Twilight (2008)

แวมไพร์ ทไวไลท์

Twilight Poster
6.5/10

คะแนน
โกดังหนัง

หนังที่มีกลุ่มเป้าหมายชัดเจนตอนที่ทำออกมา เลยอาจไม่ถูกใจทุกคน แต่กับสายนิยายโรแมนซ์ รับรองหวานเลี่ยนถึงใจ

หมวดหมู่ : Drama Fantasy Romantic
สัญชาติ : American
กำกับโดย : Catherine Hardwicke
ความยาว : 2 ชั่วโมง 2 นาที
นักแสดงนำ : Kristen Stewart, Robert Pattinson, Billy Burke

คำคมจากภาพยนตร์

“I don't have the strength to stay away from you anymore.”
“ฉันไม่เหลือความแข็งแกร่งที่จะอยู่ห่างจาเธออีกต่อไปแล้ว.”

เรื่องย่อ

เบลล่า สวอน วัยรุ่นสาวที่เพิ่งย้ายเข้ามาในเมือง ฟอร์คส์ ด้วยบุคลิกของเธอก็ทำให้เธอมักทำตัวแปลกแยกจากคนอื่นมาโดยเสมอ จนกระทั่งเธอได้พบกับ เอ็ดเวิร์ด คัลเลน ชายหนุ่มที่ดูแสนเพอเฟคทั้งรูปร่างหน้าตาที่หล่อเหลา และดูมีความชาญฉลาด ที่ช่วงแรกเขาดูเหมือนจะรังเกียจเธออยู่ไม่น้อย แต่ด้วยเหตุการณ์หนึ่งที่เขาได้เข้ามาช่วยเหลือเธอเอาไว้ เลยทำให้ทั้งคู่ได้มีโอกาสสานสัมพันธ์กัน ซึ่งก็มี เจค็อบ เพื่อนในสมัยเด็กของเธอที่แอบชอบเธออยู่เหมือนกัน จนนำไปสู่เรื่องราวรักสามเศร้า รวมถึงสงครามในอดีตระหว่างเผ่าพันธุ์

หนังเรื่องนี้เหมาะกับใคร

สำหรับ Twilight นั้น ก็เป็นหนังจากนิยายแนวรักวัยรุ่นอีกเรื่องที่สร้างปรากฏการณ์ได้โด่งดังไปในระดับโลก จนต้องมีการทำเวอร์ชั่นหนังออกมาโกยเงินคนกันต่อไป ทำให้ใครที่ชอบนิยายเรื่องนี้เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ก็น่าจะหลงรักในฉบับหนังได้ไม่ยาก หรือใครก็ตามที่ชอบหนังรักวัยรุ่นที่มีความแฟนตาซี เพ้อฝันหน่อยๆ ก็น่าจะตอบโจทย์ได้เป็นอย่างดี เพราะตัวหนังก็รู้จุดเล่า จุดขยี้ ต่างๆ ได้โดนใจกลุ่มคนที่ชอบสไตล์รักสามเศร้าอยู่ไม่น้อย ถ้าคุณชอบหนังประเภทนี้อย่าง The Mortal Instruments, The Host หรือ Divergent ที่เน้นตัวเอกหญฺิงกับเรื่องราวรักๆ ควรตาม Twilight ให้ครบทุกภาคกันได้เลย

  • สายหนังรักแฟนตาซี
  • สายหนังแวมไพร์มนุษย์หมาป่า
  • สายหนังจากนิยายรัก

รีวิว / สรุปเนื้อหา

นับเป็นอีกปรากฏการณ์ของโลกนิยายที่ลามมาจนถึงในโลกภาพยนตร์ กับเรื่องราวรักสามเศร้า 1 หญิง 2 ชาย ที่ต้องเลือกว่าจะรักกับแวมไพร์หรือมนุษย์หมาป่า จากนิยายชื่อดังของ Stephenie Meyer ที่เติมความฝันอันแสนแฟนตาซีของเด็กสาววัยรุ่น ที่ในฉบับหนังก็เรียกได้ว่าคัดเลือกนักแสดงมาได้น่าสนใจอยู่ไม่น้อย แม้ว่าจะเป็นหน้าใหม่ๆ เป็นส่วนมาก และผ่านผลงานกันมาไม่กี่เรื่อง แต่ก็ดูเข้ากับบทได้ดี ในหนังสไตล์วัยรุ่นแบบนี้ ด้วยความที่หนังเป็นสไตล์โรแมนติค ถ้าคนดูไม่ได้อินกับดารา หรือเรื่องราวความรักอยู่แล้ว ก็อาจจะรู้สึกเบื่อๆ ไปกับหนังในช่วงแรกๆ ได้ เพราะไม่แทบไม่มีอะไรนอกจากการนั่งดูวัยรุ่นสองคนที่พยายามจะสานสัมพันธ์กัน

