เผ่าที่ไปอยู่ค่ายมวย ส่วน เปี๊ยกและสะหม้อกลับไปแข่งมวยเถื่อน จนได้ไปเป็นลูกน้องของผู้อิทธิพลแทน จนทำให้ชีวิตของพวกเขาก็เริ่มห่างไกลออกจากความฝันที่พวกเขามีร่วมกันมากขึ้นเรื่อยๆ
อีกหนึ่งหนังไทยแบบแก๊งสเตอร์ที่มีโทนแบบหนัง โหด เลว ดี มากๆ ทั้งในเรื่องของเพื่อนสนิทที่เริ่มต้นจากความฝันเดียวกัน ไปสู่ความขัดแย้งบาดหมางจนลืมมิตรภาพที่เริ่มต้นกันมาได้ ซึ่งพี่โขมก็ยังคนจัดเต็มในเรื่องของการดึงด้านมืดของจิตใจมนุษย์ มาเล่าได้อย่างเข้มข้นคมคายเหมือนเดิม อีกทั้งยังพาคนดูไปสำรวจและตีแผ่ความเลวร้ายของวงการที่หลายคนเรียกว่าเป็นกีฬาประจำชาติออกมาได้ถึงพริกถึงขิง จนหากคาดหวังอยากมาดูหนังแอคชั่นก็อาจจะไม่ค่อยโดนเท่าไร แต่ใครที่มองหาเรื่องราวเข้มข้นแบบดาร์คๆ แล้วถือว่าตอบโจทย์มาก
เฉือน (2009)
ไท นักโทษที่เคยติดคุกเพราะเป็นมือปืนรับจ้าง หลังจากกลับใจได้ ก็ต้องจำใจมาช่วยเหลือ ชิน ตำรวจในคดีฆาตกรรมต่อเนื่องสุดโหด ไท นักโทษที่เคยติดคุกเพราะเป็นมือปืนรับจ้าง หลังจากกลับใจได้ ก็ต้องจำใจมาช่วยเหลือ ชิน ตำรวจในคดีฆาตกรรมต่อเนื่องสุดโหด ที่ทำทุกวิถีในการจับฆาตกรให้ได้ โดย ชิน ได้จับตัวภรรยาของ ไท ไว้เป็นตัวประกัน และให้ไทต้องออกไขคดีที่ดูเหมือนจะเกี่ยวข้องกับอดีตของเขาให้ได้ภายใน 15 วัน ไม่เช่นนั้นแล้วภรรยาของเขาจะต้องตาย เขาจึงต้องเริ่มแกะรอยจากอดีตตัวเองไปสู่ตัวฆาตกร ที่อาจเป็นใครสักคนที่เกี่ยวข้องกับเขาก็ได้
อีกหนึ่งหนังที่ส่วนตัวมองว่าเป็น Masterpiece ของพี่โขมเลยก็ว่าได้ เพราะโดยปกติแล้วมักไม่ค่อยเห็นหนังสไตล์สืบสวนของไทยเท่าไร แต่พออออกเรื่องนี้มา รู้สึกว่ามันมีความเป็นสืบสวนในแบบของไทยจริงๆ ทั้งการใช้ฉากหลังที่เป็นสภาพความเสื่อมโทรม การเอามุมมืดของสังคมมาใช้ รวมถึงวิธีการฆาตกรรมอันสุดปริตก็ทำให้มันมีเสน่ห์ในแบบของตัวเองมากๆ อีกทั้งด้วยตัวบทที่เขียนเองตามสไตล์ ก็ยังคงมีลูกล่อลูกชนเหมือนเดิม รวมถึงฉากเฉลยที่ชวนสะพรึงก็ยังตราตรึงมาจนถึงทุกวันนี้
หลุดสี่หลุด ตอน ร้านของขวัญเพื่อคนที่คุณเกลียด (2010)
ธาดา หนุ่มที่เพิ่งได้เลื่อนตำแหน่งเป็นผู้ธาดา หนุ่มที่เพิ่งได้เลื่อนตำแหน่งเป็นผู้จัดการหมาดๆ แต่เพื่อนร่วมงานคนอื่นๆ กลับไม่พอใจ เลยส่งของขวัญไปให้ แต่ของขวัญที่ว่ามันกลับส่งผลร้ายกลับเขา จนทำให้เขาตามสืบจนเจอว่า ของที่ได้รับนั้น มาจาก ร้านของขวัญสำหรับคนที่คุณเกลียด ซึ่งร้านที่ว่านั้นกลับขายของที่เอาไว้ทำร้ายคนอื่น ตั้งแต่ระดับกลั่นแกล้งไปจนถึงตายได้เลย
