The Man from U.N.C.L.E. (2015)

คู่ดุไร้ปรานี

The Man from U.N.C.L.E. Poster
8/10

คะแนน
โกดังหนัง

แอ็คชั่นคอเมดี้ที่พลิกโฉมหน้าหนังสายลับ
หยิบวัฒนธรรมยุคสงครามเย็นมาเล่าเรื่องให้ตลก
กัดจิกเสียดสีคนอเมริกันและโซเวียตได้เจ็บแสบ

หมวดหมู่ : Action Comedy
สัญชาติ : American
กำกับโดย : Guy Ritchie
ความยาว : 1 ชั่วโมง 56 นาที
นักแสดงนำ : Armie Hammer, Henry Cavill, Alicia Vikander

คำคมจากภาพยนตร์

"There are only two masters in this world: fear and pain." "ทุกคนมีเพียงแค่สองเรื่องหลักๆในชีวิตซึ่งก็คือความเจ็บปวดและความกลัว"

เรื่องย่อ

ช่วงปี 1960 สงครามเย็นปะทุขึ้น หน่วย The Man from U.N.C.L.E. ซึ่งมีสายลับ CIA โซโลและสายลับ KGB เคอร์ยาคิน ทั้งคู่ต้องจำใจทิ้งความบาดหมางและร่วมฏิบัติภารกิจหยุดยั้งองค์กรแห่งอาชญากรรมลับทั่วโลก ซึ่งมีจุดหมายคือการเพิ่มอาวุธนิวเคลียร์และเทคโนโลยีเพื่อทำลายสมดุลของมหาอำนาจ ทว่าผู้ที่บงการพวกเขาได้กลับมีเพียงลูกสาวของนักวิทยาศาสตร์เยอรมันที่หายตัวไปซึ่งเธอคือกุญแจสำคัญสู่การแทรกซึมเข้าองค์กรอาชญากรรม! ทั้งคู่ต้องแข่งกับเวลาเพื่อหาตัวพ่อของเธอให้พบและปกป้องโลกจากความวินาศนี้ให้ได้

หนังเรื่องนี้เหมาะกับใคร

สำหรับ The Man from U.N.C.L.E คือหนังแอ็คชั่นสายลับย้อนยุคที่ทำให้เราเพลิดเพลินไปกับมุกตลกจนทำให้เราอารมณ์ขันได้มากๆ การหยิบวัฒนธรรมยุคเก่ามาผนวกกับเนื้อหาที่มีสงครามเย็น ใส่ประเด็นทัศนคติที่แตกต่างกันสิ้นเชิงของคนอเมริกันและโซเวียตที่ไม่มีใครยอมใครเลย หนังจึงกลายเป็นคอเมดี้ชิงไหวพริบกันซะมากกว่า แฟนหนังที่ชอบภาพสวยๆในยุคเก่าประมาณยุค 60 จะรู้สึกเพลินตากับงานชิ้นนี้

  • สายหนังแอ็คชั่นสายลับ
  • สายหนังย้อนยุค
  • สายหนังคอเมดี้เบาสมอง

รีวิว / สรุปเนื้อหา

จัดว่าเป็นหนังสายลับที่แปลกแตกต่างจากหนังอย่างเจมส์ บอนด์ เอ็มไออี หรือแม้กระทั่งเจสัน บอร์น ใช้เหตุการณ์ในยุค 60 มาเป็นตัวเล่าเรื่องแทน สงครามเย็นอเมริกาและโซเวียตไม่ถูกกันแย่งชิงความเป็นใหญ่ แต่สุดท้ายต้องมาร่วมมือกันหยุดยั้งผู้ก่อการร้าย หนังเล่าถึงทัศนคติคน 2 ชาติที่คิดว่าตัวเองเป็นใหญ่ ปลูกฝังความบาดหมางลงไป การทำงานร่วมกันของคน 2 ชาติที่มีมุมมองการเมืองคนละด้าน เผด็จการ และประชาธิปไตยแบบเสรี แต่ก็ได้เห็นว่ามันเต็มไปด้วยการวางแผนดัดหลังอีกฝ่าย ทั้งที่ร่วมมือกันแท้ แต่กลับไม่วางใจซึ่งกันและกัน หวังจะเล่นตุกติกกับอีกฝากหนึ่ง

การมีสายลับอเมริกันและโซเวียต อย่าง โซโล่ และอิลิย่า คาแรคเตอร์ของทั้งคู่มันก็ได้ฟีลมาก  มันจึงดูสมน้ำสมเนื้อ  คนนึงชอบแหย่กวนตีนประสาท อีกคนถึงจะนิ่งแต่การกระทำต่าง ๆ ก็เรียกเสียงหัวเราะได้ตลอด พอมาจับคู่กันแล้วเกลี่ยบทให้ผลัดกันเหนือเลยรู้สึกว่าเคมีคู่นี้โคตรลงตัวจนทำให้รู้สึกว่าการเป็น buddy ชอบข่มใส่กันเป็นเสน่ห์ที่หาคู่ไหนมาเทียบยากจริงๆ เพราะตัวละครเกิดจากความไม่ชอบขี้หน้ากันมาก่อน แต่บทหนังเลือกทำให้เห็นพฤติกรรมของคนทั้ง 2 ชาติ ที่แตกต่างกัน มีแนวทางของตัวเองซึ่งเป็นการดีไซต์ให้ดูสนุกเน้นตลกมากกว่าจะไปคาดหวังโทนแอ็คชั่น ซึ่งตรงนี้คือจุดนี้คือเอกลักษณ์ของกาย ริชชี่ เขาเลยละ

ประเด็นสุดท้ายที่ขอชื่นชมคือเรื่องการวางเฟรมภาพ  โลเคชั่นการถ่ายทำ และคอสตูมที่เนี้ยบให้อารมณ์เหมือนอยู่ในยุค 60 จริงๆ ซึ่งภาพที่ปรากฏสู่สายตามันสวยงามมากๆ เมื่อใส่เพลงประกอบลงไปทุกอย่างจึงลงตัวสมบูรณ์แบบ  มันจึงทำให้นักแสดงนำ 3 คนออกมาแต่ละฉากมีบุคลิกที่น่าจดจำทั้ง  เฮนรี่ คาวิลล์ ในลุคสายลับที่ดูสมาร์ท จนหลายๆคนออกปากเชียร์ให้คนได้ทำตามความฝันเป็นเจมส์ บอนด์ ต่อจากดาเนียล เคร็ก,อาร์มี แฮมเมอร์ ที่มาในลุคที่นิ่งสุขุม ส่วนอลิเซีย วิกานเดอร์ ก็ดูใสๆแสบสันต์กว่าที่คิด เป็นจอมป่วน 2 สายลับ

เกร็ดจากหนังเรื่องนี้

  • Tom Cruise เคยนักแสดงคนแรกที่ถูกทาบทามให้มารับบท นโปเลียน โซโล แต่ติดถ่ายหนัง Mission Impossible ภาค 5 เลยปฏิเสธ
  • มีนักแสดงชายถึง 17 คนที่ถูกทาบทามให้แสดงเป็น นโปเลียน โซโล ก่อนที่บทจะมาลงเอยที่ Henry Cavill
  • Henry Cavill, Armie Hammer แสดงฉากแอ็คชั่นเสี่ยงตายเองและพึ่งพาสตํ๊นแมนให้น้อยที่สุด