Taken (2008)
สู้ไม่รู้จักตาย
คะแนน
โกดังหนัง
หนังแอคชั่นมันส์ระดับพระกาฬ กับภารกิจช่วยลูกสุดเข้มข้น
แจ้งเกิดให้ป๋าเลียม นีสัน ในฐานะแอคชั่นสตาร์อย่างแท้จริง
คำคมจากภาพยนตร์
“I will look for you, I will find you, and I will kill you.”
“ฉันจะหาว่าแกเป็นใคร ฉันตามล่าแก และฉันจะฆ่าแกซะ”
เรื่องย่อ
ไบรอัน มิลล์ อดีต CIA มือฉมังขั้นเทพ ที่ตัดสินใจอำลาวงการ เพราะอยากมีเวลาให้กับ คิม ลูกสาวของเขาให้มากขึ้น ซึ่งวันหนึ่งคิมก็ได้ขออนุญาตเขาเพื่อไปเที่ยวฝรั่งเศสกับเพื่อนสนิทกันแค่ 2 คน จนกระทั่้งเกิดเหตุไม่คาดคิด เมื่อทั้งคิมและเพื่อนของเธอนั้นโดนลักพาตัวไปโดยแก๊งค้ามนุษย์ โดยมี ไบรอัน อยู่ในสายขณะพูดคุยกันอยู่พอดี ทำให้เขาเลยทราบเรื่องราวและรีบออกมาตามหาลูกสาวของเขาก่อนที่จะสายเกินไป
หนังเรื่องนี้เหมาะกับใคร
สำหรับ Taken นั้นเหมาะกับคอหนังแอคชั่นแบบ Old School รุ่นเก๋าในแบบที่ไม่ต้องใช้ CG หรืออะไรมาเติมแต่งให้มากมาย แต่เน้นพล็อตเรื่องง่าย ตัวละครเท่ กับฉากบู๊มันส์ๆ ที่จะตอบโจทย์ได้อย่างเต็มที่ ซึ่งเรื่องนี้ก็เข้าสูตรนั้นทุกประการ ซึ่งด้วยความที่ฉากแอคชั่นดุดันกับคาแรคเตอร์ของป๋าเลียมที่ไปได้สุดทาง ก็เลยทำให้มันกลายเป็นหนังแอคชั่นแบบสุดมันส์ในระดับที่คอหนังแอคชั่นไม่ควรมองข้ามเป็นอย่างยิ่ง โดยเฉพาะกับใครที่ชอบหนังแอคชั่นสไตล์บู๊ เงียบ เท่ ยิงกันเน้นๆ แบบ John Wick แล้ว รับรองตอบโจทย์ได้พอกัน
- สายหนังแอคชั่นมันส์สะใจ
- สายหนังอาชญากรรมเนื้อเรื่องเข้มข้น
- สายหนังบู๊สไตล์ป๋าเลียม
รีวิว / สรุปเนื้อหา
จริงๆ แล้ว Taken ก็เป็นอีกหนึ่งหนังพล็อตสูตรสำเร็จ ในการไปช่วยเหลือตัวประกันหรือคนรักไม่ต่างอะไรจากหนังแอคชั่นที่เคยทำมาซ้ำแล้วซ้ำอีกนั่นแหละ แต่ทว่าหนังมันกลับหาจุดเด่นออกมาได้ดีในการปั้นตัวละครอย่าง ไบรอัน มิลล์ ที่รับบทโดยป๋า Liam Neeson ที่มาลุค Keep Calm and Cool คือ บู๊ เงียบ เท่ ออกมาได้เป็นอย่างดี ทั้งปฏิภาณไหวพริบ ความมีสติและความใจเย็นที่เราจะเห็นได้ตั้งแต่ฉากที่เขาค่อยๆ เตือนลูกสาวของเขาก่อนที่จะโดนจับไปแล้ว พร้อมทั้งให้บอกรายละเอียดต่างๆ รอบตัว เพื่อเก็บข้อมูลมาให้ได้มากที่ รวมไปถึงฉากที่พูดคุยโทรศัพท์ข่มขู่ตัวร้ายก็เป็นอีกหนึ่งฉากจำ (ที่เอามาถูกล้อเป็นมีมมากมาย) ซึ่งสำหรับฉากแอคชั่นต่างๆ ในหนังนั้นก็แสดงถึงความสามารถของเขาออกมาได้อย่างเต็มที่