นับเป็นอีกตอนที่โดดเด่นในบรรดาหนังสั้นทั้ง 4 ตอน ทั้งพล็อตเรื่องที่น่าสนใจว่าจากเดิมเราจะส่งของขวัญให้กับคนที่เราดีด้วย แต่ถ้ามันมีคนที่เราเกลียดล่ะ เราจะส่งอะไรไปให้พวกเขา ซึ่งไอเดียนี้ก็กลายมาเป็นหนังสั้น 1 ใน 4 ตอน ของ หลุดสี่หลุด นั่นเอง ซึ่งแน่นอนว่ามันก็ยังคงสะท้อนสังคมการใส่หน้ากากเข้าหากันได้อย่างสนุก และดูเป็นตลกร้าย จนทำให้ถึงแม้มันจะดูมีความแฟนตาซีอยู่บ้าง แต่โลกแห่งความจริงทุกวันนี้มันก็ดูไม่ได้ต่างอะไรจากสิ่งที่เกิดขึ้นในหนังตอนนี้เลย ซึ่งด้วยพล็อตเจ๋งๆ แบบนี้ก็เลยถูกต่อยอดออกมาเป็นซีรี่ส์ได้อีกด้วย
อันธพาล (2012)
จ็อด เฮาดี้ เด็กช่างกลที่ได้เข้ามาสู่วงการนักเลง จากการชักชวนของแดง ชายผู้ที่มาช่วยเหลือเขาเอาไว้ในตอนที่เขากำลังจะตีกับคู่อริ จนพวกเขาก็ได้มาตั้งแก๊งร่วมกับ ธงและเปี๊ยก สองเพื่อนสนิทที่หวังจะเป็นนักเลงชื่อดังได้อย่างแดงและจ็อด จนกระทั่งวันหนึ่งที่รัฐบาลได้เริ่มกวาดล้างเหล่าอันธพาลอย่างจริงจัง จากเหล่าอันธพาลที่โจษจัน ก็กลับกลายเป็นผู้ร้ายในทันที
น่าจะเป็นคำถามจากคนดูหลายๆ คนว่า หากมี 2499 อันธพาลครองเมือง ของคุณนนทรีย์ นิมิบุตร แล้วเราจะมี อันธพาล อีกไปทำไม เพราะมันก็ได้เล่าถึงแก๊งเดียวกันในช่วงเวลาใกล้ๆ กัน แต่ทว่าดูเหมือนผู้กำกับเองก็คงจะตั้งคำถามเดียวกัน จึงพยายามฉีกให้อันธพาลแตกต่างออกไป ทั้งวิธีการเล่าเรื่อง ที่มีการสอดแทรกการสัมภาษณ์แบบหลอกๆ เพื่อให้ผู้คนเล่าถึงสภาพเหตุการณ์นั้น และได้มุมมองของชาวบ้านที่มีต่อเหล่าอันธพาลที่ภูมิใจในตัวเอง รวมถึงฉากหลังที่ยึดโยงกับประวัติศาสตร์ของไทยมากขึ้น จนออกมาดูแปลกใหม่น่าสนใจ จนต้องขอชื่นชมเลยทีเดียว
Take Me Home (2016)
แทน ชายหนุ่มที่ความความจำเสื่อมจะการประสบอุบัติเหตุ เขาตื่นมาในโรงพยาบาลที่ไม่สามารถจำอะไรได้เลยนอกจากชื่อของเขา เขาจึงเริ่มประติดประต่อความทรงจำที่ยังพอหลงเหลือ จนได้พบกับทางกลับบ้านของเขา เมื่อกลับมาถึงบ้านเขาได้พบกับ ทับทิม พี่สาวของเขา ที่แต่งงานกับ ชีวิน และมีลูกด้วยกันอีก 2 คน ท่ามกลางฉากหน้าที่ดูสงบสุข เขากลับต้องพบว่าคนในบ้านหลังนี้ต่างซุกซ่อนอะไรที่สยองยิ่งกว่าที่ชีวิตเขาจะเคยเจอมา
หนังที่คิดว่าน่าจะดูยากที่สุดของผู้กำกับคนนี้ เพราะฉากหน้าที่ดูเป็นหนังผีก็กลับเป็นหนังผีที่ไม่ธรรมดา แต่ต้องอาศัยความเข้าใจในการประติดประต่อเรื่องราว ที่หนังค่อยๆ ปล่อย Hint ออกมาให้เรื่อยๆ อีกทั้งยังต้องอาศัยในการตีความกับสิ่งต่างๆ ที่หนังโยนกลับมาให้คนดูด้วย ทำให้มันอาจเกิดความงงอยู่ไม่น้อยกับคนดูที่ไม่ได้คาดหวังว่าจะเจอกับอะไรแบบนี้ แต่ทั้งนี้ถึงแม้ว่าหนังจะเล่นท่ายากจนอาจดูไม่เข้าใจ แต่ก็ต้องยอมรับว่าในฉากสยองต่างๆ ที่เกิดขึ้นในหนัง ไม่ว่าจะเป็นบรรยากาศชวนหลอน และการสร้างผีที่ออกมาน่ากลัวแล้วนั้นก็ยังทำให้มันเป็นหนังสยองขวัญที่จัดจ้านได้อยู่เหมือนกัน
