รวม 6 เดี่ยวไมโครโฟนสุดฮาแบบจุกๆ ที่สามารถหาดูได้ Netflix
เดี่ยวไมโครโฟน หรือ Standup Comedy นั้น นับเป็นอีกความบันเทิงของใครหลายๆ คน ที่สร้างเสียงหัวเราะได้ไม่แพ้การดูหนังตลกแบบฮาๆ สักเรื่องเลย โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับนักพูดที่มีทักษะ ที่รู้จักหยิบเอาเหตุการณ์ปกติ มาเล่าให้เป็นเรื่องตลกได้ ก็น่าจะยิ่งโดนใจคนฟังเข้าไปใหญ่ เพราะเรื่องใกล้ตัวมันอินได้ง่าย และเข้าถึงได้ง่ายกว่า ซึ่งนับเป็นเสน่ห์ของวงการ Standup Comedy เป็นอย่างมาก ที่อาศัยเพียงแค่ผู้พูด และไมโครโฟนตัวเดียวเท่านั้น ก็สร้างเสียงหัวเราะได้ขนาดนี้
ในไทยเอง เดี่ยวไมโครโฟน อาจจะยังไม่ค่อยเป็นที่นิยมเท่าไร เพราะหากดูแล้วก็แทบจะมีแค่พี่โน้ต อุดม แต้พานิช คนเดียวด้วยซ้ำที่ขึ้นเวทีใหญ่ๆ แต่ก็น่าสนใจที่ช่วงนี้มีกระแสของรายเล็กๆ ที่เริ่มมีร้าน หรือที่จัด Standup Comedy มากขึ้น ซึ่งก่อนจะไปถึงตรงนั้น วันนี้หากใครมี Netflix อยู่ในมือแล้ว ก็อยากจะแนะนำ Standup Comedy รายอื่นๆ ของต่างประเทศกันดูบ้าง ซึ่งพยายามจะเลือกคนที่มุขค่อนข้างสากล และมีลูกล่อลูกชนที่สนุกไม่ว่าคนฟังจะเป็นชาติใดก็ตาม ส่วนจะมีใครบ้างลองมาดูกัน
Trevor Noah
เชื่อว่า Trevor Noah คนนี้น่าจะครองใจสาย Standup Comedy หลายๆ คนแน่ๆ ด้วยความที่เขาเป็นคนที่เปิดโลกได้ค่อนข้างกว้าง จากการเดินทางไปยังสถานที่ต่างๆ รวมถึงการอ่านหนังสือที่มากมาย เลยทำให้เขานั้นมักเอาเนื้อหาที่มีสาระ มาทำให้กลายเป็นเรื่องตลกได้แบบเฉียบคม และน่าสนใจเป็นอย่างมาก
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเขาได้ลงลึกถึงเรื่องที่เป็นประวัติศาสตร์นี่ต้องบอกว่าเขาแม่นไม่น้อยเลย แล้วพอเอามาเล่ากลับทำให้สนุก มีความน่าสนใจ และเปลี่ยนเรื่องน่าเบื่อให้ตลกได้แบบสนุกสุดๆ แม้ว่ามันจะเป็นเรื่องการล่าอาณานิคมก็ตาม ในพาร์ทการเมืองก็ค่อนข้างคมจัด ส่วนหนึ่งเพราะด้วยทักษะการเลียนแบบที่เหมือน และมีเสน่ห์มาก เวลาจะล้อใครที รับรองฮาแตกแน่นอน
ตอนที่มีใน Netflix: Afraid of the Dark (2017), Son of Patricia (2018)
Grabriel Iglasius
นักพูดที่น่ารักอีกคน ที่ด้วยหุ่นและตัวกลมๆ ของเขา เลยทำให้เขามีฉายาว่า Fluffy เขาเป็นเดี่ยวไมโคโฟนที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวมากๆ และจุดเด่นที่ทำให้ทุกๆ คนสามารถเข้าถึงได้ เพราะมุขของเขาแทบจะไม่มีคำหยาบ เรื่องใต้สะดือ หรือด่าว่าคนอื่นสักเท่าไรเลย แต่ความน่าสนใจคือ แม้ไม่มีมุชขที่ว่า แต่กลับทำให้ตลกจนท้องแข็งได้
ทักษะหนึ่งที่เฉียบคมของเขา ก็คือการแปลงเสียงต่างๆ จนหลายคนเรียกว่าเป็นมนุษย์ Sound Effect เพราะสามารถทำเลียนเสียงทุกอย่างประกอบการเล่าได้เหมือนมากๆ อาทิ เสียงรถหวอ เสียงเปิดปิดประตู และอื่นๆ อีกมาก ที่ช่วยเพิ่มอรรถรสในการเล่าเรื่อง แถมเรื่องส่วนมากก็ยังหยิบเอาใกล้ตัว มีเรื่องเนิร์ดๆ พวกฮีโร่บ้าง เข้าถึงได้ไม่ยาก จนเป็นอีกคนที่อยากจะกราบให้ไปดูกัน
ตอนที่มีใน Netflix: I’m sorry for what I said when I was hungry (2016), One Show fits all (2019), Stadium Fluffy (2022)
Russell Peters
นักเดี่ยวไมโครโฟนอีกคนที่มีชื่อเสียงมาตั้งแต่สมัยหนุ่มๆ แต่พอยิ่งมีอายุยิ่งมีประสบการณ์ขึ้น เก๋าเกมขึ้น และหยิบประสบการณ์มาเล่าในคมขึ้น โดยเขานั้นเป็นชาวอินเดีย ที่บ้านอพยพไปอยู่ที่แคนาดา เลยค่อนข้างได้รับวัฒนธรรมที่ค่อนข้างหลากหลาย จนกระทั่งได้เข้าสู่วงการเต็มตัวในประเทศอเมริกา