จนทำให้ ไบรอัน มิลล์ เป็นตัวละครสุดเท่ที่คนดูพร้อมเอาใจช่วยและอยากเห็นเขาเข้าปะทะกับคนร้ายอยู่ตลอดเวลา ซึ่งด้วยการดำเนินเรื่องที่ฉับไว และขยับอย่างรวดเร็วของหนัง ที่เริ่มจากการตามหาเบาะแสแค่จากเสียงของลูกสาวและข้อมูลเล็กน้อยในตอนต้น ไปจนถึงปลายทางของการพบเจอ ก็ล้วนแล้วแต่ทำออกมาได้ชวนติดตาม ประกอบกับฉากแอคชั่นแบบเข้มข้นที่แทรกเข้ามาตลอดเรื่อง ในแบบที่ไม่ต้องพูดเยอะ แต่เน้นยิงเลย เพื่อให้สมกับที่มีเวลาจำกัด ในการที่จะไปช่วยลูกสาวของเขาก่อนที่จะสายเกินไป ก็ทำให้ฉากเหล่านี้ออกมาสาแก่ใจเป็นอย่างมาก ไม่ต่างจากฉากแอคชั่นในหนังสายลับเท่ๆ ที่เราเห็นกันเลย
ซึ่งด้วยเวลาใน 1 ชั่วโมงครึ่งของหนังก็นับว่าเป็นอะไรที่พอดิบพอดี ในการปูเรื่องเล่าเรื่อง และใส่ฉากแอคชั่นไล่ล่าได้อย่างเต็มพิกัดจนไม่มีช่วงเบื่อเลยแต่อย่างใด เพราะมันแทบไม่มีช่วงไหนที่ทำให้หนังนั้นดูยืดเยื้อเลย ซึ่งนอกจากในแง่แอคชั่นแล้ว ในพาร์ทความสัมพันธ์ของพ่อลูกอันเป็นที่มาของความคลั่งแค้นนั้น ก็นับเป็นอีกจุดนึงที่หนังทำออกมาได้เป็นอย่างดี และเป็นแรงจูงใจที่น่าเชื่อถือมากๆ กับการล่าฆ่าล้างบางกันขนาดนี้ แม้ว่าหนังจะมีภาคต่อมาอีก 2 ภาค แต่ก็ไม่มีภาคไหนที่จะสนุกเท่าจุดกำเนิดภาคนี้อีกแล้ว ทั้งพล็อต ความสมเหตุสมผลและฉากแอคชั่นที่จัดเต็มดีจริงๆ นับเป็นอีกหนึ่งหนังแอคชั่นอีกชุดที่ควรต้องดูอีกเรื่อง
เกร็ดจากหนังเรื่องนี้
- ในตอนแรกป๋าเลียม นีสันเองก็คิดว่ายังไงหนังเรื่องนี้ก็พังแน่ๆ แต่เขาก็เลือกที่จะเล่นเพราะต้องการความแปลกใหม่ในการแสดงให้ต่างกับผลงานที่ผ่านๆ มา ซึ่งผลที่ออกมาหนังไม่เพียงแค่ฮิตเปรี้ยงปร้าง ถูกใจคอหนังแอคชั่นกันมากมายเท่านั้น แต่มันยังแจ้งเกิด เลียม นีสัน ในฐานะแอคชั่นฮีโร่ออกมาได้อย่างน่าจดจำ
- ป๋าเลียม นีสัน ต้องเข้ารับการฝึกกับอดีตหน่วยทหารอากาศเก่าชั้นเซียน เพื่อเรียนรู้การใช้อาวุธ และการต่อสู้มือเปล่า เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับบทนี้ และสุดท้ายแล้วเขาก็ทำมันออกมาได้ดีมากๆ เลยทีเดียว
- เนื่องจากมันกลายเป็นหนังดังเปรี้ยงปร้าง เลยทำให้บรรดาผู้ปกครองที่ดูหนังเรื่องนี้ ต่างก็กลัวที่จะให้ลูกๆ ตัวเองไปเที่ยวยุโรปกันเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับฝรั่งเศสที่เป็นฉากหลังในหนัง จนทำให้ ป๋าเลียม เองต้องคอยออกมาอํธิบายว่า เหตุการณ์ในหนังน่ะ มันออกจะเว่อร์เกินจริงไปหน่อย เพราะยังไงเขาเองก็อยากที่จะให้พ่อ แม่ เด็กๆ ออกไปเปิดประสบการณ์นอกอเมริกาบ่อยๆ ดีกว่า