ขุนพันธ์ 1-2 (2016,2018)
ร้อยตำรวจโท ขุนพันธ์ รักษ์ราชเดช นายร้อยตำรวจหนุ่มไฟแรงที่มากความสามารถ ทั้งฝีมือในด้านเจ้าหน้าที่ และการใช้อาคม ของขลัง เขามาเป็นส่วนหนึ่งในอาชีพ จนทำให้เขามีชื่อเสียงโด่งดังมาก ในการปราบปรามบรรดาเสือโจรต่างๆ ที่สร้างความเลวร้ายให้กับชาวบ้านในยุคนั้น จนกระทั่งวันหนึ่งเขากลับได้รับภารกิจสุดหิน ที่ต้องจับโจรชื่อดังในประวัติศาสตร์อย่าง อัลฮาวี ยะลู ผู้โหดเหี้ยม และพยายามแพร่อิทธิพลออกไป ทำให้ทั้งสองต้องเผชิญหน้ากันในฐานะบุคคลที่ยืนอยู่คนละขั้วของกฏหมาย
สารภาสารภาพว่าภาคแรกเป็นอะไรที่ชวนกรีดร้องมากๆ เมื่อได้เห็นผลงานชิ้นนี้ เพราะทั้งงานตัดต่อ งานแอคชั่น รวมถึงบทของหนังล้วนพังพินาศอย่างที่ไม่เคยเห็นมาก่อนในหนังของผู้กำกับอย่าง ก้องเกียรติ แม้ว่าจะได้ดาราดังอย่าง อนันดา เอเวอริงแฮม และ กฤษดา สุโกศล แคลมปป์ (พี่น้อย วงพรู) มาประชันบทบาท แต่บทก็ไม่ได้เอื้อให้พวกเขาสักเท่าไร จนเป็นพังวัตถุดิบที่มีไปอย่างน่าเสียดายมากๆ แต่ก็ยังดี ที่ในภาคสองดูเหมือนจะแก้มือกลับมาได้ ทั้งฉากแอคชั่นที่สร้างสรรค์ดูสนุกมากขึ้น สเกลใหญ่ขึ้น รวมถึงเรื่องราวที่ยังมีประเด็นที่ชวนติดตาม และความบันเทิงที่มากกว่าเดิมเยอะ
ขุนแผนฟ้าฟื้น (2019)
แก้ว หนุ่มพเนจรที่ความจำเสื่อม ที่มีเพื่อนสนิทอย่าง เพชร ที่หากินด้วยการต้มตุ๋นหาเลี้ยงชีพ วันหนึ่งพวกเขาได้เดินทางมาที่เมืองหลวงอย่างอยุธยา จนทำให้ความจำบางอย่างของ แก้ว ฟื้นกลับคืนมา ณ เมืองแห่งนี้ แก้ว ได้พบกับ ทั้งช้างและพิม เพื่อนสนิทในวัยเด็กที่คบกันอยู่ แต่แก้วเองก็พบว่าเขากลับมีความรู้สึกดีๆ ให้กับ พิม ไปซะแล้ว อีกทั้งยังได้ไปฝึกฝนวิชากับอาจารย์เดช ที่สอนอาคมให้กับแก้วจนเริ่มมีเก่งกล้าขึ้น
หนังที่มีเส้นบางๆ ระหว่างคำว่าสร้างสรรค์กับเลอะเทอะ แต่ส่วนตัวก็ยังมองมันไปทางสร้างสรรค์ กับการเอาวรรณกรรมอย่างขุนช้าง ขุนแผน มาตีความเสียใหม่ ด้วยการทำให้ทุกอย่างมันดูแฟนตาซีล้ำสมัยขึ้น จากการอัดกาวเข้าไปในเรื่องราว จนออกมาเป็นจุดเด่นที่ดูฮาเฮไม่เหมือนใคร โดยที่ก็ยังยึดโยงโครงเรื่องหลักเดิมอยู่ นับเป็นปฐมบทแรกที่ทำให้รู้สึกว่าอยากเห็นจักรวาลนี้ดำเนินต่อไปอยู่ไม่น้อยเลย