เรื่องย่อ

เรื่องราวการผจญภัยของ บาร์บี้ จากโลกแห่งแฟนตาซีไปสู่โลกแห่งความเป็นจริง เพื่อค้นหาคำตอบของชีวิตของเธอ โดยมี เคน เป็นเพื่อนร่วมทาง และทั้ง 2 คนต้องหาหนทางต่อสู้เรียนรู้และเอาตัวรอดบนโลกที่แสนวุ่นวายที่เขาไม่คุ้นเคย

หนังเรื่องนี้เหมาะกับใคร

สำหรับ Barbie จัดเป็นหนังคุณภาพที่เซอร์ไพรส์แห่งปี 2023 และเป็นหนังที่เหมาะกับผู้ชมทุกเพศทุกวัยไม่ได้สร้างมาเพื่อเฉพาะคุณผู้หญิงแบบที่หลายๆคนเข้าใจกัน พล็อตเรื่องเป็นงานคอมเมดี้ที่ผสมผสานกับการวิพากย์วิจารณ์สังคมที่ชายเป็นใหญ่ผ่านมุมมองของผู้หญิง ที่พยายามเรียกร้องความเท่าเทียมให้เกิดขึึ้นจริงในสังคม ซึ่งเข้าใจหัวอกผู้หญิงจริงๆ ที่สำคัญหนังเองก็ไม่ได้จำกัดเพศสภาพ องค์ประกอบหนังทำให้หญิงแท้หญิงเทียมดูแล้วเข้าใจได้ไม่ยาก หนังฉลาดมากที่ใช้มุกที่ไม่ได้เสียดสีใคร  ซึ่งขำจริง ตลกจริง หนังไม่ได้เซอร์วิสแฟนๆที่เติบโตมากับตุ๊กตาของเล่นบาร์บี้ ทุกคนสามารถดูเรื่องนี้แล้วเปิดรับได้ไม่ยากเย็น

รีวิว / สรุปเนื้อหา

ถ้าจะบอกว่าเป็นหนังวาไรตี้ก็ไม่ผิดไปจากที่คาดคิดเอาไว้ กลายเป็นงานที่ดูได้ทุกเพศทุกวัยไม่จำเป็นต้องเป็นผู้หญิง หรือจริตกะเทยแบบที่เราเข้าใจ บทหนังสอดคล้องกับโลกยุคใหม่เท่าทันโลกจริงๆ เรียกว่าตีโจทย์แตก มีทั้งปัญหาสังคม เพศสภาพความต่างของชายและหญิง ที่มีกทำตัวเป็นใหญ่ และอยากเรียกหาความเท่าเทียม  ที่ทุกสังคมมักเรียกร้องเรียกหา ที่ประชดประชัน ในมุมองที่เรียบง่าย หนังยังกล้านำเสนอประเด็นที่คนที่ทั่วไปพบกับปัญหาคือการค้นหาตัวตน บ่อยครั้งเรามักโลเล ไร้จุดยืนไร้ความฝัน แต่หนังเรื่องนี้ตีความภายใต้กรอบความขบขัน ภาพของหนังเลยให้กลายเป็นว่าครบเครื่อง หนังหามุกมาหยอกล้อแซวหนังดังมากมาย หรือการ Tribute หยอด Easter แซวหนังดัง แถมผู้กำกับเองก็ฉลาดสรรหาไอเดียต่างๆที่ดูแล้วไม่ซ้ำซากจำเจมาเล่าเรื่องได้บันเทิง หรือเรียกว่าต่อให้คุณไม่เคยเล่นตุ๊กตาหรือมีความผูกพันธ์กับ Barbie ก็เอนจอยกับหนังได้ไม่ยาก 

ส่วนตัวแล้วเป็นคนที่ชื่นชอบโปรดักชั่นหนังเรื่องนี้การออกแบบเนรมิตรจำลองโลกแห่ง Barbie ออกมาได้เสมือนของจริง อลังการมากจัดจ้านในทุกองค์ประกอบ เซ็ตติ้งบ้าน เมือง Barbie น่าไปเที่ยวน่าไปสัมผัสมากๆ นี่ยังไม่รวมพวกคอสตูมนักแสดงที่ออกแบบได้ปัง สีสันจี๊ดจ๊าดนักแสดงสวมใส่ก็กลมเกลือนไปกับเรื่องราว เรียกว่าหนังให้ความสำคัญทุกๆจุด โลกสีชมพูของ Barbie นอกจากนี้ยังรู้สึกชอบเฟรมภาพมุมกล้องหนังเรื่องนี้ เข้าอกเข้าใจโลกของ Barbie จริงๆ แม้ว่า Rodrigo Prieto ช่างภาพที่ทำงานกับ Martin Scorsese แต่ถ่ายทอดออกมาได้แบบมีชีวิตชีวา โดยที่หนังเองก็ไม่ได้หลุดโทนหลุดกรอบเลยสักนิด

นักแสดงนำอย่าง Margot Robbie สาวผู้อินกับชุดสีชมพู บังคับให้ทีมงานใส่ชุดสีชมพูทั้งเรื่อง จากนักแสดงสาวโนเนม 10 ปีก่อนเวลานี้ เธอกลายเป็นดาวจรัสฟ้าเป็นนักแสดงหญิงแถวหน้า เรียกว่านางเกิดมาเพื่อเล่นบท Barbie ไม่ต้องร้ายลึกแบบงานแสดงเรื่องก่อนๆที่เน้นขายความอึ๋มความเซ็กซี่ เรื่องนี้ดึงความสดใสของเธอ และผู้กำกับ Greta Gerwig ก็พยายามถ่ายทอดมุมมองใหม่ๆแบบที่ไม่เคยจากตัว Margor มาก่อนจากหนังเรื่องอื่นๆ ด้าน Ryan Gosling พระเอกมาดเสน่ห์ที่เรื่องนี้เล่นออกแนวกวนๆ หลงตัวเอง มีความโลเล คือชอบ 2 นักแสดงนำ เพราะเขาถ่ายทอดบทบาทได้เข้ากับเหตุการณ์โลกในยุคนี้ที่ดูมีความเป็นจริงๆ โลเลไร้จุดยืน ซึ่งมันก็ตรงกับชีวิตผู้คนเวลานี้จริงๆ