ซึ่งด้วยความหลากหลายทางวัฒนธรรมทำให้เขาสามารถหยิบเรื่องราวเหล่านี้มาเล่าได้สนุก โดยประเด็นความฮาคงเป็นเรื่องเชื้อชาติ และการเหมารวมของแต่ละชาติ แม้ว่าจะมีกระแสลบๆ เรื่องการเหยียดชาติ แต่เขาก็บอกว่ามันมาจากประสบการณ์ที่เขาเห็นจริงๆ ซึ่งก็เชื่อว่าประสบการณ์ที่เขาเจอมาเนี่ย มันก็เหมือนที่หลายๆ คนเจอนั่นแหละ เช่นการต่อราคากับคนจีนอะไรแบบนี้
ตอนที่มีใน Netflix: Almost Famous (2016)
Dr Jason Lieng
หนุ่มหน้าตี๋คนนี้เป็นชาวมาเลเซียที่มีดีกรีเป็นหมอมาก่อน จนชื่อ Doctor นำหน้า แต่กลับมีความฮามาให้แบบเหลือล้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งด้วยความที่เป็นชนชาติประเทศเพื่อนบ้าน แถมยังมีเชื้อจีนก็ทำให้มุกของเขานั้นค่อนข้างที่จะใกล้ตัวคนไทยอยู่ไม่น้อย โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับการหยิบยกเอาวัฒนธรรมต่างๆ มาเล่าก็มักจะรู้สึกว่าโดนอยู่เสมอ เช่น การที่พ่อแม่ อยากให้ลูกเป็นหมอ อะไรแบบนี้
รวมถึงจากประสบการณ์เป็นหมอของเขา ก็ทำให้เขาเอาเรื่องราวในการทำงาน หรือการแอบเมาท์คนไข้ มาทำให้ตลกอยู่ไม่น้อย แถมตัวเขาเองยังเคยไปชนะรางวัลแข่งตลกสากลที่ฮ่องกงชนะในปี 2013 มาด้วย แม้ใน Netflix จะมีผลงานเขาไม่มาก แต่หลังจากดูแล้วก็ได้ไปติดตามเขาปล่อยความฮาเรื่อยๆ ในหลายๆ ช่องทางเลยล่ะ
ตอนที่มีใน Netflix: Hashtag Blessed (2018)
Ronny Chieng
ตัวจิ๊ดชาวมาเลเซียอีกคน ที่เข้าใจวัฒนธรรมสายเอเชียได้เป็นอย่างดี แล้วเอามุขความเป็นเอเชียขึ้นมาให้ในสากลสามารถอินไปได้ พร้อมกับเข้าใจวิถีชีวิต หรือทัศนคติของชาวเอเชียมากขึ้น ซึ่งด้วยบุคลิกอันโผงผาง ดูเก๋าๆ พร้อมชนอันเป็นเอกลักษณ์ ก็ไม่แปลกใจนักหากเขาจะมีเอกลักษณ์ชัดเจนจนเป็นที่ชื่นชอบอย่างมาก
โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับมุขที่ต่อต้านพวกเหยียดเชื้อชาติหรือเหยียดชาวเอเชีย ก็มักตอกหน้าพวกเขาได้อย่างอยู่หมัด รวมถึงการเสียดสีในเรื่องของสังคมยุคปัจจุบันต่างๆ ก็สามารถยิงออกมาได้ตรงเป้า ซึ่งนอกจากผลงานด้าน Stand Up Comedy แล้ว เขายังมีบทเล็กๆ ในหนัง Marvel อย่าง Shang-Chi ด้วย
ตอนที่มีใน Asian Comedy Destroy America (2019), Netflix: Speakeasy (2022)
Ali Wong
ถ้าจะหา Standup Comedy สักคนที่ด่าผู้ชายได้เจ็บแสบรุนแรงสะท้านทรวงแล้วคงหนีไม่พ้นตัวแม่อย่าง Ali Wong แน่ๆ เพราะเธอเป็นสาวปากแจ๋ว ที่มักหยิบเอาเรื่องราวการท้อง และการมีลูกที่แสนทรมาน (ในขณะที่บ่นว่าสามีเธอสบายกว่าเยอะ 555) เอามาเล่าให้ขยี้ปรี๊ดปร๊าด ไปพร้อมๆ กับการเข้าใจผู้หญิงมากขึ้น
ซึ่งความแสบซ่าส์ของเธอนั้น ก็มาตั้งแต่การที่เธอเองชอบไปเดี่ยวไมโครโฟน ตอนที่ท้องโย้ๆ อยู่นั่นแหละ ไม่ว่าจะลูกคนไหน ก็ขึ้นเวทีในท้องเธอมาแล้วทั้งนั้น ตัวมุขค่อนข้างจะมีความเฟมินิสสูง และโจมตีผู้ชายหนักมาก อีกทั้งความหยาบคาย หยาบโลน และสถุล ของเธอก็เป็นเสน่ห์อย่างหนึ่ง ที่หากทำใจยอมรับได้เมื่อไร จะสัมผัสความฮาน้ำตาไหลได้ทันที แถมนอกจากนี้เธอยังมีผลงานหนังเยอะแยะด้วยนะ
ตอนที่มีใน Netflix: Baby Cobra (2016), Hard Knock Life (2018), Don Wong (2022)