Jigsaw (2017)
เกมต่อตัดตาย
คะแนน
โกดังหนัง
การกลับมาของ Jigsaw ที่ลดความโหดแหวะจากการฆ่า
สู่การเล่าเรื่องราว ที่มีพล็อตเจ๋งๆ ชวนติดตาม คุ้มค่าการกลับมาจริงๆ
คำคมจากภาพยนตร์
“The truth will set you free.” “ความจริงจะช่วยปลดปล่อยให้คุณเป็นอิสระ”
เรื่องย่อ
หลังจากฆาตกรสุดโหดอย่าง Jigsaw ได้ตายไปแล้วกว่า 10 ปี ในเมืองกลับยังเจอศพต่างๆ ที่ผุดขึ้นมาอย่างน่าประหลาด แถมหลักฐานก็บ่งชี้ว่าเป็นฝีมือของ Jigsaw ในขณะเดียวกัน อีกสถานที่หนึ่ง ก็มีคนปริศนา 5 คน ที่ต่างมีสร้างความผิดบาปในอดีตเอาไว้ เลยโดนจับเข้ามาเล่นเกมสยองเพื่อให้สำนึกถึงการกระทำตัวเองกันอีกครั้ง ซึ่งถ้า Jigsaw ตายแล้วจริงๆ แล้วใครล่ะที่เป็นสานต่อเจตนารมณ์สุดโหดของเขาในครั้งนี้
หนังเรื่องนี้เหมาะกับใคร
สำหรับ Jigsaw หรือ Saw ภาคที่ 8 นี้ นับเป็นภาคต่อที่ไม่สามารถแยกออกมาดูเดี่ยวๆ ได้ เนื่องจากจักรวาลของหนังมันมีที่มาที่ไปต่อเนื่องกันไปหมด แต่หากอยากดูจริงๆ ก็พอไหว แต่อาจจะงงๆ และเกิดความสงสัยอยู่หน่อยๆ ซึ่งสำหรับแฟนเดนตายของหนังชุดนี้แล้ว น่าปลาบปลื้มกับมันมาก สำหรับการกลับมาเชืิอดแบบมีสไตล์ พร้อมทั้งพล็อตเรื่องที่มีความน่าสนใจ สับขาหลอกคนดูสุดๆ และยังมีบรรดา Easter Eggs จากภาคก่อนๆ ที่เอาใส่กันให้หายคิดถึงด้วย ดังนั้นหนังเรื่องนี้จะเหมาะสำหรับคนที่ดู Saw มาก่อนตลอดทุกภาค หรืออย่างน้อยๆ ก็ต้องรู้เรื่องในจักรวาลนี้มาก่อนแน่ๆ
- สายหนังโหดเลือดสาด
- สายหนังฆาตกรโรคจิต
- สายหนังเอาชีวิตรอดจากฆาตกร
รีวิว / สรุปเนื้อหา
สำหรับแฟนๆ Saw ในแต่ละภาคนั้น อาจจะรู้สึกถึงความอิ่มตัวขึ้นมาใน Saw สักประมาณภาค 6-7 ที่เนื้อเรื่องมันดูปนเปกันหมดจนยากที่จะแยกออกแล้วว่าเนื้อหา หรือกับดักแต่ละอันมันอยู่ในภาคไหนกันแน่ และดูเหมือนตัวหนังเองก็รู้ตัวอยู่เหมือนกันจากกระแสและรายได้ของหนังที่ลดลง จนทำให้หนังต้องกลับมาพักตั้งหลักกันก่อน และวางแผนถึงแนวทางของหนังชุดนี้กันใหม่ ซึ่ง Jigsaw ก็ออกมาเป็นคำตอบนั้น เมื่อหนังได้พี่น้อง Spierig มาเป็นผู้กำกับและกำหนดทิศทางต่อไป ก็ช่วยพลิกโฉมของหนังให้แตกต่างจากเดิมอยู่พอสมควร
ความเปลี่ยนแปลงที่สังเกตเห็นได้อย่างชัดๆ ก็คือหนังพยายามลดฉากทรมานทรกรรมในแบบโลว์เกรดที่ดูรุนแรงจนต้องเบือนหน้าหนีลงไปเยอะ แล้วแทนที่ด้วย กลวิธีการฆ่าในแบบที่มีสไตล์แทน ซึ่งก็ไม่ได้แปลว่ามันไม่โหด เพียงแต่การใช้งานด้านภาพ หรือการออกแบบนั้น มาทำออกมาได้ดูมีคลาสกว่า ในขณะที่ความโหดก็ยังจัดหนักจัดเต็มเหมือนเดิม ทั้งเครื่องปั่นมนุษย์ หรือปลอกคอเลเซอร์ ก็นับว่าเป็นอุปกรณ์ที่น่าจดจำสำหรับภาคนี้อยู่ไม่น้อยเลย
ในส่วนของเนื้อเรื่องก็นับว่าทำออกมาได้สนุก มีการหลอกล่อคนดูถึงการมีอยู่ของ Jigsaw ได้เป็นอย่างดี เพราะหากใครที่เป็นแฟนๆ ของ Jigsaw มาอยู่แล้ว ก็คงรู้ว่าตัวละครนี้นั้นตายไปตั้งแต่ภาค 3 แล้ว แต่เบาะแสต่างๆ ที่เกิดขึ้นในภาคนี้นั้น ก็ชวนให้คิดว่า Jigsaw Return หรือไม่ก็ต้องมีทายาทอยู่แน่ๆ จนทำให้ระหว่างที่ดูตัวละครค่อยๆ โดนเชือดไป ก็ชวนลุ้นไปก้บเรื่องราวที่เกิดขึ้นด้วยว่าหนังจะเฉลยออกมาในท่าไหนกันแน่ ซึ่งการสับขาหลอกก็นับว่าชวนเหวอและได้ผลมากเลยทีเดียว ทำให้การกลับมาของ Jigsaw ในภาคนี้ ดูมีสไตล์อยู่ไม่น้อย แถมพล็อตเรื่องก็ยังเจ๋งดีอีก จนเรียกได้ว่าคุ้มค่าที่ให้แฟนๆ รอคอยการกลับมาจริงๆ
เกร็ดจากหนังเรื่องนี้
- Tobin Bell นั้นรับบท John Kramer หรือ Jigsaw มาถึง 10 ครั้ง โดยเป็นหนัง 8 ภาค และวิดีโอเกมอีก 2 ภาค นับเป็นการรับบทเดิมที่ยาวนานมากๆ
- เครื่องปั่นมนุษย์ หรือ The Spiralizer นั้น เป็นไอเดียมาจาก Darren Lyn Bousman ผู้กำกับจากภาคก่อนๆ ที่มีแผนอยากจะมาใช้ตั้งแต่ใน Saw III แต่ก็ยังไม่มีโอกาสได้ใช้จนมาถึงภาคนี้
- ด้วยความสำเร็จของหนังที่ชุบชีวิตแฟรนไชส์จากภาคก่อนๆ ที่กระแสแผ่วลงไป จนทำให้ค่าย Twisted Pictures ก็ไฟเขียวให้สร้างภาค 9 และ 10 ต่อมาในทันที