แต่ด้วยความที่คนทำหนังก็คงอยากที่จะเอาใจ ตลาดผู้ชายที่มาดูหนังเรื่องนี้อยู่บ้าง ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม ทั้งแฟนลากมาดู หรือทั้งอยากมาดูเอง ก็เลยใส่ฉากแอคชั่นเข้าไปอยู่เรื่อยๆ โดยเฉพาะในช่วงท้ายที่ดูเติมเข้ามาเยอะหน่อย จากความขัดแย้งของเหล่าแวมไพร์กันเอง ที่อยากจะตามล่าตัวนางเอกเป็นอาหาร แม้ว่าจะเป็นฉากแอคชั่น แต่มันก็แอบเป็นการให้ตัวละครอย่าง เอ็ดเวิร์ด เองก็ได้โชว์ฟอร์มหล่อในการปกป้องนางตามสไตล์เรื่องราวแนวนี้ ซึ่งก็เรียกได้ว่าพอเบรคอารมณ์ให้ได้อยู่บ้าง จากเรื่องราวที่เน้นเรื่องราวความรักหวานเลี่ยน และนางเอกที่ดูหื่นกระหายในความสัมพันธ์อยู่ตลอดทั้งเรื่อง

สุดท้ายแล้วเราก็ปฏิเสธไม่ได้ว่า Twilight คืออีกผลงานแฟนตาซีน้ำเน่าที่อาจทำออกมาเอาใจกลุ่มวัยรุ่นวัยใส ที่ดูจะถูกอกถูกใจกับเรื่องราวอะไรแบบนี้เลยทำให้มันกลายเป็นปรากฏการณ์ที่โด่งดังมากๆ อีกเรื่องและโกยรายได้เข้าสตูดิโออย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วยในทุกๆ ภาคที่ต่อออกมา แต่กับในแง่คนดูหนังที่คาดหวังเรื่องความบันเทิงมากกว่าแค่เรื่องรักๆ ใคร่ๆ แล้วก็เรียกได้ว่าอาจจะต่ำกว่าความคาดหวังไปสักหน่อย แต่ความที่ทีมดาราก็แคสออกมาได้หล่อสวย ทั้งครอบครัวตัวเอกก็ดูมีเสน่ห์กันหลายคน ประกอบกับ CG ของหนังที่ไม่ขัดตานัก ทำให้เราก็ยังพอสามารถเสพมันได้เพลินๆ ฆ่าเวลาได้เป็นอย่างดี ในขณะที่แฟนๆ นิยายหรือหนังแนวนี้น่าจะถูกใจกันอย่างเป็นที่สุด

เกร็ดจากหนังเรื่องนี้

  • Robert Pattinson เคยออกมาให้สัมภาษณ์ว่า ก่อนจะมาแคสเรื่องนี้เขาไม่เคยได้ยินถึงนิยาย Twilght มาก่อนเลย แต่เขาเลือกที่จะมาเพราะเอเจนท์ฝั่งอเมริกันของเขาเชียร์ให้มาเล่น อีกทั้งเขาก็ชอบการแสดงของ Kristen Stewart มาอยู่แล้วจาก Into the Wild มันเลยทำให้พวกเขาทั้งคู่แมสเลยในทันทีที่หนังฉาย
  • มีผู้เข้าร่วมแคสบท Edward มากกว่า 5,000 คน
  • Twilight ภาคแรกเป็นภาคเดียวของหนังชุดนี้ที่ไม่ถูกเสนอชื่อเข้าชิง Razzie Award หรือรางวัลหนังห่วยประจำปี